จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1127 คนหนีไป

บทที่ 1127 คนหนีไป

ประธานาธิบดีและท่านหงล้วนขมวดคิ้วขึ้นมา

ท่านหงลุกขึ้นยืนและตะโกนอย่างโกรธเคือง  พวกนายหมายความว่ายังไง? สถานการณ์ตอนนี้ พูดได้ว่าโลกมนุษย์ของเรากำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว! 

 แต่พวกนายกลับยังกล้ามาบ่ายเบี่ยงอยู่ที่นี่อีก? 

ผู้นำตระกูลจ้าวไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ย  ท่านหง คุณพูดจาออกจะลำเอียงไปหน่อยแล้ว! 

 แม้ว่าสี่ตระกูลใหญ่ของเราจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลผู้พิทักษ์ในโลกบู๊โบราณอยู่บ้าง! 

 แต่ถึงคนอื่นจะไม่รู้ก็แล้วไป แต่คุณกับท่านประธานาธิบดียังไม่เข้าใจอีกหรือ? 

 ถ้าพูดให้ดูดีก็บอกว่าพวกเราเป็นตัวแทนของตระกูลผู้พิทักษ์ แต่ความจริงล่ะ? ตระกูลผู้พิทักษ์นั้นไหนเลยจะมาสนใจพวกเรา? 

 พวกเรามีสิทธิ์ที่จะสั่งไปให้คนของตระกูลผู้พิทักษ์ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ที่ไหนกัน? 

 คุณช่างยกยอพวกเรามากเกินไป! 

ผู้นำตระกูลหลิวเองก็ยังกล่าวอีกว่า  ใช่แล้ว! พวกเรานั้นมีใจ แต่กลับไร้กำลัง! 

ผู้นำตระกูลจางเองก็เอ่ย  พี่จ้าวพูดถูก! พวกเราไม่สามารถออกคำสั่งตระกูลผู้พิทักษ์ได้! เว้นแต่เราจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว! 

 นอกจากนี้ ต่อให้ผนึกอาคมจะแตกจริงๆ การเปิดประตูเซียนก็อาจไม่ทำให้เกิดปัญหามากนักก็ได้! 

 ท่านประธานาธิบดี ผมว่าอย่าได้ไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย! 

 คนของประตูเซียนออกมาแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้จะทำอะไร! 

 อีกทั้งในเวลานั้น พวกเขาก็จะต้องกระจายประตูเซียนไปในหมู่ชาวจีนของเราอย่างแน่นอน ในเวลานั้นคนจีนทุกคนจะฝึกตน สักวันจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก! 

หวางโส่วหลี่นั่งอยู่ด้านล่าง หลังจากเข้ามาแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก

ท้ายที่สุดแล้วเขาที่เป็นผู้นำตระกูลหวางคนใหม่ เมื่อเทียบกับบิดาของเขาหวางจิงหลงแล้วก็ยังแย่กว่ามาก

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหวางในปัจจุบันไม่ใช่ตระกูลหวางในตอนนั้นอีกต่อไป

ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ยังตัดสินใจที่จะผูกสัมพันธ์กับสำนักฉีเทียน

โชคดีที่เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มเลวร้าย หวางเจ๋อก็รีบหนีไปอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจึงไม่ได้ถูกหลินหยุนจับได้

แต่ในเวลานี้หลินหยุนอยู่ตรงหน้าเขา แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่เคลื่อนไหวและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า แต่ก็ยังสร้างความกดดันให้หวางโส่วหลี่อย่างมาก

แต่ในเวลานี้ หวางโส่วหลี่ยังคงเอ่ยปากขึ้น  ผมคิดว่าที่ผู้นำตระกูลจางกล่าวนั้นไม่เลว! คนในประตูเซียนออกมาก็ควรรู้จักเหตุผลและกฎเกณฑ์อยู่แล้ว! พวกเราไม่ต้องตื่นตระหนกไป! 

เมื่อได้ฟังดังนั้น ท่านหงก็เอ่ยเย้ยหยัน  ไร้เดียงสา! พวกนายช่างไร้เดียงสาจนถึงขีดสุด! 

 หากไม่ได้ไร้เดียงสา ก็คงต้องบอกว่าโง่จนบ้า! 

 ปล่อยให้คนในประตูเซียนออกมางั้นเหรอ? 

 คนสองคนนั้นจากสำนักฉีเทียนพวกนายไม่เห็นหรือไง? 

 พวกนายตาบอดหรือไงกัน? 

 แค่คนเพียงสองคน พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว! 

 ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหยุน ตอนนี้ทั่วจีนคงเละเป็นโจ๊กไปแล้ว! 

 หรือว่าพวกนายไม่เห็นเรื่องทั้งหมดนี่บ้างเลยหรือไง? 

ผู้นำตระกูลจ้าวเอ่ย  ท่านหง อย่าได้โมโหขนาดนี้เลย! 

 ดูเหมือนว่าจะมีอันตรายอยู่บ้างจริงๆ และมีผลกระทบต่อโลกมนุษย์ของเรา! 

 แต่ว่าผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลิวเองก็พูดถึงเรื่องที่อาจเป็นไปได้นี้! 

 ตอนนี้พวกเราไม่ได้กำลังหารือกันหรอกหรือ? 

 นี่เป็นสองทางเลือก หากเราไม่สามารถผนึกอาคมให้มีเสถียรภาพได้ อย่างนั้นเราก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม! 

 ส่วนเรื่องการหาของ… 

 พวกเราสี่ตระกูลหมดหนทางจริงๆ! 

 ส่วนเหตุผล ก็อย่างที่บอกไปเมื่อครู่! 

ผู้นำตระกูลจางเหลือบมองหลินหยุนโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา  ท่านประธานาธิบดี ท่านหง ผมว่าเรื่องนี้ ใครก่อขึ้นคนนั้นก็ควรเป็นคนแก้ไข! 

ประธานาธิบดีที่ไม่ได้เอ่ยอะไรมาตลอดสูดลมหายใจเข้าลึกและเอ่ย  พวกนายบางคนต้องการให้ประตูเซียนเปิดออก ไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ถือว่าเข้าใจได้อยู่บ้าง ฉันไม่โทษพวกนาย! 

 แต่ฉันจำเป็นต้องบอกพวกนายว่า หากประตูเซียนถูกเปิดออกจริงๆ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร! 

 คุณโม่เฉิน ในฐานะคนของโม่เหมิน ช่วยมาอธิบายให้พวกเขาฟังอีกครั้งเถอะ! 

โม่เฉินพยักหน้าและยืนขึ้น

 ได้! อย่างที่ทุกคนรู้ ในตอนนั้นปรมาจารย์เฉินเคยไปที่โลกบู๊โบราณ! 

 เหตุผลที่ปรมาจารย์เฉินยังคงเหลือสี่ตระกูลผู้พิทักษ์เอาไว้นั้น เป็นเพราะว่าค่ายกลสี่พิทักษ์คือการดำรงอยู่ของประตูเซียนที่ถูกผนึกไว้! 

 เมื่อประตูเซียนเปิดออก มันจะทำลายระเบียบของโลกมนุษย์ลง การเห็นชีวิตมนุษย์เป็นเพียงเศษหญ้านั้นถือเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ! 

 สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บำเพ็ญฝึกฝนของคนในประตูเซียนจะดูดซับพลังทิพย์ของโลกทั้งใบไปอย่างมหาศาล! 

 ตอนนี้แต่เดิมพลังทิพย์ของโลกเราก็บางมากอยู่แล้ว ถ้าคนที่อยู่ในประตูเซียนออกมา พวกเขาก็จะดูดซับพลังทิพย์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ไม่มากแล้วไป และเมื่อถึงเวลานั้น ชีวิตบนโลกใบนี้ก็จะมาถึงจุดจบ! 

คำพูดของโม่เฉินเปลี่ยนสีหน้าของผู้นำตระกูลทั้งสี่ไปทันที

แต่ในไม่ช้าก็เกิดความสงสัยขึ้นในสายตาของพวกเขาอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่ากำลังสงสัยว่าคำพูดของโม่เฉิน!

แน่นอนว่าโม่เฉินเองก็เห็นเหมือนกัน เขาพูดอย่างเคร่งขรึม  ตอนนี้ปรมาจารย์เฉินทิ้งให้ฉันเป็นผู้สืบทอดสำนักโม่เหมิน ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ในโลก ผู้นำตระกูลทุกท่าน ไม่จำเป็นต้องสงสัยในคำพูดของฉัน! 

ผู้นำตระกูลจ้าวเอ่ยขึ้น  แน่นอนว่าพวกเราไม่สงสัยในตัวคุณโม่เฉิน! เพียงแต่เรื่องการหาของนั้นพวกเราไร้หนทางจริงๆ! 

 ฉันคิดว่าสิ่งที่พี่จางเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ สมเหตุสมผลอยู่บ้าง! 

 ใครเป็นคนสร้างปัญหาก็ต้องเป็นคนแก้ ถึงจะถูก! 

หลินหยุนนั่งอยู่ด้านหนึ่งมาตลอด

เขาย่อมรู้ดีว่าผู้นำตระกูลทั้งสี่หมายถึงอะไร!

การมาประชุมที่ไร้ความหมายแบบนี้ แทบจะเป็นการเสียเวลาเปล่า!

หลินหยุนลุกขึ้นและมองไปที่ประธานาธิบดีและท่านหง จากนั้นก็เอ่ย  ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันไม่คิดว่าจำเป็นต้องประชุมต่อไปอีก! 

ขณะที่เขาพูด ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็มองไปยังผู้นำตระกูลที่เจ้าคิด

 เรื่องนี้ เกิดจากฉันหลินชางฉองจริงๆ การปิดผนึกค่ายกลสี่พิทักษ์ใหม่สำหรับฉันไม่ใช่เรื่องยากอะไร! 

 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฉันปิดผนึกในครั้งนี้ไปแล้ว สิ่งเรียกว่าตระกูลผู้พิทักษ์ ฉันคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องดำรงอยู่อีกต่อไป! 

หลินหยุนมองไปที่ประธานาธิบดีและท่านหงและเอ่ย  ฉันว่า ถึงเวลาแล้วที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนต้องจัดระเบียบใหม่! การเก็บพวกเขาที่เป็นตัวถ่วงแบบนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด! 

เมื่อพูดจบ ร่างของหลินหยุนก็หายไปจากตรงนั้นทันที

ทุกตระกูลใหญ่ล้วนมีสีหน้าแดงก่ำขึ้นมา แม้ในใจจะโกรธ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร

โลกบู๊โบราณ สำนักเป่ยเฉิน

สำนักนี้ ไม่ได้เป็นที่รู้จักในโลกบู๊โบราณ

แต่กลับเป็นสำนักที่ได้รับการสืบทอดมาค่อนข้างยาวนาน

ความแข็งแกร่งไม่มากนัก ในสำนักทั้งหมด ไม่มีผู้แข็งแกร่งที่ก้าวเข้าแดนเทพ

หลินหยุนปรากฏตัวที่เชิงเขาเป่ยเฉินที่ไม่ได้สูงมากนัก

เขาไม่รีบร้อนขึ้นไป หลังจากรอไปสักครู่ ร่างของโม่เฉินก็วาบขึ้นเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลินหยุนไม่แดงไม่หอบ อีกทั้งยังสงบอย่างยิ่ง ในใจของโม่เฉินก็อดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้

 คุณหลิน หรือว่าสำนักเป่ยเฉินมีของที่ใช้หลอมเครื่องรางอยู่! 

 ถึงแม้ว่าสำนักนี้จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็เคยมีนักหลอมเครื่องรางที่ไม่เลวอยู่คนหนึ่ง! 

หลินหยุนพยักหน้าและเอ่ยเสียงเรียบ  เข้าไปข้างในกันเถอะ! 

ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนภูเขา ระหว่างทางไม่มีศิษย์ของสำนักปรากฏขึ้นเลยสักคน

นี่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาและเข้าประตูสำนักไปข้างใน ก็ยังไม่เห็นเงาใคร

โม่เฉินพูดอย่างแปลกใจว่า  ทำไมสำนักนี้ถึงได้ว่างเปล่าไร้ผู้คน? 

แต่หลินหยุนกลับไม่คิดอย่างนั้นและกล่าวว่า  ในเมื่อไม่มีคน ก็ลองหาดูด้วยตนเองกันเถอะ! 

ทั้งสองคนค้นหาไปในสำนักเป่ยเฉินอย่างละเอียด

เกิดเป็นความเงียบขึ้นกะทันหัน

สำนักเป่ยเฉิน ราวกับถูกปล้นไปจนหมด

ทั้งสำนักไม่พบแม้กระทั่งเส้นผมสักเส้น และยิ่งไม่ต้องพูดถึงของที่ใช้สำหรับหลอมเครื่องราง

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท