“รูปปั้นแกะสลักนี้เอาต้นแบบมาจากใครกัน? คนคนนี้จะต้องอัปลักษณ์สิ้นดีเลยทีเดียว” คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย
เผ่าโลหิตเป็นชนเผ่าที่แสวงหาแต่สิ่งสวยงามอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาชื่นชอบสิ่งที่สวยงามสดใส รังเกียจสิ่งที่อัปลักษณ์น่าเกลียด
อาจจะพูดได้ว่าพวกเขาเป็นพวกที่คลั่งไคล้ความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสุดขั้ว
หลินหยุนก็ไม่แน่ใจว่าต้นแบบของรูปปั้นแกะสลักพวกนี้เป็นใครเช่นกัน
แต่ว่าเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเทพจันทรา
หรือไม่ เธออาจจะเป็นลูกน้องของเทพจันทราก็ได้
“อย่าเพิ่งไปสนใจที่มาของผู้หญิงคนนี้เลย พวกเราเข้าไปดูในพระราชวังนั้นก่อน ฉันรู้สึกว่า ประกาศิตของเทพธิดาแห่งชีวิตที่ทิ้งไว้นั้นจะต้องอยู่ภายในพระราชพระราชวังนี้อย่างแน่นอน”
คาร์นอตวิลเลียมพูดจบก็มุ่งหน้าเดินไปยังพระราชวังหลังนั้น
“ระวังนะ” หลินหยุนก็พูดเตือน
ในขณะที่คาร์นอตวิลเลียมย่างก้าวเข้าไปลานกว้างนั้น รูปน้ำแข็งแกะสลักทั้งสิบสองตัวนั้นถึงกับค่อยๆละลายลง แล้วปรากฏนักรบที่สวมชุดเกราะโบราณพร้อมด้วยกระบี่ด้ามยาวแนบเอวจำนวนสิบสองคน
หลินหยุนพูดอย่างตื่นตกใจว่า “ถึงกับเป็นแค่หุ่นเชิด!”
ที่ทำให้หลินหยุนรู้สึกเซอร์ไพรส์มากก็คือ น้ำแข็งแกะสลักทั้งสิบสองตัวนั้น ล้วนแต่มีพลังฝึกฝนในแดนปรมาจารย์สูงสุดทั้งนั้น
“เทพแห่งสว่างที่สูงควรตาย รูปปั้นแกะสลักพวกนี้ถึงกับฟื้นคืนชีพได้!” คาร์นอตวิลเลียมตกใจ รีบถอยกลับมาอย่างทุลักทุเล
หลังจากที่คาร์นอตวิลเลียมถอยออกจากนอกเขตลานกว้างนั้นไปแล้ว รูปปั้นน้ำแข็งแกะสลักทั้งสิบสองตัวนั้นก็ถอยกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมทันที เพื่อเฝ้าปกป้องบริเวณรอบๆรูปปั้นผู้หญิงอัปลักษณ์ที่อยู่ตรงกลางนั้น
เมื่อหลินหยุนเห็นจุดนี้แล้ว แต่ว่าก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟันธงได้
ดังนั้น จึงพูดกับคาร์นอตวิลเลียมว่า “คุณลองเดินเข้าไปในเขตลานกว้างดูหน่อยซิ”
“อ๋อ?” คาร์นอตวิลเลียมมองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าตกตะลึง “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ?”
ถึงแม้ปากก็ถามว่าทำไม แต่ขาของคาร์นอตวิลเลียมก็ก้าวเข้าไปเหยียบบนแผ่นศิลาสีเขียวบนลานกว้างนั้น
ทันใดนั้น นักรบทั้งสิบสองนั้น ก็ทยอยก้าวเดินเข้ามาหาคานอตวิลเลียมทันที
“ถอยกลับมา” หลินหยุนพูด
คาร์นอตวิลเลียมก็รีบถอยกลับมา
นักรบทั้งสิบสองนั้นก็ทยอยเดินกลับไปยังตำแหน่งเดิมของตัวเอง
หลินหยุนพูดว่า “นักรบพวกนี้จะจู่โจมแต่เฉพาะคนที่ก้าวเท้าเหยียบเข้าไปภายในบริเวณลานกว้างเท่านั้น”
คาร์นอตวิลเลียมคิดอยู่สักครู่แล้วพูดว่า “งั้นขอเพียงแต่พวกเราไม่ต้องเหยียบบนลานกว้างนี้ พวกเขาก็จะไม่โจมตีพวกเราอย่างงั้นเหรอ?”
“นี่ก็ง่ายนิดเดียว เหาะข้ามไปก็ได้แล้ว”
คาร์นอตวิลเลียมพูดอย่างดีอกดีใจ
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเข้มว่า “มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น”
“คุณลองเหาะข้ามไปดูซิ”
คาร์นอตวิลเลียมสีหน้าแสดงความสงสัย กระโดดตัวขึ้นไปยังท้องฟ้า
แต่ว่าร่างกายของเขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฉันถึงกับไม่สามารถบินได้แล้ว!”
หลินหยุนมองดูท้องฟ้าที่ขาวโพลน ทุกอย่างบนท้องฟ้าล้วนสีขาวโพลนไปหมด
“ที่นี่มีค่ายกลสกัดการเหาะเหิน”
คาร์นอตวิลเลียมถามด้วยความสงสัยว่า “งั้นสามารถจะทำลายค่ายกลไหม?”
“หลินหยุนพูดว่า “เกรงว่าจะไม่ได้”
ค่ายกลสกัดการเหาะเหิน โดยทั่วไปแล้วมีเพียงแต่ผู้บำเพ็ญเซียนในแดนจิตปฐมขึ้นไปจึงจะสามารถจัดวางได้ ด้วยพลังความสามารถของหลินหยุนตอนนี้แล้ว ยังไม่สามารถทำลาย ค่ายกลสกัดการเหาะเหินที่ผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมวางไว้ได้เลย
อย่างน้อยที่สุดค่ายกลสกัดการเหาะเหินไม่เหมือนกับค่ายกลแบบจู่โจมอย่างอื่น เพียงแค่เป็นชนิดสกัดกั้นอย่างหนึ่งเท่านั้น
ส่วนในโลกบำเพ็ญเซียนนั้น ค่ายกลชนิดที่ทำลายยากที่สุดก็คือชนิดสกัดกั้นพวกนั้น
“แต่ว่าฉันเห็นคุณอยู่ข้างนอก สามารถทำลายแนวป้องกันข้างนอกได้อย่างสบายเลย” คาร์นอตวิลเลียมถามด้วยความสงสัย
หลินหยุนไม่ได้ตอบ ที่เขาสามารถทำลายแนวป้องกันได้อย่างง่ายดายนั้นเป็นเพราะว่า กุญแจที่ไขแนวป้องกันการเข้าออก ก็คือวิทยายุทธ์ในการฝึกฝนวิชามหากรุณาสร้างสรรพสิ่งนั่นเอง
เขาเพียงแต่ฝึกฝนวิชามหากรุณาสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น ก็สามารถเหนี่ยวนำให้แนวป้องกันเปิดออกได้
เท่ากับว่าหลินหยุนมีกุญแจแล้ว ต่อให้กลอนล็อกที่แข็งแกร่งกว่านี้ ก็ย่อมสามารถเปิดออกได้อย่างแน่นอน
คาร์นอตวิลเลียมพูดอย่างหมดหนทางว่า “งั้นพวกเราก็คงต้องสู้กับสัตว์ประหลาดทั้งสิบสองตัวนี้แล้ว”
“ลุยเลยสิ!”
หลินหยุนพูดจบ ก็ย่างก้าวเข้าไปในลานกว้างนั้นทันที
นักรบระดับปรมาจารย์ทั้งสิบสองคนนั้น ยังแข็งแกร่งกว่านักบู๊ในแดนโลกบู๊โบราณเสียอีก อีกทั้งยังเป็นหุ่นเชิดที่ไม่รู้สึกความเจ็บปวดและไม่กลัวความตายอีกด้วย
คาร์นอตวิลเลียมแม้แต่คนเดียวในนั้นก็ยังไม่สามารถจัดการได้เลย อีกอย่างเมื่ออยู่ภายใต้ค่ายกลสกัดการเหาะเหิน ความเร็วที่ได้เปรียบของเขาก็ไม่มีหลงเหลืออยู่อีกเลย
“สัตว์ประหลาดพวกนี้แข็งแกร่งมาก ฉันชกไปบนตัวพวกเขา ก็เหมือนช่วยเกาที่คันให้เท่านั้นเอง”
คาร์นอตวิลเลียมตะโกนพูด
หลินหยุนคนเดียว ต้องเผชิญกับหุ่นที่เหลืออีกสิบเอ็ดตัวในเวลาเดียวกัน
หุ่นเชิดพวกนี้ถึงแม้จะแข็งแกร่งก็จริง แต่ยังไงก็เป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่ไร้วิญญาณ อีกอย่างพละกำลังของหลินหยุนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย
ดังนั้นถึงแม้ว่าเสียเวลาไปบ้าง แต่ในที่สุดหลินหยุนก็สามารถจัดการหุ่นพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
สำหรับหุ่นเชิดตัวนั้นของคาร์นอตวิลเลียม สุดท้ายแล้วก็ยังต้องให้หลินหยุนมาช่วยจัดการให้เขา
คาร์นอตวิลเลียมรู้สึกเหนื่อยจนแทบหมดแรง “นี่มันเป็นของบ้าบออะไร จัดการยากชะมัดเลย”
“เข้าไปดูในพระราชวังก่อนเถอะ!” หลินหยุนไม่ได้สนใจเขา เดินตรงเข้าไปยังพระราชวัง หลังนั้น
รูปทรงของพระราชวัง เป็นสิ่งก่อสร้างลักษณะสี่เหลี่ยมแบบสมัยโบราณ ยุคสมัยที่ยาวนานมากแล้ว ไม่เหมือนกับสิ่งก่อสร้างในสมัยราชวงศ์ต่างๆที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีนเลย
หลินหยุนเดินมาถึงประตูด้านหน้า ค่อยๆยื่นมือออกไป ผลักไปยังช่องว่างระหว่างประตูหนึ่งที
มีพลังที่อ่อนโยนค่อยๆผลักประตูพระราชวังให้เปิดออก
กลิ่นอายเก่าแก่โบราณที่เย็นยะเยือก ก็โชยออกมาจากข้างในพระราชวัง
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในพระราชวัง จึงพบว่าถึงแม้ภายนอกพระราชวังล้วนแต่เป็นน้ำแข็งแกะสลักก็ตาม แต่ว่า ภายในพระราชวังกลับเป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง
ยังมีเฟอร์นิเจอร์ไม้อยู่ส่วนหนึ่ง แต่ว่าเมื่อแตะเบาๆ ก็แตกละเอียดเป็นปุ๋ยผงแล้ว
“ชั้นนอกพระราชวังนี้ ดูเหมือนมีคนเจตนาใช้น้ำแข็งห่อหุ้มเอาไว้” คาร์นอตวิลเลียมพูด ด้วยความสงสัย
หลินหยุนก็สังเกตเห็นรายละเอียดพวกนี้แล้ว เขารู้สึกว่า ในพระราชวังนี้เดิมทีน่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ถูกคนใช้พลังเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมาถึงที่นี่
แต่ว่า พวกนี้ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้
“ไปดูซิว่าข้างในนี้มีประกาศิตของเทพธิดาแห่งชีวิตอยู่หรือเปล่า” หลินหยุนพูด
“นั่นน่ะสิ รีบไปหาเร็ว!” คาร์นอตวิลเลียมพูด
ภายในพระราชวัง มีห้องหลายห้อง หลินหยุนและคาร์นอตวิลเลียมก็เดินเข้าไปสำรวจดูทีละห้อง
มีห้องจำนวนมากมายที่เป็นห้องธรรมดาทั่วไป ข้างในมีร่องรอยของคนเคยอาศัยอยู่
อีกอย่าง เมื่อดูจากกระจกทองเหลืองและหวีไม้ที่เหลืออยู่ในห้องนั้น คนที่เคยเป็นเจ้าของพระราชวังแห่งนี้ น่าจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่ว่า ทั้งสองคนก็ไปค้นหาทั่วทุกห้องแล้ว ก็ไม่ได้พบสิ่งของอะไรที่ใช้ประโยชน์เลย
มีแต่ในห้องที่คล้ายห้องหนังสือห้องหนึ่ง ได้พบกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดากล่องหนึ่ง
“แปลกจัง ประกาศิตของเทพธิดาแห่งชีวิตอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?” คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยความสงสัย
“ตามที่บันทึกไว้ ก็น่าจะอยู่ที่ไม่ผิดแน่ แล้วทำไมไม่มีล่ะ?”
หลินหยุนเพียงแต่มองดูกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “คุณไม่รู้สึกเลยเหรอว่า กล่องไม้นี้แลดูแปลกๆ”
คาร์นอตวิลเลียมพูดว่า “ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย ก็แค่กล่องไม้กล่องหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ว่า มันกลับเป็นสิ่งของที่ทำจากไม้เพียงชิ้นเดียวในบรรดาสิ่งของที่พวกเราได้จับต้องทั้งหมดในที่นี่ ที่ไม่แตกละเอียดเป็นเถ้าถ่านเลย” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
คาร์นอตวิลเลียมสะดุ้งตกใจ จากนั้นก็พูดด้วยความดีใจว่า “หรือว่านี่ก็คือประกาศิตที่เทพธิดาแห่งชีวิตเหลือไว้!”
“รีบเปิดดูเร็ว!”
หลินหยุนก็ลองเปิดดู แต่ว่ากล่องไม้กลับไม่ขยับเขยื้อนเลย
“มีการสกัดกั้น” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
คาร์นอตวิลเลียมถอนหายใจเฮือกทันที “คนจีนพวกคุณแปลกจริงๆเลยนะ ของอะไรก็ชอบใช้วิธีการสกัดกั้นไว้”
“ในเมื่อเหลือไว้ให้คนอื่นดู งั้นก็ตรงไปตรงมาไม่ได้เหรอไง? ทำไมยังจะต้องมาสกัดกั้นให้คนอื่นเขาลำบากอีกล่ะ” คาร์นอตวิลเลียมพูดอย่างตำหนิ
“นี่เพราะคุณยังไม่เข้าใจวัฒนธรรมของคนจีนเลย” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
“ประเทศจีนในสมัยโบราณ มีเทคโนโลยีล้ำลึกที่น่าทึ่งมากมาย แต่ว่า พอมาถึงยุคหลัง ส่วนใหญ่ก็หายสาบสูญไปหมดแล้ว”
“คุณรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร?” หลินหยุนถาม
คาร์นอตวิลเลียมพูดว่า “นั่นน่ะสิ ประเทศจีนเป็นชนเผ่าที่มีประวัติศาสตร์อารยธรรมยาวนานมากกว่าห้าพันปีมาแล้ว ประเทศจีนในอดีตเคยยืนตระหง่านอยู่จุดสูงสุดในโลกอย่างน่าภาคภูมิใจ เทคโนโลยีด้านต่างๆล้วนนับว่าสุดยอดทั้งนั้น”
“มีเรื่องหนึ่งที่ฉันรู้สึกประทับใจมากที่สุด ก็คือในสมัยจ้านกั๋ว ประเทศจีนเคยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกลไกได้ประดิษฐ์นกบินได้ด้วยกลไกแบบหนึ่ง สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าทั้งวันทั้งคืนได้ โดยไม่มีแหล่งกำเนิดพลังงานอะไรคอยสนับสนุนเลย”
“นี่นับได้ว่ายังร้ายกาจกว่าเครื่องบินรุ่นแรกตอนนั้นถึงสิบเท่าเสียอีก!”
“แต่ว่าตอนหลัง ของพวกนี้ก็ได้หายสาบสูญไปหมดแล้ว”