จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1206 วูแสหยุนที่กำเริบเสิบสาน

บทที่ 1206 วูแสหยุนที่กำเริบเสิบสาน

ไม่นาน ยอดฝีมือแห่งเมืองเทียนสุ่ยคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ได้คว้าหินผลึกสีดำนั้นไว้ในมือ

แต่วินาทีต่อมา ยังไม่ทันรอให้เขาได้หลบหนีไป ร่างกายของเขาที่อยู่ภายใต้การโหมกระหน่ำของลำแสงกระบี่จำนวนนับหมื่นของชายวัยกลางคน ก็ได้แหลกสลายลงไปทันที

หินผลึกสีดำก็ได้ร่วงตกลงมาอีกครั้ง

ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีใครทราบว่าหินผลึกสีดำนี้คืออะไร แต่กลับมองออกว่า สิ่งของชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเป็นแน่

หากจะพูดว่ามีเพียงคนเดียวที่รู้จักหินผลึกสีดำนี้นั้น ก็คือหลินหยุน

ความรู้ประสบการณ์ของเขามากมายซึ่งไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับพวกผู้ฝึกฝนในโลกคุนชางเหล่านี้ได้อยู่แล้ว!

สิ่งของชิ้นนี้มีชื่อว่าแก้วหินศพ ซึ่งก็คือสมบัติล้ำค่าที่พวกผู้บำเพ็ญฝึกฝนศพนำมาใช้แปรศพ โดยของชิ้นนี้สามารถที่จะรวบรวมปราณหยินปราณศพได้

แม้ว่าภายในโลกบำเพ็ญเซียนที่แท้จริง ในจำนวนผู้บำเพ็ญฝึกฝนศพนับไม่ถ้วนนี้ ผู้ซึ่งสามารถที่จะครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ได้นั้นมีอยู่น้อยมาก

ตามตำนานเล่าว่าแก้วหินศพจะถือกำเนิดขึ้นเฉพาะที่ภูเขาศพทะเลเลือดเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่ามีภูเขาศพทะเลเลือดแล้วก็จะพบเจอกับแก้วหินศพได้

อย่างไรก็ตามจากที่หลินหยุนได้รับทราบ หลังจากที่ศพจักรพรรดิได้ดับสลายลง ส่วนกะโหลกศีรษะของมันต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงนับหมื่นนับพันปีถึงจะสามารถกลายเป็นแก้วหินศพได้

นั่นเป็นถึงศพจักรพรรดิเลย! เพียบพร้อมด้วยจิตทิพย์สูงสุด สามารถที่จะครอบคลุมพลังอันแข็งแกร่งของฟ้าดินได้!

แน่นอนว่า หลินหยุนยังไม่เคยพบเจอกับศพจักรพรรดิที่แท้จริงมาก่อน

ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแก้วหินศพนี้เขาเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะจริงหรือเท็จ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้แน่นอนก็คือ แก้วหินศพไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุด!

ในโลกคุนชาง หรือแม้กระทั่งโลกมนุษย์ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถพบเจอกับสมบัติล้ำค่าสูงสุดนี้ได้

หลินหยุนคาดคิดไม่ถึงเลยทีเดียว

ครั้งก่อน เขาได้พบเจอหินสังเวยจิต

อีกทั้งเป็นหินสังเวยจิตที่ยังมีความโหดเหี้ยมแบบไร้ร่องรอยอยู่ภายในด้วย!

ซึ่งทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างที่สุด

ครั้งนี้ก็พบเจอกับแก้วหินศพ หลินหยุนก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อเหมือนเช่นเคย

อารยธรรมบำเพ็ญของโลกคุนชาง และของโลกมนุษย์ ตอนนี้เขาเองก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงอย่างลึกซึ้ง

บางทีโลกมนุษย์ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว อาจจะเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยความสดใสแวววาว และทรงพลังอย่างไม่สิ้นสุดก็เป็นได้

แก้วหินศพนี้ จำเป็นจะต้องครอบครองไว้ให้ได้!

เขาไม่จำเป็นต้องนำไปแปรศพ แต่สามารถนำมาใช้ในการกลั่นยาได้

การกลั่นยาครั้งที่หนึ่งของเขาใช้หินสังเวยจิต

การกลั่นยาครั้งที่สองหากสามารถใช้แก้วหินศพได้ ก็คงจะเหมาะสมอย่างที่สุดแล้ว

เพราะว่าในบางขั้นตอน คุณลักษณะของหินสังเวยจิตกับแก้วหินศพนั้นเข้ากันเป็นอย่างมาก

ส่วนพวกคนอื่น แม้ว่าจะไม่รู้จักว่าแก้วหินศพนี้คือสิ่งของอะไรกันแน่ แต่พวกเขาเข้าใจชัดเจนว่า สิ่งของชิ้นนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

เพราะว่าหมอกควันดำที่น่ากลัวบริเวณรอบตัวของศพเหล็กนั้น มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหินผลึกสีดำนี้อย่างชัดเจน

ยอดฝีมือเมืองเทียนสุ่ยที่ร่างกายแหลกสลายนั้น ยาทองก็ถูกทำลายลงไปทันทีเช่นกัน ทำให้ทุกคนหยุดชะงักลงกันทั้งหมด

ได้ยินเพียงชายวัยกลางคนผู้นั้นหัวเราะเยาะ และกวาดสายตามองไปยังทุกคน ด้วยความเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า  ทุกท่าน มือจะยาวกันเกินไปหน่อยแล้วไหม?  

 ศพเทพนี้คือฉันกับสหายผู้นี้ร่วมมือกันสังหาร!  

 หินผลึกก้อนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็สมควรที่จะเป็นฉันกับสหายผู้นี้แบ่งสันปันส่วนกันถึงจะถูกต้อง!  

 ต่อให้เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน นั่นก็คงเป็นสหายผางเห้อ!  

 พวกเราสามคนช่วยเหลือชีวิตของพวกนายเอาไว้ พวกนายไม่พูดขอบคุณสักคำก็ไม่เป็นไร แต่เวลานี้ยังจะมาแย่งชิงสมบัติล้ำค่าอีก คิดว่าอายุยืนยาวกันมากนักหรืออย่างไร?  

ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียด ขณะที่มองไปยังชายวัยกลางคนนั้น สายตาก็แสดงท่าทีที่หวาดกลัวออกมาบ้าง

ขณะนั้น ผางเห้อที่มีสีหน้าขาวซีดก็ได้กระโดดขึ้นกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วก็หยุดยืนอยู่ในอากาศ

พูดขึ้นอย่างหม่นหมองว่า  สหายกู่พูดได้ถูกต้อง! ทุกท่านไม่ได้ออกแรงพลัง แต่กลับได้รับการปกป้อง อย่างนั้นก็อย่าได้คิดครอบครองสมบัติล้ำค่านี้เลย!  

 ไม่เช่นนั้น ฉันเชื่อว่า สหายกู่ก็คงจะไม่ถือสาหากจะต้องลงมือสังหารใครบางคนก่อน 

 เชื่อว่าเมื่อครู่ที่สหายกู่ลงมือนั้น ทุกคนก็คงจะมองออกกันแล้วว่า สหายกู่เป็นถึงยอดฝีมือที่ใกล้จะถึงขั้นยาทองระดับห้าแล้ว!  

ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นว่า  สหายผู้นี้ก็คงจะมีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสี่อย่างแน่นอน! และเพิ่มตัวฉันเข้าไป ทุกท่าน คงจะไม่คิดรนหาที่ตายกันใช่ไหม?  

เมื่อผางเห้อพูดขึ้น ก็ได้ทำการขีดเส้นแบ่งให้ชายวัยกลางคน หลินหยุน รวมถึงตัวเขาเอง เป็นฝ่ายเดียวกัน

ส่วนฝ่ายตรงข้าม ยังคงมีเหลืออีกสิบแปดคน รวมไปถึงผู้อาวุโสรองสำนักสุริยันและทูตวิญญาณที่สองวิหารผนึกวิญญาณ

ได้ยินที่ผางเห้อพูด ผู้อาวุโสรองสำนักสุริยันก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เพราะว่าสถานการณ์แข็งแกร่งกว่าตัวบุคคล

แม้ว่าฝ่ายของพวกเขาจะได้เปรียบในด้านของจำนวนคนอย่างชัดเจน แต่หากจะเผชิญหน้ากับพวกผางเห้อสามคนนั้นแล้ว ก็ไม่แน่ว่าผลจะเป็นอย่างไร

แต่ในเวลานี้เอง คนผู้หนึ่งที่คาดคิดไม่ถึงนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นแล้ว

วูแสหยุน

เห็นชุดคลุมของเขาสั่นไหว แล้วก็เดินออกมาจากกลุ่มคน

หรี่ตามองไปที่ผางเห้อ กู่มู่ รวมถึงหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า  สามท่าน คิดกันจริง ๆ หรือว่าจะสามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ได้? โดยเฉพาะผู้อาวุโสผางเห้อ อย่าลืมนะว่า ท่านเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกอิสระเท่านั้น!  

 ผู้อาวุโสกู่เองก็เช่นกัน!  

 สำหรับท่านนี้ คือผู้พิทักษ์คุณหนูตระกูลซิงเหรอ?  

 ตระกูลซิง…… 

 เหอะเหอะ!  

 สามท่าน คิดกันจริง ๆ หรือว่าจะสามารถช่วงชิงสมบัติชิ้นนี้มาเป็นของตนเองได้ขณะอยู่ต่อหน้าสำนักเต๋าเสินเซียว วิหารผนึกวิญญาณ รวมถึงสำนักสุริยัน?  

 ฉันว่า น่าจะเป็นทางพวกเราที่ควรจะกล่าวเตือนสามท่านว่าอย่าได้สำคัญตนเองผิดไปนัก!  

ได้ยินคำพูดของวูแสหยุน นอกจากหลินหยุนแล้ว ผางเห้อกับกู่มู่ ต่างก็มีสีหน้าที่หม่นหมอง

พวกเขาฝ่ายนี้แข็งแกร่งทรงพลังมาก แต่ก็จำใจ เพราะทางฝ่ายนั้นก็มีเบื้องหลังที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า

ผางเห้อมองไปที่กู่มู่กับหลินหยุน เหมือนจะขอความเห็นจากเขาทั้งสองคน

ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กู่มู่ก็พูดขึ้นว่า  สิ่งของมีอยู่เพียงชิ้นเดียว! ในเมื่อทุกคนต่างก็ต้องการ อย่างนั้นก็ต้องหาวิธีการมาสักอย่าง!  

ผางเห้อเองก็พยักหน้าและพูดว่า  ถูกต้อง! คุณชายแสหยุน ฝ่ายคุณลองพูดก่อนสิว่า ของชิ้นนี้ให้ใครเหมาะสมที่สุด!  

วูแสหยุนในตอนนี้ ได้เผยความหยิ่งผยองที่เขาเป็นลูกศิษย์อัจฉริยะของเก้าสำนักออกมาแล้ว

เขายิ้มเยาะ และพูดอย่างดุดันว่า  เรื่องนี้ยังจะต้องพูดกันอีกเหรอ? แน่นอนว่าจะต้องมอบให้กับฉัน! ฉันคิดว่า ทุกท่านคงจะไม่มีความคิดเห็นขัดแย้งอะไรล่ะสิ?  

 เบื้องหลังของฉันคือสำนักเต๋าเสินเซียว!  

 ส่วนตัวฉัน ก็เป็นลูกศิษย์หนุ่มที่สำนักเต๋าเสินเซียวให้ความสำคัญมากที่สุด ฉันคิดว่า เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้วล่ะ?  

 ทุกท่านคงจะไม่มีใครคิดที่จะเป็นศัตรูกับสำนักเต๋าเสินเซียวหรอกนะ?  

ผางเห้อพูดขึ้นอย่างเย็นชา  คุณชายแสหยุน ลำพังอาศัยแค่ชื่อเสียงของสำนักเต๋าเสินเซียว ก็คิดที่จะครอบครองสมบัติชิ้นนี้เหรอ? เหอะเหอะ! ประมาณว่าหากเป็นอัจฉริยะที่เสียชีวิตลงไปแล้ว ก็คงจะไม่มีคุณค่าอะไร สำหรับสำนักเต๋าเสินเซียวแล้วล่ะสิ!  

วูแสหยุนได้ยินดังนั้น ก็พลันโมโหขึ้น  สหายผาง นี่หมายความว่าจะลงมือกับฉันแล้ว? ฉันเองก็อยากจะดูเหมือนกันว่า สหายผางมีพลังความสามารถอย่างที่พูดนี้หรือไม่!  

ผางเห้อหัวเราะอย่างเหยียดหยาม  จริงเหรอ? ฉันเองก็อยากจะดูเหมือนกันว่า วูแสหยุนจะสามารถหลงระเริงได้สักเท่าไรกัน!  

ขณะที่พูด ธงค่ายกลสองเสาก็พุ่งออกไปจากมือ โดยวูแสหยุนได้ถูกกักขังเอาไว้อยู่ภายใน

ในขณะนั้น กระบี่ยาวก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ฟาดฟันไปที่วูแสหยุนทันที

วูแสหยุนตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก แววตาเกิดความหวาดกลัวราวกับถูกคลื่นใหญ่โหมซัด

เขาคิดไม่ถึงว่า ผางเห้อจะกล้าลงมือกับเขาจริง ๆ

แต่ในเวลานี้ กลับไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ไม่มีผู้ใดขัดขวาง

อัจฉริยะที่คิดว่าตนเองไม่ธรรมดา อวดดีหยิ่งผยอง มีอยู่เป็นจำนวนมาก จะตายก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท