จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1170 หนึ่งต่อสาม

บทที่ 1170 หนึ่งต่อสาม

ผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยันและทูตวิญญาณที่หนึ่งแห่งวิหารผนึกวิญญาณ สายตาก็แสดงความดุร้ายออกมา

ผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยันหันไปมองท่านเฒ่ายันต์

 ท่านผู้อาวุโส! 

 เจ้าเด็กหลินหยุนนี้ แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อไปแล้ว! 

 จะต้องได้รับการสืบทอดที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน! 

 พวกเราสามคนร่วมลงมือพร้อมกัน! 

 แล้วฆ่าเจ้าเด็กนี้ จากนั้นก็แบ่งผลประโยชน์กัน ดีไหม? 

ท่านเฒ่ายันต์พยักหน้าแล้วพูดว่า  ฉันก็กำลังคิดเช่นนี้เหมือนกัน! 

พูดพลางก็มองไปยังหลินหยุน แล้วตะคอกด้วยเสียงแข็งว่า  ไอ้เด็กเปรตหลินหยุน ถ้าแกสามารถตายด้วยน้ำมือของพวกเราสามคน แกก็น่าภาคภูมิใจแล้ว! 

หลินหยุนพูดเย้ยหยันว่า  พวกแกอยู่ในสายตาฉัน ก็เป็นแค่มดตัวน้อยเท่านั้นเอง! 

ทั้งสามคนได้ยินดังนั้นก็บันดาลโทสะขึ้นอีกครั้ง

ทูตวิญญาณที่หนึ่งแห่งวิหารผนึกวิญญาณพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า  เจ้าเด็กโอหัง! คนที่วิหารผนึกวิญญาณเราต้องการฆ่า ไม่เคยปล่อยให้หลุดมือไปได้เลย! 

พอพูดจบเขาก็เหาะตัวขึ้นกลางอากาศไปก่อนคนอื่น แส้ขังวิญญาณในมือก็หายวับไปกลางอากาศ กลายเป็นประกายแสงสีดำที่มืดฟ้ามัวดินเกิดขึ้นกลางอากาศ

ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น

ผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยันก็เหาะเหินเดินอากาศขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

จิตสังหารในตัวก็แผ่ซ่านออกมา

ในสามคนนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังคงเป็นท่านเฒ่ายันต์เช่นเดิม

ตอนนี้ในมือของเขาก็มีลูกบอลกลมสีดำขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่งปรากฏขึ้นมา

ขณะที่ลูกบอลกลมนี้เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นนั้น ก็ปลดปล่อยอักษรยันต์ที่ถี่ยิบออกมา

อักษรยันต์แผ่กระจายออกไป ราวกับหลอมรวมเข้าไปกับฟ้าดิน

ชั่วพริบตาเดียว ก็ปรากฏมีกลิ่นอายปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดินทันที

สายตาหลินหยุนส่องประกายวาววับ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน

ลูกบอลกลมนี้ถึงกับเป็นเครื่องรางยันต์ที่ปิดกั้นเก้าชั้นชิ้นหนึ่ง

ในตัวปลดปล่อยกระแสคลื่นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวของธาตุโลหะ ธาตุดิน และธาตุสายฟ้าออกมา

ดูไปแล้วพื้นฐานการฝึกฝนวิชายันต์ของท่านเฒ่ายันต์นี้ ก็อยู่บนเครื่องรางยันต์ที่ปิดกั้นเก้าชั้นชิ้นนี้ทั้งหมด

พลังสายฟ้าที่ไม่มีวันหมดสิ้นก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราวกับว่าขอเพียงสายฟ้าฟาดลงมาแค่ครั้งเดียว ก็สามารถทำให้โลกนี้แตกละเอียดจนหมดสิ้นแล้ว

 ไอ้เด็กเปรต! 

 สามารถบีบคั้นให้ฉันใช้ของล้ำค่าชิ้นนี้ออกมาได้ ตอนลงไปอยู่ในนรก แกก็ควรจะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงแล้ว! 

 ไปตายเสียเถอะ! 

 โป้ง_____ 

 แก็กๆ_____ 

ในที่สุดเทพสายฟ้าที่ทลายโลกได้ก็ฟาดลงมา

เทพสายฟ้านี้ราวกับว่ามีชีวิตจิตใจ

มุ่งตรงไปล็อกตัวหลินหยุนไว้ทันที

หลินหยุนก็ขมวดคิ้ว

แล้วกระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศอีกครั้งหนึ่ง

พลังสายฟ้าแลบที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทำให้เขารับรู้ถึงภัยอันตรายอันใหญ่หลวง

 ข้ามีกระบี่หนึ่งเดียว สามารถทะลุสวรรค์ได้! 

ดาบทะลุสวรรค์แสดงออกมาแล้ว

พลังเทพทลายฟ้าดินที่แท้จริงก็ปรากฏออกมาทันที

เข้าปะทะกับเทพสายฟ้าที่กำลังฟาดลงมาอย่างจัง

ในเวลานี้เอง

แส้ขังวิญญาณที่แปลกประหลาดนั้นก็ฟาดลงมา

ติ่งเล็กของผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน

 โคลมๆๆๆๆ! 

 ปั้ง! 

ฟ้าดินสั่นสะเทือน

พลังแรงมหาศาลปะทะเข้าด้วยกัน เกิดพลังเทพยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา

ภายใต้พลังดาบทะลุสวรรค์ที่โจมตีลงมา ติ่งเล็กที่ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดินนั้นก็ระเบิดจนแตกละเอียดก่อนเป็นอันดับแรก

ต่อจากนั้นก็คือแส้ขังวิญญาณก็ถูกกวาดต้อนจนร่วงตกลงไปทั้งหมด

สุดท้ายก็คือลูกบอลเครื่องรางยันต์ที่ปิดกั้นอากาศก็เช่นเดียวกัน เสียงระเบิดแตกละเอียดดังแก๊กๆๆออกมา

ลมปราณกระบี่กวาดต้อนไปทั่วทั้งฟ้าดิน

ร่างของทั้งสามคนต่างกระเด็นถอยออกไป

เนื้อตัวก็ถูกลมปราณกระบี่กวาดผ่านจนเป็นแผลยับเยิน

เลือดสดๆปริมาณมากก็พวยพุ่งออกมา

ท่านเฒ่ายันต์เป็นคนแรกที่ปรากฏตัวขึ้นจากแสงสีดำที่ถูกกระแทกจนแตกกระจายไปแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นมนุษย์เลือดไปแล้ว

สายตาที่ฝ้าฟางลึกล้ำของเขามองไปยังหลินหยุนด้วยความหวาดผวา

ยื่นมือออกไป

แล้วไปจับเอาลูกบอลที่เกิดรอยร้าวมากมายนั้นเข้ามาเก็บไว้

จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็กลายร่างเป็นลำแสงสีดำแล้วรีบหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

ทูตวิญญาณที่หนึ่งแห่งวิหารผนึกวิญญาณก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย

เงาร่างกลายเป็นไม่มีตัวตน จากนั้นก็หายสาบสูญไปกลางอากาศ

ทันใดนั้น แม้แต่กลิ่นอายก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้อีกแล้ว

พลังฝึกฝนของผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยันก็อยู่ในระดับเดียวกับทูตวิญญาณที่หนึ่งแห่งวิหารผนึกวิญญาณ แต่วิทยายุทธ์และอิทธิฤทธิ์ที่ฝึกนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ถนัดในการหลบหนี แม้แต่ตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่ได้คิดที่จะหนีเอาตัวรอดเลย

เพราะเขารู้ว่า ในสถานการณ์ที่ท่านเฒ่ายันต์และทูตวิญญาณที่หนึ่งต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดไปนั้น

จุดสนใจของหลินหยุนก็จะต้องมารวมอยู่ที่ตัวเขาคนเดียวทั้งหมด

ขณะที่เผชิญหน้ากับหลินหยุนในตอนนี้ ไม่มีโอกาสที่จะสามารถหนีรอดได้เลย!

ราวกับเป็นมนุษย์เลือดที่คุกเข่าข้างเดียวอยู่กลางอากาศ

ผู้อาวุโสใหญ่มองไปยังหลินหยุนด้วยความหวาดกลัว

ส่วนหลินหยุนที่สีหน้าไร้ความรู้สึกก็กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น  ให้โอกาสแกพูดสั่งเสียสักครั้งหนึ่ง! 

 ฮ่าๆๆ! หลินหยุน! 

 คิดไม่ถึงจริงเลยว่าแกถึงกับแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้ได้! 

 แต่ว่า ฉันขอเตือนแกว่าทางที่ดีอย่าได้ลืมอะไรไปเลย! 

 ฉันคือผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน! 

 แกฆ่าฉื้อซานผู้อาวุโสสำนักสุริยันเรา ก็ได้ผูกปมแค้นกับสำนักเราแล้ว! 

 แต่ปมแค้นนี้ไม่ใช่ว่าไม่สามารถแก้ไขได้! 

 แต่ถ้าแกฆ่าฉันละก็ งั้นสำนักสุริยันก็จะต้องตามล้างตามผลาญแกไม่เลิกราอย่างแน่นอน! 

 สำนักสุริยันของฉันสืบทอดมานับพันปีแล้ว! 

 ต้นทุนที่มีอยู่นั้นสำหรับคนอายุน้อยอย่างแกไม่สามารถนึกภาพออกได้หรอก! 

 เจ้าหนุ่ม ทางที่ดีแกคิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนนะ! 

 เพลิงแค้นของสำนักสุริยันเรา ไม่ใช่สิ่งที่แกสามารถรองรับได้! 

 ต่อให้แกไม่คิดเพื่อตัวเอง หรือว่าแกก็จะไม่คิดเผื่อตระกูลฉินนี้ ไม่คิดเผื่อตระกูลของตัวเองบ้างเหรอไง? 

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เดิมทีผู้คนตระกูลฉินที่รู้สึกดีใจอยู่นั้น ตอนนี้กลับกังวลใจขึ้นมาทันที

ก่อนหน้านั้นถึงแม้พวกเขาโกรธแค้นจนอยากจะฆ่าหลินหยุนก็จริง

แต่หลังจากที่หลินหยุนปรากฏตัวแล้ว เกมทุกอย่างก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ในใจพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

อย่างน้อยขอเพียงให้หลินหยุนเอาชนะได้ ก็จะทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้

แต่ว่าตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่แล้ว พวกเขาก็เริ่มกังวลใจขึ้นมาอีก

หลินหยุนเปิดปากถามอย่างเรียบๆว่า  พูดจบหรือยัง? 

ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะเยาะ พยักหน้าอย่างไม่แยแส  พูดจบแล้ว! เจ้าหนุ่ม! มีคนบางพวกที่ไม่ใช่ว่าแกจะสามารถล่วงเกินได้! มีเงื่อนปมบางอย่าง ไม่ใช่ที่แกจะสามารถผูกขึ้นได้! 

 ในเมื่อไม่ลงมาแล้ว งั้นฉันก็จะไปแล้วนะ! 

พูดพลางก็ยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง หันหลังกลับแล้วรีบเหาะตัวหนีไปทันที

ในเวลานี้เอง หลินหยุนพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า  ฉันอนุญาตให้แกไปแล้วเหรอ?  จากนั้นก็ยื่นมือคว้าไปกลางอากาศ

ร่างของผู้อาวุโสใหญ่ที่บาดเจ็บสาหัสไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้านเลย ก็ถูกหลินหยุนจับตัวกลับมาได้

เขาหน้าหน้าถอดสีร้องด้วยเสียงตกใจ

สายตาจ้องมองหลินหยุนอย่างไม่กะพริบตา

 ไอ้หนู! แกยังกล้าลงมือกับฉันอีกเหรอ? 

มือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นข้างหนึ่ง จับตัวผู้อาวุโสใหญ่ไว้แน่น

หลินหยุนส่งเสียงฮื่อใส่แล้วพูดว่า  ในโลกใบนี้ ไม่เคยมีใครที่จะสามารถข่มขู่หลินชางฉองอย่างฉันได้! แกไปตายได้แล้ว! 

ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่ตะโกนต่อว่าดังขึ้นมา

ก็เห็นฉินชิงถงตะโกนใส่หลินหยุนด้วยสีหน้าที่โกรธจนดำมืดว่า  หลินหยุน! แกจะทำอะไร? 

 หรือว่าแกจะให้ตระกูลฉินพวกเราตายพร้อมกับแกให้ได้เลยใช่ไหม? 

 ตระกูลฉินเราไปล่วงเกินอะไรแกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? 

 แกทำร้ายพวกเราจนเกือบจะถึงขั้นล้างตระกูลไปแล้ว! หรือว่ายังไม่ยอมรามืออีกเหรอ? 

เมื่อสิ้นเสียงเธอแล้ว

ฉู่เทียนก็รวบรวมความกล้าขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า  หลินหยุน! แกอย่าได้ถลำตัวอีกเลย! คำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ก็ได้พูดชัดเจนแล้ว! 

 ขอเพียงแต่แกไม่ลงมือฆ่าคนอีก เรื่องก่อนหน้านั้นก็สามารถเลิกรากันไปได้เลย! 

 สำหรับแกแล้ว ไม่ได้มีความเสียหายอะไรเลย! ทำไมแกยังต้องทำเรื่องนี้ให้บานปลายไปอีกล่ะ? 

 แกทำอย่างนี้ เป็นการสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งให้กับตระกูลฉินและให้กับตัวแกเองด้วย! 

 น้าฉินดีกับแกขนาดนี้! แกก็ยังทนดูตระกูลฉินต้องดับวอดวาย คนตระกูลฉินทั้งหมดต้องตายอย่างอนาถต่อหน้าแกเหรอ? 

 เกิดมาเป็นคน! ทำไมแกถึงได้เลือดเย็นขนาดนี้ได้? 

หลินหยุนได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะเย้ย สายตาที่เยือกเย็นก็กวาดมองไปยังฉินชิงถงและฉู่เทียน

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท