ไม่นาน ยอดฝีมือแห่งเมืองเทียนสุ่ยคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ได้คว้าหินผลึกสีดำนั้นไว้ในมือ
แต่วินาทีต่อมา ยังไม่ทันรอให้เขาได้หลบหนีไป ร่างกายของเขาที่อยู่ภายใต้การโหมกระหน่ำของลำแสงกระบี่จำนวนนับหมื่นของชายวัยกลางคน ก็ได้แหลกสลายลงไปทันที
หินผลึกสีดำก็ได้ร่วงตกลงมาอีกครั้ง
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีใครทราบว่าหินผลึกสีดำนี้คืออะไร แต่กลับมองออกว่า สิ่งของชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเป็นแน่
หากจะพูดว่ามีเพียงคนเดียวที่รู้จักหินผลึกสีดำนี้นั้น ก็คือหลินหยุน
ความรู้ประสบการณ์ของเขามากมายซึ่งไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับพวกผู้ฝึกฝนในโลกคุนชางเหล่านี้ได้อยู่แล้ว!
สิ่งของชิ้นนี้มีชื่อว่าแก้วหินศพ ซึ่งก็คือสมบัติล้ำค่าที่พวกผู้บำเพ็ญฝึกฝนศพนำมาใช้แปรศพ โดยของชิ้นนี้สามารถที่จะรวบรวมปราณหยินปราณศพได้
แม้ว่าภายในโลกบำเพ็ญเซียนที่แท้จริง ในจำนวนผู้บำเพ็ญฝึกฝนศพนับไม่ถ้วนนี้ ผู้ซึ่งสามารถที่จะครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ได้นั้นมีอยู่น้อยมาก
ตามตำนานเล่าว่าแก้วหินศพจะถือกำเนิดขึ้นเฉพาะที่ภูเขาศพทะเลเลือดเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่ามีภูเขาศพทะเลเลือดแล้วก็จะพบเจอกับแก้วหินศพได้
อย่างไรก็ตามจากที่หลินหยุนได้รับทราบ หลังจากที่ศพจักรพรรดิได้ดับสลายลง ส่วนกะโหลกศีรษะของมันต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงนับหมื่นนับพันปีถึงจะสามารถกลายเป็นแก้วหินศพได้
นั่นเป็นถึงศพจักรพรรดิเลย! เพียบพร้อมด้วยจิตทิพย์สูงสุด สามารถที่จะครอบคลุมพลังอันแข็งแกร่งของฟ้าดินได้!
แน่นอนว่า หลินหยุนยังไม่เคยพบเจอกับศพจักรพรรดิที่แท้จริงมาก่อน
ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแก้วหินศพนี้เขาเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะจริงหรือเท็จ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้แน่นอนก็คือ แก้วหินศพไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุด!
ในโลกคุนชาง หรือแม้กระทั่งโลกมนุษย์ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถพบเจอกับสมบัติล้ำค่าสูงสุดนี้ได้
หลินหยุนคาดคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
ครั้งก่อน เขาได้พบเจอหินสังเวยจิต
อีกทั้งเป็นหินสังเวยจิตที่ยังมีความโหดเหี้ยมแบบไร้ร่องรอยอยู่ภายในด้วย!
ซึ่งทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างที่สุด
ครั้งนี้ก็พบเจอกับแก้วหินศพ หลินหยุนก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อเหมือนเช่นเคย
อารยธรรมบำเพ็ญของโลกคุนชาง และของโลกมนุษย์ ตอนนี้เขาเองก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงอย่างลึกซึ้ง
บางทีโลกมนุษย์ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว อาจจะเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยความสดใสแวววาว และทรงพลังอย่างไม่สิ้นสุดก็เป็นได้
แก้วหินศพนี้ จำเป็นจะต้องครอบครองไว้ให้ได้!
เขาไม่จำเป็นต้องนำไปแปรศพ แต่สามารถนำมาใช้ในการกลั่นยาได้
การกลั่นยาครั้งที่หนึ่งของเขาใช้หินสังเวยจิต
การกลั่นยาครั้งที่สองหากสามารถใช้แก้วหินศพได้ ก็คงจะเหมาะสมอย่างที่สุดแล้ว
เพราะว่าในบางขั้นตอน คุณลักษณะของหินสังเวยจิตกับแก้วหินศพนั้นเข้ากันเป็นอย่างมาก
ส่วนพวกคนอื่น แม้ว่าจะไม่รู้จักว่าแก้วหินศพนี้คือสิ่งของอะไรกันแน่ แต่พวกเขาเข้าใจชัดเจนว่า สิ่งของชิ้นนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
เพราะว่าหมอกควันดำที่น่ากลัวบริเวณรอบตัวของศพเหล็กนั้น มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหินผลึกสีดำนี้อย่างชัดเจน
ยอดฝีมือเมืองเทียนสุ่ยที่ร่างกายแหลกสลายนั้น ยาทองก็ถูกทำลายลงไปทันทีเช่นกัน ทำให้ทุกคนหยุดชะงักลงกันทั้งหมด
ได้ยินเพียงชายวัยกลางคนผู้นั้นหัวเราะเยาะ และกวาดสายตามองไปยังทุกคน ด้วยความเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า ทุกท่าน มือจะยาวกันเกินไปหน่อยแล้วไหม?
ศพเทพนี้คือฉันกับสหายผู้นี้ร่วมมือกันสังหาร!
หินผลึกก้อนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็สมควรที่จะเป็นฉันกับสหายผู้นี้แบ่งสันปันส่วนกันถึงจะถูกต้อง!
ต่อให้เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน นั่นก็คงเป็นสหายผางเห้อ!
พวกเราสามคนช่วยเหลือชีวิตของพวกนายเอาไว้ พวกนายไม่พูดขอบคุณสักคำก็ไม่เป็นไร แต่เวลานี้ยังจะมาแย่งชิงสมบัติล้ำค่าอีก คิดว่าอายุยืนยาวกันมากนักหรืออย่างไร?
ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียด ขณะที่มองไปยังชายวัยกลางคนนั้น สายตาก็แสดงท่าทีที่หวาดกลัวออกมาบ้าง
ขณะนั้น ผางเห้อที่มีสีหน้าขาวซีดก็ได้กระโดดขึ้นกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วก็หยุดยืนอยู่ในอากาศ
พูดขึ้นอย่างหม่นหมองว่า สหายกู่พูดได้ถูกต้อง! ทุกท่านไม่ได้ออกแรงพลัง แต่กลับได้รับการปกป้อง อย่างนั้นก็อย่าได้คิดครอบครองสมบัติล้ำค่านี้เลย!
ไม่เช่นนั้น ฉันเชื่อว่า สหายกู่ก็คงจะไม่ถือสาหากจะต้องลงมือสังหารใครบางคนก่อน
เชื่อว่าเมื่อครู่ที่สหายกู่ลงมือนั้น ทุกคนก็คงจะมองออกกันแล้วว่า สหายกู่เป็นถึงยอดฝีมือที่ใกล้จะถึงขั้นยาทองระดับห้าแล้ว!
ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นว่า สหายผู้นี้ก็คงจะมีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสี่อย่างแน่นอน! และเพิ่มตัวฉันเข้าไป ทุกท่าน คงจะไม่คิดรนหาที่ตายกันใช่ไหม?
เมื่อผางเห้อพูดขึ้น ก็ได้ทำการขีดเส้นแบ่งให้ชายวัยกลางคน หลินหยุน รวมถึงตัวเขาเอง เป็นฝ่ายเดียวกัน
ส่วนฝ่ายตรงข้าม ยังคงมีเหลืออีกสิบแปดคน รวมไปถึงผู้อาวุโสรองสำนักสุริยันและทูตวิญญาณที่สองวิหารผนึกวิญญาณ
ได้ยินที่ผางเห้อพูด ผู้อาวุโสรองสำนักสุริยันก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เพราะว่าสถานการณ์แข็งแกร่งกว่าตัวบุคคล
แม้ว่าฝ่ายของพวกเขาจะได้เปรียบในด้านของจำนวนคนอย่างชัดเจน แต่หากจะเผชิญหน้ากับพวกผางเห้อสามคนนั้นแล้ว ก็ไม่แน่ว่าผลจะเป็นอย่างไร
แต่ในเวลานี้เอง คนผู้หนึ่งที่คาดคิดไม่ถึงนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นแล้ว
วูแสหยุน
เห็นชุดคลุมของเขาสั่นไหว แล้วก็เดินออกมาจากกลุ่มคน
หรี่ตามองไปที่ผางเห้อ กู่มู่ รวมถึงหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า สามท่าน คิดกันจริง ๆ หรือว่าจะสามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ได้? โดยเฉพาะผู้อาวุโสผางเห้อ อย่าลืมนะว่า ท่านเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกอิสระเท่านั้น!
ผู้อาวุโสกู่เองก็เช่นกัน!
สำหรับท่านนี้ คือผู้พิทักษ์คุณหนูตระกูลซิงเหรอ?
ตระกูลซิง……
เหอะเหอะ!
สามท่าน คิดกันจริง ๆ หรือว่าจะสามารถช่วงชิงสมบัติชิ้นนี้มาเป็นของตนเองได้ขณะอยู่ต่อหน้าสำนักเต๋าเสินเซียว วิหารผนึกวิญญาณ รวมถึงสำนักสุริยัน?
ฉันว่า น่าจะเป็นทางพวกเราที่ควรจะกล่าวเตือนสามท่านว่าอย่าได้สำคัญตนเองผิดไปนัก!
ได้ยินคำพูดของวูแสหยุน นอกจากหลินหยุนแล้ว ผางเห้อกับกู่มู่ ต่างก็มีสีหน้าที่หม่นหมอง
พวกเขาฝ่ายนี้แข็งแกร่งทรงพลังมาก แต่ก็จำใจ เพราะทางฝ่ายนั้นก็มีเบื้องหลังที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า
ผางเห้อมองไปที่กู่มู่กับหลินหยุน เหมือนจะขอความเห็นจากเขาทั้งสองคน
ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กู่มู่ก็พูดขึ้นว่า สิ่งของมีอยู่เพียงชิ้นเดียว! ในเมื่อทุกคนต่างก็ต้องการ อย่างนั้นก็ต้องหาวิธีการมาสักอย่าง!
ผางเห้อเองก็พยักหน้าและพูดว่า ถูกต้อง! คุณชายแสหยุน ฝ่ายคุณลองพูดก่อนสิว่า ของชิ้นนี้ให้ใครเหมาะสมที่สุด!
วูแสหยุนในตอนนี้ ได้เผยความหยิ่งผยองที่เขาเป็นลูกศิษย์อัจฉริยะของเก้าสำนักออกมาแล้ว
เขายิ้มเยาะ และพูดอย่างดุดันว่า เรื่องนี้ยังจะต้องพูดกันอีกเหรอ? แน่นอนว่าจะต้องมอบให้กับฉัน! ฉันคิดว่า ทุกท่านคงจะไม่มีความคิดเห็นขัดแย้งอะไรล่ะสิ?
เบื้องหลังของฉันคือสำนักเต๋าเสินเซียว!
ส่วนตัวฉัน ก็เป็นลูกศิษย์หนุ่มที่สำนักเต๋าเสินเซียวให้ความสำคัญมากที่สุด ฉันคิดว่า เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้วล่ะ?
ทุกท่านคงจะไม่มีใครคิดที่จะเป็นศัตรูกับสำนักเต๋าเสินเซียวหรอกนะ?
ผางเห้อพูดขึ้นอย่างเย็นชา คุณชายแสหยุน ลำพังอาศัยแค่ชื่อเสียงของสำนักเต๋าเสินเซียว ก็คิดที่จะครอบครองสมบัติชิ้นนี้เหรอ? เหอะเหอะ! ประมาณว่าหากเป็นอัจฉริยะที่เสียชีวิตลงไปแล้ว ก็คงจะไม่มีคุณค่าอะไร สำหรับสำนักเต๋าเสินเซียวแล้วล่ะสิ!
วูแสหยุนได้ยินดังนั้น ก็พลันโมโหขึ้น สหายผาง นี่หมายความว่าจะลงมือกับฉันแล้ว? ฉันเองก็อยากจะดูเหมือนกันว่า สหายผางมีพลังความสามารถอย่างที่พูดนี้หรือไม่!
ผางเห้อหัวเราะอย่างเหยียดหยาม จริงเหรอ? ฉันเองก็อยากจะดูเหมือนกันว่า วูแสหยุนจะสามารถหลงระเริงได้สักเท่าไรกัน!
ขณะที่พูด ธงค่ายกลสองเสาก็พุ่งออกไปจากมือ โดยวูแสหยุนได้ถูกกักขังเอาไว้อยู่ภายใน
ในขณะนั้น กระบี่ยาวก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ฟาดฟันไปที่วูแสหยุนทันที
วูแสหยุนตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก แววตาเกิดความหวาดกลัวราวกับถูกคลื่นใหญ่โหมซัด
เขาคิดไม่ถึงว่า ผางเห้อจะกล้าลงมือกับเขาจริง ๆ
แต่ในเวลานี้ กลับไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ไม่มีผู้ใดขัดขวาง
อัจฉริยะที่คิดว่าตนเองไม่ธรรมดา อวดดีหยิ่งผยอง มีอยู่เป็นจำนวนมาก จะตายก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ