จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1189 วิชากาลเวลาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

บทที่ 1189 วิชากาลเวลาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ซ่านเต้าสีหน้าหม่นหมองลงทันที

 ไอ้หนุ่ม ฉันชื่นชมนายที่เป็นอัจฉริยะ! จึงคิดที่จะให้โอกาสนายสักครั้ง!  

 แต่นายเองกลับเลือกเดินเส้นทางที่มืดมน!  

 งั้นก็จะมากล่าวโทษฉันไม่ได้แล้ว!  

 ยังไม่เคยมีใครที่หลังจากสังหารคนของสำนักสุริยันของเรา และลบหลู่ศักดิ์ศรีสำนักสุริยันของเราแล้ว ยังจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้!  

 เจ้าหนุ่มหลินหยุน ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้งหนึ่ง!  

 หากเลือกเข้าร่วมสำนักสุริยันของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ จะยุติลงทั้งหมด!  

 ข้อสอง หากยังคงปฏิเสธต่อ ฉันจะลงมือกำจัดชีวิตของนายด้วยตนเอง!  

 ไอ้หนุ่ม คิดให้ดีนะ หลังจากที่นายตายไปแล้ว ตระกูลฉินนั้น ก็จะต้องตามนายไปด้วยเช่นกัน!  

คำพูดของซ่านเต้า ทำให้หลินหยุนมีสีหน้าที่หม่นหมองลงทันที

เขาสามารถอดทนยอมรับต่อทุกเหตุผลของซ่านเต้าได้

แต่ ที่นำตระกูลฉินมาข่มขู่เขานั้น มันยอมไม่ได้!

หลินหยุนมองไปที่ซ่านเต้า และพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า  บนโลกใบนี้ ยังไม่เคยมีใครที่จะสามารถข่มขู่คุกคามหลินชางฉองได้!  

ซ่านเต้ายิ้มเยาะ  ในเมื่อนายรนหาที่ตาย ฉันก็จะตอบสนองในสิ่งที่นายต้องการเอง!  

พูดจบ ซ่านเต้าก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ

 กระบี่สุริยันวิภาค!  

หลังจากที่เสียงอันทุ้มต่ำของเขานั้นได้ดังขึ้น กระบี่ยาวสีแดงเล่มหนึ่งก็ทะลุแหวกอากาศออกมา

กระบี่ยาวสีแดงเล่มนี้ราวกับได้กลายร่างเป็นดวงอาทิตย์ สาดส่องแสงสว่างทุกสิ่ง และแฝงไปด้วยพลังความร้อนอันมหาศาล

ในเวลานี้เอง

หลินหยุนดวงตาเบิกโพลง ทั้งร่างกายได้ถูกเผาไหม้ด้วยอุณหภูมิความร้อนสูง

ราวกับว่าทุกส่วนของเนื้อหนังกำลังถูกย่างด้วยไฟจริง ๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น

หลินหยุนจึงรีบใช้ชี่ทิพย์ขับเคลื่อนพลังในร่างกาย

โดยคิดที่จะระงับเปลวไฟที่ร้อนแรงนี้ลงให้ได้ แต่หลังจากที่เขายิ่งขับเคลื่อนชี่ทิพย์มากเท่าไร เปลวไฟนั้นก็ยิ่งเหมือนกับว่ามีพลังลมพัดโบก ยิ่งจะลุกไหม้รุนแรงมากขึ้นไปอีก

ในพริบตาเดียว หลินหยุนก็กลายเป็นมนุษย์ไฟที่ถูกเผาไหม้อย่างร้อนแรง

กลางอากาศ ซ่านเต้าก็ได้หัวเราะเยาะขึ้น

 เจ้าหนุ่มหลินหยุน เป็นอย่างไรบ้าง นี่คือสุดยอดวิชาของสำนักสุริยัน!  

 รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของสุดยอดวิชาของสำนักสุริยันแล้วหรือยัง?  

 นายยิ่งขับเคลื่อนชี่ทิพย์มากเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มความรวดเร็วในการลุกไหม้ของไฟมากยิ่งขึ้น!  

 ราวกับสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟอย่างไรอย่างนั้น!  

 เปลวไฟไม่เพียงแต่จะเผาไหม้เนื้อหนังของนาย แม้แต่วิญญาณของนายก็ไม่มีทางหลบหลีกได้!  

 ไม่มีวิธีการใดที่จะสามารถหยุดยั้งมันลงได้!  

เห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ยอดฝีมือทั้งหลายที่แอบซ่อนตัวอยู่ในอากาศนั้น ต่างก็พากันสูดหายใจลึก

 พลังบำเพ็ญของเจ้าสำนักซ่านช่างแข็งแกร่งอย่างมากเลยทีเดียว!  

 กระบี่สุริยันวิภาคก็ทรงพลังมากด้วยเช่นกัน!  

 อาศัยกระบี่สุริยัน พร้อมกับแสดงพลังของกระบี่สุริยันวิภาคออกมา ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!  

 ไม่ปล่อยโอกาสอะไรให้กับหลินหยุนเลยแม้แต่น้อย!  

 นี่ก็คือยอดฝีมือชั้นยอด!  

 ไอ้หนุ่มหลินหยุนนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!  

 ฮึ! ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดายหรอก! โลกคุนชางมีอัจฉริยะแบบนี้อยู่มากมาย ไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่เขาคนเดียวสักหน่อย!  

 ยังยืนยันคำพูดเดิมที่ว่า อัจฉริยะที่ไม่ยังไม่เติบโต ก็ยังไม่ใช่อัจฉริยะ!  

 ในเมื่อโอหังกำเริบเสิบสานถึงขนาดนี้ ก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตนเองก่อขึ้นอย่างสาสม!  

 จบกัน เกรงว่าคงอีกไม่นาน หลินหยุนผู้นี้คงจะกลายเป็นผุยผงแล้ว!  

ทุกคนต่างมองดูหลินหยุนที่กำลังถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง และต่างก็อุทานถึงความแข็งแกร่งของซ่านเต้า

ต่างก็นึกว่า หลินหยุนจะถูกเปลวไฟเผาไหม้จนตายแล้ว

แต่ว่า ในขณะนี้เอง หลินหยุนที่ยังคงถูกเผาไหม้อยู่นั้น ร่างกายก็ได้กระพริบหายไป และปรากฏขึ้นในอากาศ

ดาบเฮ่าเทียนปรากฏขึ้นในมือ โดยที่ทั่วทั้งฟ้าดิน เมฆและลมบริเวณนั้นมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ถึงกับหายใจไม่ออกนั้น ปกคลุมไปทั่วบริเวณ

 ข้ามีกระบี่หนึ่งเดียว สามารถทลายฟ้าดินได้!  

หลังจากเสียงที่หม่นหมองราวกับมาจากนรกได้ดังขึ้น ขณะนั้น ทั้งชั้นฟ้าชั้นดินก็ได้สั่นสะเทือนขึ้น

ในขณะเดียวกัน

เงากระบี่นับไม่ถ้วนได้พุ่งออกมาจากกลางอากาศ

แต่ละเงากระบี่ แฝงไปด้วยพลังอานุภาพทำลายล้างอันรุนแรง โดยได้กำหนดเป้าหมายไปที่ซ่านเต้าทั้งหมด

ซ่านเต้าสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

พลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ทำใหจิตใจของเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นอย่างที่สุด

แม้แต่พวกยอดฝีมือที่ชมการต่อสู้ซึ่งไม่ได้ถูกกำหนดเป้าหมายนั้น เวลานี้ต่างก็ร้องตะโกนกันขึ้น

 พระเจ้า! นี่คืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรกัน?  

 ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก!  

 ตกลงว่าหลินหยุนผู้นี้ได้รับการถ่ายทอดอะไรที่น่ากลัวขนาดนี้กันแน่?  

 คิดไม่ถึงว่าอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของเขาจะทรงพลังอย่างมากจนฉันไม่มีความรู้สึกว่าจะสามารถต่อต้านได้เลย!  

 ไอ้หนุ่มนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!  

 ถ้าหากปล่อยให้เขาเติบโตต่อไป ในอนาคตคงจะควบคุมทั้งโลกคุนชางอย่างแน่นอน!  

ซ่านเต้าสีหน้าเปลี่ยนไปซึ่งโหดเหี้ยมผิดปกติ และตวาดขึ้นว่า  เจ้าหนุ่ม คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ฉันประเมินนายต่ำไปเกินไปหน่อย!  

 การสืบทอดวิชาบำเพ็ญฝึกฝนของนาย แข็งแกร่งอย่างที่สุด กล่าวได้ว่าฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต!  

 คำพูดของฉันก่อนหน้านี้ยังคงมีผลอยู่เช่นเดิม!  

 หากนายเข้าร่วมสำนักสุริยันของเรา และบอกวิชาสืบทอดของนาย ฉันก็จะไว้ชีวิตของนาย!  

หลินหยุนไม่ได้ตอบ

ลำแสงกระบี่ทำลายล้างนับไม่ถ้วน ราวกับท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้า ได้พุ่งตรงเข้าใส่ไปยังซ่านเต้า

ซ่านเต้าเห็นสภาพการณ์นี้แล้ว ก็ตวาดเสียงแข็งขึ้นว่า  เจ้าหนุ่ม นายยังคงดื้อดึง งั้นก็ไปตายซะ! เมื่อฉันฆ่านายลงแล้ว ก็ยังคงสามารถใช้วิชาลับเก็บกักวิญญาณของนายเอาไว้ได้!  

 พลังสืบทอดของนาย ก็ยังคงจะตกอยู่ในมือของฉันอยู่ดี!  

เผชิญหน้ากับเงากระบี่นับไม่ถ้วน ซ่านเต้าชกหมัดเข้าใส่ ด้านหน้ากลายเป็นทะเลเพลิงขึ้นโดยพลัน

ลุกไหม้โชติช่วง ราวกับว่าจะเผาไหม้ทำลายทั่วทั้งชั้นฟ้าชั้นดิน

ลำแสงกระบี่ทั้งหมดพุ่งเข้าสู่ท่ามกลางทะเลเพลิง พริบตาเดียวก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นผุยผง

ดูดกลืนลำแสงกระบี่ทั้งหมดเข้าไปแล้ว ซ่านเต้าก็หัวเราะเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่ง

 เจ้าหนุ่ม อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของนายแข็งแกร่งมาก! ทรงพลังอย่างมาก!  

 แต่เมื่อถูกระงับโดยขั้นแดนสุดยอด ไม่ว่าอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของนายจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำอะไรตัวฉันได้!  

 ฉันจะให้โอกาสกับนายเป็นครั้งสุดท้าย มอบวิชาสืบทอดของนายออกมา ฉันก็จะไว้ชีวิตนาย!  

วิชาเก็บกักวิญญาณ สามารถที่จะได้รับความทรงจำของผู้ที่ถูกเก็บกักวิญญาณได้

แต่วิชานี้มีผลร้ายอย่างมากแฝงอยู่

ยากที่จะได้รับความทรงจำอันครบถ้วนทั้งหมดอย่างแท้จริง!

เมื่อไม่ครบถ้วน นั่นก็คือความทรงจำบางช่วง ซึ่งสำหรับวิชาสืบทอดและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่สำคัญแล้วนั้น ยากที่จะทำการบำเพ็ญฝึกฝนสำเร็จ

ดังนั้น แม้ว่าเขาจะพูดว่าวิชาเก็บกักวิญญาณก็สามารถทำให้ได้รับการสืบทอดวิชาของหลินหยุนได้

แต่ว่าก็เป็นเพียงคำพูดหลอกลวงหลินหยุนที่มีประสบการณ์ความรู้น้อย ก็เท่านั้นเอง

เปลวไฟบนร่างกายของหลินหยุนยิ่งลุกไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น

ความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ ทำให้เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย

ซ่านเต้าผู้นี้ คือยอดฝีมือยาทองระดับห้า สำหรับเขาแล้ว ก็ถือว่าหนักหนาอยู่พอสมควร

ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังฝ่ามือของตนเองที่ยังคงมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่นั้น

ทันใดนั้นสายตาของหลินหยุนก็ได้เปลี่ยนไปดูล้ำลึกอย่างที่สุด

หลินหยุนอุทานขึ้นเบา ๆ และกวัดแกว่งท่อนแขน  กาลเวลา!  

เวลาย้อนกลับ

พริบตาเดียว ชั้นฟ้าชั้นดินราวกับว่าได้กลายร่างเป็นแม่น้ำกาลเวลา

ภายในแม่น้ำเต็มไปด้วยดวงดาวที่แตกต่างกัน จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

แม่น้ำไหลย้อนกลับ เวลาเดินย้อนกลับ

เนื้อตัวของหลินหยุนเริ่มที่จะเปลี่ยนไปเป็นสภาพที่แก่ชราอย่างรวดเร็ว เส้นผมที่ดกดำก็กลายเป็นขาวโพลน พลังขับเคลื่อนในร่างกายก็ถดถอยลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์กาลเวลา ไม่ใช่พลังที่เขาสามารถแสดงออกได้ในตอนนี้อย่างแน่นอน

แต่ละครั้งที่แสดงพลัง ล้วนต้องชดเชยด้วยอายุขัย

ในช่วงที่กะพริบตา ดวงจิตของหลินหยุนก็ได้กำหนดจุดแสงสว่างไว้หนึ่งตำแหน่ง

ในจุดแสงสว่างนั้น มีซ่านเต้าเมื่อคราวที่ยังหนุ่มอยู่

ซ่านเต้าผู้นี้ ยังไม่สำเร็จขั้นยาทองระดับห้า กำลังอยู่ในแดนยาทองระดับสี่

ในเวลานี้ หลินหยุนยังคงเผาผลาญอายุขัยของตนไปเกือบจะห้าสิบปีแล้ว

หลินหยุนแทบจะหมดแรงในการหายใจ และพูดขึ้นอย่างเหน็ดเหนื่อยว่า  ตรงนี้แล้วกัน!  

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท