แม้แต่ผางเห้อกับคนของสำนักสุริยันก็ยืนออกมาพูดแล้วว่าต้องการใช้กำลังในการทำลายค่ายกล
ทำให้คนจำนวนไม่น้อยออกมาเห็นด้วยกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมียอดฝีมือจำนวนหนึ่งไม่ได้รีบออกความคิดเห็น ดูเหมือนพวกเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้
ซิงเฟยพาหลินหยุนยืนอยู่ข้างๆและถามเขาด้วยน้ำเสียงเบาๆ ค่ายกลอันนี้ คุณดูอะไรออกหรือเปล่า?
หลินหยุนดูออกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ค่ายกลอันนี้สมบูรณ์แบบมากๆ ถ้าจะใช้วิธีธรรมดาในการทำลายค่ายกล ด้วยพลังที่เขามีอยู่ในตอนนี้ จากการคาดเดาของเขา เขาทำสำเร็จได้ยากมากๆ
ถ้าใช้กำลังในการทำลายค่ายกล เมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครสามารถรับประกันได้
คนที่ไม่ยอมแสดงความคิดเห็น พวกเขาคงกำลังกังวลเรื่องนี้อยู่
หลินหยุนพูดเบาๆ ถ้าใช้กำลังในการทำลายค่ายกล มันเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่มันก็เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว!
ดวงตาของซิงเฟยขยับทันทีและพูด พูดอย่างนี้แปลว่าคุณเห็นด้วยกับการทำลายค่ายกลใช่ไหม?
หลินหยุนพยักหน้าทันที
สายตาของผางเห้อกับผู้อาวุโสรองของสำนักสุริยันมองไปที่ทุกคนทันที
ผางเห้อเอ่ยปากพูดอีกครั้ง เอาอย่างงี้ละกัน! ตอนนี้มีทั้งหมดสามสิบเก้าคนอยู่ตรงนี้
ทุกคนช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อย!
ถ้ามีคนเห็นด้วยกับการทำลายค่ายกลเกินครึ่งหนึ่ง ถ้างั้นพวกเราก็ลงมือพร้อมกัน!
ทุกคนมีความเห็นยังไง?
ข้อเสนอของผางเห้อได้รับการเห็นด้วยจากทุกคนทันที พวกเขาเห็นด้วยทั้งหมด
ผ่านไปไม่นาน คนที่เห็นด้วยก็ยกมือขึ้นทันที ซิงเฟยก็ยกมือขึ้นเหมือนกัน
สำหรับหลินหยุน ตอนนี้เขาเป็นแค่ลูกน้อง แน่นอนว่าเขาไม่แสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว
เมื่อมองเห็นคนยกมือ ผางเห้ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ดีมากๆ มียี่สิบหกคนเห็นด้วยกับวิธีนี้ เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราเตรียมตัวใช้กำลังทำลายค่ายกลกันเถอะ!
ฉันมีความรู้เรื่องค่ายกล
และฉันก็ค้นเจอจุดอ่อนของค่ายกลแล้ว
เดี๋ยวทุกคนก็โจมตีพร้อมกับฉัน พวกเราโจมตีใส่จุดอ่อนของค่ายกล พวกเราต้องทำลายค่ายกลได้อย่างแน่นอน
ขณะพูดเขาก็เรียกให้ทุกคนเดินเข้ามาข้างหน้า
มีทั้งหมดเกือบสี่สิบคน และทุกคนเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากๆ
พลังของคนที่ต่ำที่สุดตรงนี้ พวกเขาเหมือนซิงเฟยเลย ทุกคนต่างฝึกฝนจนเกือบจะเข้าสู่แดนยาทองแล้ว
หลังจากหลินหยุนใช้พลังจิตสัมผัส ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือผางเห้อที่เป็นผู้ฝึกอิสระ
เขาฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสี่แล้ว
คนที่รองลงมาก็คือผู้อาวุโสรองของสำนักสุริยัน เขาฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสาม
นอกจากนี้ ยังมีอีกห้าถึงหกคน ต่างก็ฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสามเช่นกัน
สำหรับวูแสหยุนจากสำนักเต๋าเสินเซียวที่พวกเขาพบเจอเมื่อสักครู่ เขาฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยาทองของเขาอยู่ระดับดำ เขาอาจจะสามารถต่อสู้กับคนที่อยู่ระดับสูงกว่าตัวเองได้
นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ยังมีชายวัยกลางคนๆหนึ่ง ดึงดูดความสนใจจากหลินหยุน
คนๆนี้ใส่ชุดสีขาว
หลินหยุนไม่ได้รู้จักเขา
เขายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่แรกแล้ว และเขาก็ไม่พูดอะไรเลย
เขายืนอยู่นิ่งๆราวกับภูเขา
แต่พลังของเขานั้นอยู่แดนยาทองระดับสองแล้ว
บนร่างกายของคนๆนี้ หลินหยุนรับรู้ได้ถึงอันตรายจากเขา
บางทีคนๆนี้อาจจะน่ากลัวกว่าผางเห้อเล็กน้อย
แน่นอนว่าหลินหยุนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
ตอนนี้เขาแค่คาดการณ์พลังและความแข็งแกร่งของยอดฝีมือที่อยู่ตรงนี้เท่านั้น
ผ่านไปไม่นาน
ผางเห้อเป็นคนแรกที่ยืนอยู่ด้านหน้าของค่ายกลสีม่วงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ทุกคนก็เห็นเขาลืมตาขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นเขาก็พูดอย่างเคร่งขรึม ทุกๆท่าน พวกคุณใช้วิชาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของตัวเองออกมา และโจมตีตามฉัน!
เมื่อเขาพูดจบ มีพลังสีขาวที่แข็งแกร่งมากๆปะทุออกมา
โจมตีจุดๆหนึ่งของค่ายกลสีม่วงที่อยู่สูงขึ้นไปประมาณยี่สิบฟุต
เมื่อเห็นว่าผางเห้อโจมตีแล้ว คนอื่นๆก็โจมตีตามทันที
ซิงเฟยก็ปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมา และโจมตีใส่จุดอ่อนของค่ายกลทันที
ทั้งหมดเกือบสี่สิบคน คนส่วนใหญ่เป็นยอดฝีมือแดนยาทอง เมื่อพวกเขาโจมตีพร้อมกัน พลังนั้นน่ากลัวจนหาคำมาอธิบายไม่ได้
แต่ค่ายกลนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
เมื่อโดนพลังน่ากลัวขนาดนี้โจมตีใส่จุดอ่อนของค่ายกลที่ผางเห้อหาเจอ แต่มันก็แค่สั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น และมันไม่ได้ถูกทำลายเลย
หลังจากมันสั่นไหวแล้วก็กลับมาเป็นปกติ
มันไม่ได้รับความเสียหายเลย ราวกับว่ามันไม่เคยโดนโจมตีมาก่อน
เมื่อทุกคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาขมวดคิ้วทันที
ผางเห้อตะโกนพูดอย่างเคร่งขรึมอีกครั้ง ทุกท่าน พวกเราต้องโจมตีต่อเนื่อง! พวกคุณต้องควบคุมพลังของวิชาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ดี อย่าให้พลังสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกเราโจมตีแค่จุดอ่อนของค่ายกลเท่านั้น!
เมื่อพูดจบ เขาก็ลงมือก่อนทันที และโจมตีอย่างต่อเนื่อง
คนอื่นๆก็ไม่กล้ารอช้า ทุกคนใช้วิชาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของตัวเองออกมาทันที
หลินหยุนที่ยืนอยู่ไกลออกไป ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง
เขาไม่รู้เลยว่ายอดฝีมือที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา เขาเป็นคนของยุคไหนกันแน่
แต่ยอดฝีมือคนนี้ต้องแข็งแกร่งมากๆอย่างแน่นอน!
เมื่อดูจากค่ายกอันนี้ ในสายตาของเขาแล้ว มันไม่ใช่ค่ายกลที่ยอดฝีมือแดนยาทองสามารถสร้างขึ้นมาได้
ในตำนานนั้น โลกคุนชางไม่เคยปรากฏยอดฝีมือที่เข้าสู่แดนจิตปฐมเลย
แต่จะมีสถานที่ลึกลับของยอดฝีมือแดนจิตปฐมอยู่หรือเปล่านั้น เขาไม่แน่ใจเหมือนกัน
ถึงแม้คนที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมาจะไม่ถึงแดนจิตปฐมจริงๆ แต่เขาก็คงใกล้จะเข้าสู่แดนจิตปฐมแล้ว
การโจมตียังคงต่อเนื่อง
แต่หลังจากการโจมตีแล้ว ค่ายกลสีม่วงก็จะเกิดการสั่นไหว จากนั้นมันก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ราวกับมันไม่เคยโดนโจมตีมาก่อน
ดวงตาของหลินหยุนเปล่งประกาย เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
จุดอ่อนที่ผางเห้อหาเจอนั้น อันที่จริงมันไม่ได้เป็นจุดอ่อนเลย
แต่กลับตรงกันข้าม มันเป็นกลลวงที่คนสร้างค่ายกลเหลือเอาไว้ต่างหาก
มันคือค่ายกลเกาะตัว
อะไรคือค่ายกลเกาะตัว?
ความหมายของมันก็คือ เมื่อดูแล้วก็เห็นว่าค่ายกลอ่อนแอมากๆ และพลังป้องกันของค่ายกลก็ไม่ค่อยแข็งแกร่งมากนัก!
แต่พลังป้องกันของมันนั้นสมดุลกันมากๆ
เมื่อมีจุดๆหนึ่งโดนโจมตี ตำแหน่งที่โดนโจมตีก็จะดึงพลังทั้งหมดจากค่ายกลมาเสริมจุดอ่อนนั้นๆทันที
มันก็เลยกลายเป็นตำแหน่งที่แข็งแกร่งมากๆ
ดังนั้นมันก็เลยกลายเป็นแบบนี้ ถึงแม้ผางเห้อและคนอื่นๆโจมตีไปสิบกว่าครั้ง แต่มันไม่สามารถทำอะไรค่ายกลได้เลย
ถ้าพวกเขายังโจมตีแบบนี้ต่ออีก พวกเขาไม่สามารถทำลายค่ายกลได้อยู่แล้ว
หลินหยุนส่ายหัวเบาๆอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนมองไปที่ผางเห้อทันที พวกเขาขมวดคิ้วและถาม ผู้อาวุโสผาง จุดอ่อนอันนี้ที่คุณหาเจอ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่จุดอ่อนเลย?
พวกเราช่วยกันโจมตีมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งแล้ว!
แต่ค่ายกลนี้ไม่มีวี่แววว่าจะโดนทำลายเลย!
คุณช่วยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจหน่อยได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พวกเราโจมตีแบบนี้ต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน?
เมื่อมีคนๆหนึ่งแสดงความสงสัย ก็จะมีคนอื่นๆเกิดความสงสัยทันที
ผางเห้อโจมตีอย่างต่อเนื่อง และพูดอย่างเคร่งขรึม ทุกคนต้องมีความอดทนหน่อย! ค่ายกลนี้ไม่ธรรมดาเลย มันไม่สามารถถูกทำลายได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว!
ขอแค่พวกเราโจมตีอย่างต่อเนื่อง ฉันเชื่อว่าพวกเราจะต้องทำลายค่ายกลได้อย่างแน่นอน!
ทุกท่าน ตอนนี้คือเวลาที่พวกเราควรสามัคคีกัน!
เมื่อทุกคนได้ยินคำนี้ ถึงแม้พวกเขาจะเกิดความสงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาทำได้แค่โจมตีต่อเนื่องเท่านั้น
เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าพูดว่าตรงนี้มีใครที่มีความรู้เรื่องค่ายกลที่สุด คนๆนั้นก็คือผางเห้อนั่นเอง