ประธานาธิบดีหน้าถอดสีทันที ความหมายของท่านก็คือ เมื่อไรที่ค่ายกลพังทลายลงมาประตูเซียนก็จะต้องเปิดออกอย่างสิ้นเชิงเหรอ?
โม่เฉินพยักหน้าแล้วพูดว่า ถูกต้อง! เมื่อไหร่ที่คนในประตูเซียนเดินออกมาได้แล้ว งั้นทั่วทั้งโลกจะเปลี่ยนแปลงไปยังไงนั้น ไม่มีใครสามารถนึกภาพออกได้เลย! แม้แต่จะต้องถูกทำลายจนหมดสิ้นก็เป็นเรื่องปกติ
คำพูดของโม่เฉินทำให้ประธานาธิบดีที่สุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอดนั้น ก็เกิดความรู้สึกว้าวุ่นขึ้นในใจแล้ว
สูดลมหายใจลึกๆเข้าไป พยายามทำให้ตัวเองเยือกเย็นที่สุด
ประธานาธิบดีถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ท่านครับ งั้นที่ท่านมาหาฉันวันนี้มีจุดประสงค์อะไรเหรอ?
โม่เฉินพูดว่า เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะหลินหยุนคนเดียว ตอนนี้ก็มีเพียงหลินหยุนเท่านั้นที่มีความสามารถในการแก้ไขได้!
ที่ผมมาหาประธานาธิบดีคราวนี้ ก็เพื่อขอให้ประธานาธิบดีช่วยให้หลินหยุนรีบออกจากการเก็บตัวให้เร็วที่สุด!
แล้วไปที่โลกบู๊โบราณ เพื่อทำการยึดตราประทับของค่ายกลให้มั่นคงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!
ประธานาธิบดีรีบพูดว่า แต่ว่า หลังจากที่หลินหยุนกลับมาจากอเมริกาแล้ว ก็เข้าไปเก็บตัวแล้ว!
โม่เฉินพูดว่า ประเด็นนี้ผมทราบดีครับ ในช่วงเวลานี้ สำนักโม่เหมินของเราจะพยายามยึดค่ายกลให้มั่นคงอย่างสุดกำลัง ผมก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน จำเป็นจะต้องรีบกลับเข้าไปในโลกบู๊โบราณแล้ว
ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่หลินหยุนสิ้นสุดการเก็บตัวแล้ว รบกวนประธานาธิบดีรีบส่งข่าวนี้ให้หลินหยุนรู้ด้วยนะครับ!
ประธานาธิบดีรีบพยักหน้า ได้! คำพูดของท่าน ฉันจดจำไว้แล้ว! ขอเพียงให้หลินหยุนเสร็จจากการเก็บตัวแล้ว ฉันก็จะรีบส่งข่าวบอกเรื่องนี้กับเขาโดยด่วนเลย!
โม่เฉินก็โค้งคำนับอีกครั้งหนึ่ง ขอฝากด้วยนะครับ!
พอสิ้นเสียง เงาร่างของโม่เฉินก็หายไปจากที่เดิมแล้ว
ประธานาธิบดีก็รู้สึกตกตะลึง รีบตะโกนด้วยเสียงเข้มว่า เด็กๆ รีบแจ้งให้ท่านหงมาพบฉันด่วน!
……
โลกบู๊โบราณ
บริเวณเขาคุนชาง
โม่เฉินก็รีบกลับมาอย่างรวดเร็ว
เพราะว่ามีกำลังเสริมจากคนของสำนักโม่เหมินมาช่วย ในที่สุดค่ายกลสี่พิทักษ์ก็สามารถมั่นคงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
แต่ก็ยังไม่มั่นคงแข็งแรงเหมือนเดิม
มีคนของโลกบู๊โบราณพูดด้วยสีหน้าที่ดุร้ายว่า ฮื่อ! เป็นเพราะหลินชางฉองนั่นคนเดียวเลย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาบุกเข้ามาอาละวาดในโลกบู๊โบราณเรา แล้วเข่นฆ่าผู้คนจำนวนมากมายเช่นนั้น ไฉนเลยค่ายกลสี่พิทักษ์นี้จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?
ชายชราตระกูลหวางที่เหลืออีกคนหนึ่งก็พูดด้วยเสียงโกรธว่า ถูกต้อง! ทุกอย่างเป็นเพราะว่าฝีมือของหลินชางฉองที่ประทานมาให้ทั้งนั้นเลย!
ฉันว่าหากไม่สามารถที่จะรักษาไว้ได้จริงๆละก็ ปล่อยให้ค่ายกลนี้พังทลายลงมาก็แล้วกัน! ต่อให้ต้องตาย งั้นก็ตายด้วยกันทุกคนเลย!
โม่เฉินเปิดปากพูดว่า ทุกท่านอย่าได้พูดเช่นนั้นอีกจะดีกว่านะ!
ประตูเซียนจำเป็นจะต้องประทับตราสกัดกั้นเอาไว้!
เมื่อไหร่ที่ประตูเซียนเปิดออก ผู้คนทั่วโลกก็จะกลายเป็นมดตัวเล็กตัวน้อยกันไปหมด!
จะต้องไม่ให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นได้เป็นอันขาด!
ในเวลานี้เอง ตราประทับก็เกิดสั่นคลอนอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก
ทุกคนก็รีบเงียบปาก แล้วต่างก็รวบรวมสมาธิในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร เพื่อพยุงไว้ให้มั่นคงอย่างถึงที่สุด
ในเวลานี้เอง ทางหุบเขาที่ไม่ห่างไกลจากเขาคุนชางมากนัก
มีเงาร่างของชายหนุ่มสองคนแทรกตัวจากรอยแตกร้าวที่คับแคบออกมาได้
มองดูสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบๆที่ไม่คุ้นเคย มองดูท้องฟ้าสีครามที่อยู่เหนือศีรษะ ทั้งสองคนต่างก็มองหน้ากันและกัน และต่างมองเห็นสีหน้าแววตาที่ตื่นเต้นอย่างเหลือล้นของอีกฝ่ายหนึ่ง
ถ้าหากตอนนี้มีผู้บำเพ็ญเพียรได้เห็นสองคนนี้ละก็ จะต้องเกิดการอาการช็อกอย่างแน่นอน
เพราะว่ากลิ่นอายที่มองไม่เห็นที่ปลดปล่อยออกจากร่างของคนทั้งสองนั้น เป็นที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีดเลยทีเดียว
หลังจากที่มองตากันแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองคนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที
ผู้ชายที่สวมชุดยาวสีม่วงตะโกนพูดอย่างตื่นเต้นว่า พี่เจียง คิดไม่ถึงจริงๆว่า พวกเราสองคนถึงกับมีบุญวาสนาที่สูงส่งขนาดนี้ ถึงกับได้พบรอยแตกในช่องว่างนี้โดยบังเอิญเข้า!
ส่วนชายชุดยาวสีเขียวอีกคนหนึ่งพยักหน้าแล้วพูดว่า ถูกต้อง! โลกเซียนเราเคยมีตำนานร่ำลือมาเมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว ความหายนะจวนจะมาถึงแล้ว พวกบรรพบุรุษของพวกเราได้ประทับตราสกัดกั้นคนรุ่นหลังอย่างพวกเราไว้ในโลกเซียนเล็กๆใบนี้
คิดไม่ถึงจริงๆเลย คำร่ำลือในตำนานนี้ถึงกับเป็นจริงแล้ว!
แต่ว่า…….ทำไมชี่ทิพย์นอกโลกนี้ถึงได้เบาบางเช่นนี้? มิหนำซ้ำยังรู้สึกว่าแทบจะไม่มีชี่ทิพย์เหลืออยู่เลย!
หรือว่าความหายนะล้างโลกในตอนนั้นกำลังจะมาถึงจริงเหรอ?
ชายหนุ่มชุดสีม่วงหัวเราะแล้วพูดว่า พี่เจียง ทำไมต้องไปคิดเรื่องพวกนี้ พวกเราสองคนน่าจะไปทำความรู้จักกับโลกภายนอกนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังดีกว่านะ! ให้พวกเราไปดูซิว่า สถานที่ที่บรรพบุรุษของพวกเราเคยอยู่นั้น หน้าตาเป็นยังไงกันแน่
เงาร่างทั้งสองคนก็หายวับไปจากที่เดิมทันที
ถ้าหากหลินหยุนอยู่ในเหตุการณ์นี้ละก็ จะต้องรีบคาดคะเนออกได้ว่า ชายหนุ่มทั้งสองคนนี้ ถึงกับมีพลังฝึกฝนในแดนยาทองด้วยกันแล้วทั้งนั้น!
ไม่ใช่แดนยาทองของนักบู๊
แต่เป็นยาทองของผู้บำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง!
เป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกับเขาเช่นกัน!
ในไม่ช้า ระหว่างที่หลินหยุนเก็บตัวอยู่นั้น ทั่วโลกที่กำลังสงบลงเรื่อยๆนั้น กลับต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ยอดฝีมือที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นสองคนนั้น ได้ออกอาละวาดไปทั่วทั้งโลกบู๊แล้ว
และได้ก่อตั้งสำนักบำเพ็ญเซียนที่แท้จริงจำนวนสองแห่งขึ้นมา
พยายามรับลูกศิษย์สาวอย่างต่อเนื่อง
ที่ไหนที่มีหญิงสาวเลอโฉม ก็จะต้องถูกจับตัวมาอย่างรวดเร็ว
ได้ข่าวว่าสองคนนี้ คนหนึ่งชื่อว่ามู่หง อีกคนหนึ่งชื่อเจียงยี่
ประธานาธิบดีจีนก็ได้ส่งเจียงร่อโจ๋เทพแห่งสงครามไปรับศึกครั้งนี้ก่อน เพื่อวางแผนสกัดกั้นภัยร้ายจากคนทั้งสองที่มีต่อชาวจีนทั้งประเทศไว้
แต่เจียงร่อโจ๋ยังไม่ทันได้ลงมือเลย ก็ถูกหนึ่งในนั้นฆ่าตายไปแล้ว
จากนั้นประธานาธิบดีก็รีบประสานไปที่อเมริกา เพื่อให้อเมริกาส่งหน่วยรบเมคาชุดสุดท้ายที่เหลือมาช่วย!
แต่ว่าหน่วยรบเมคารุ่นที่สองก็ถูกโจมตีจนแตกละเอียดเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตา
ทั่วทั้งโลกต่างก็ตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัวไปหมด
ในวันนี้ ที่ชางฉองกรุ๊ป
ร่างของเจียงยี่ก็มาปรากฏอยู่ที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการหวางซูเฟินทันที
หวางซูเฟินที่กำลังปรึกษาหารือกับฉินหลันอยู่ก็สะดุ้งตกใจทันที มองไปยังเจียงยี่แล้วพูดว่า แก แกเป็นใคร?
เจียงยี่หัวเราะฮาๆ มองไปยังหวางซูเฟินก่อน แล้วมองไปยังฉินหลันที่อยู่ข้างๆ ลูบคางตัวเองด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดว่า ใช่เลย ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง สมตามคำร่ำลือทุกอย่างจริงๆเลย ล้วนแต่เป็นสุดยอดของดีชั้นหนึ่งทั้งนั้น!
หวางซูเฟินได้ยินแล้ว ก็ตะโกนพูดด้วยความโมโหว่า บังอาจ! แกเป็นใครกันแน่? อย่าคิดว่าแกเป็นผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว ก็สามารถที่จะทำอะไรตามอำเภอใจที่นี่ได้นะ!
เจียงยี่ทำตาหรี่เล็กลง แล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้งว่า ดี! นิสัยดุเด็ดเผ็ดมัน ถูกใจฉันพอดีเลย! สาวงามทั้งสอง ตามฉันไปไหม? ฉันจะถ่ายทอดวิชาอยู่ยงคงกระพันของต้าเต๋าให้พวกคุณทั้งสองเลย!
หวางซูเฟินได้ยินดังนั้น ก็รีบลากฉินหลันเข้ามาอยู่ข้างหลังตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็นชาว่า ฉันรู้ว่าแกเป็นใคร แกก็คือหนึ่งในเจ้าสำนักฉีเทียนอะไรนั่นที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ไม่นานนี้ ใช่ไหมล่ะ?
ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อน พวกคุณเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ลูกชายฉันก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกัน!
ถ้าแกกล้าแตะต้องพวกเราละก็ รอให้ลูกชายฉันออกจากการเก็บตัวก่อน แกจะต้องได้เจอดีแน่!
ถึงเวลาตอนนั้นแล้ว เกรงว่าแกจะรับความโกรธแค้นของลูกชายฉันไม่ไหวแน่!
เจียงยี่หัวเราะแล้วพูดเยาะเย้ยว่า ลูกชายของคุณก็คือหลินชางฉอง เทพแห่งสงครามอันดับหนึ่งของประเทศจีน ใช่ไหมล่ะ? วางใจเถอะ หลังจากที่เขาออกมาจากการเก็บตัวแล้ว ฉันก็จะถ่ายทอดวิชาอาคมเซียนที่แท้จริงให้กับเขาเหมือนกัน
อย่างน้อยที่สุดถึงเวลานั้นแล้วฉันก็น่าจะกลายเป็นพ่อของเขาแล้วล่ะ! ฮ่าๆๆ!
สาวงามทั้งสอง ตามฉันมาเถอะ!
เจียงยี่โบกมือทีเดียว ก็มีลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นก็ไปม้วนตัวหวางซูเฟินและฉินหลันไว้ ทั้งสามคนก็หายไปจากห้องทำงานพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกันนี้เอง คฤหาสน์บ้านตระกูลนิ่งในเมืองหลวง
นิ่งโหย่วหรงก็ถูกมู่หงเจ้าสำนักอีกคนหนึ่งของสำนักฉีเทียนจับตัวไปเช่นเดียวกัน
รวมทั้งอีหลิง หยางหรง สาวๆพวกนี้เป็นต้น ก็ไม่มีใครที่สามารถรอดพ้นไปได้สักคนเดียว
หลังจากได้ยินข่าวที่หวางซูเฟินและฉินหลันถูกลักพาตัวแล้ว นายท่านหลินก็รีบติดต่อซูจื่อเหลียงและซูหนันที่อยู่ทะเลสาบเยว่หยาทันที
นายท่านหลินพูดอย่างร้อนใจว่า อาจารย์พวกคุณออกมาจากเก็บตัวแล้วยัง? แม่เขาและฉินหลัน ตอนนี้ถูกเจ้าเดียรัจฉานของสำนักฉีเทียนนั้นจับตัวไปแล้ว!
ซูจื่อเหลียงและซูหนันเมื่อได้ยินแล้วก็บันดาลโทสะขึ้นมาทันที อะไรนะครับ? นายท่านข่าวนี้เป็นจริงหรือเปล่า?
นายท่านหลินพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า ก็จริงแน่นอนสิ! พวกคุณรีบไปเรียกหลินหยุนออกจากการเก็บตัวเดี๋ยวนี้เลย! เดียรัจฉานทั้งสองนั้นเป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกับพวกเราอย่างแน่นอน อีกทั้งพลังฝึกฝนก็สูงส่งมากด้วย!
ซูจื่อเหลียงและซูหนันพูดด้วยสีหน้าดูน่าเกลียดว่า นายท่านครับ อาจารย์กำลังเก็บตัวอยู่ พวกเราไม่สามารถติดต่อได้เลย ฉันว่าอย่างนี้ดีกว่า ฉันกับซูหนันจะรีบไปที่สำนักฉีเทียน จะต้องไปช่วยผู้อำนวยการหวางและคุณฉินหลันออกมาก่อน!