เพียงแค่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตนเองจินตนาการขึ้นมานั้น เจียงยี่ก็ควบคุมความตื่นเต้นในจิตใจเอาไว้ไม่ได้
ทั้งโลกใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชีวิต ล้วนจะต้องหมอบคลานอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของตนเองทั้งหมด
นั่นจะเป็นสภาพการณ์แบบไหนกัน?
เมื่อถึงตอนนั้น ตนเองก็ขึ้นเป็นฮ่องเต้!
ฮ่องเต้!
ฮ่องเต้ที่แท้จริง!
โดยที่มีทรัพยากรทั้งโลกเป็นสิ่งที่คอยค้ำจุน ตนเองก็ยังสามารถกลับมายังโลกคุนชางได้ตลอดเวลา เมื่อถึงตอนนั้นก็จะครอบครองทรัพยากรที่มากมายนับไม่ถ้วน นั่นคงจะไม่มีผู้ใดที่สามารถมาหยุดยั้งตนเองได้อีกแล้ว
สักวันหนึ่ง ต่อให้เป็นโลกคุนชาง ก็จะกลายมาเป็นสิ่งของภายในกำมือของเขาทั้งหมด!
แล้วจะไม่ทำให้เขาฮึกเหิมเร่าร้อนได้อย่างไรกันล่ะ?
คิดถึงตรงนี้ เจียงยี่ก็สูดหายใจยาว นั่งขัดสมาธิลง ทำการบำเพ็ญฝึกฝนต่อไป
เมื่อเขาบรรลุขั้นยาทองระดับสี่แล้ว การที่จะไปสังหารไอ้หนุ่มในเมืองเทียนหยุนนั้น ก็แค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น
ที่สำคัญก็คือ คนที่จำเป็นจะต้องสังหารนั้น คืออีกคนหนึ่ง
ก็คือเพื่อนสนิทของเขาคนนั้น ที่ชื่อว่ามู่หง!
เขาเชื่อว่า มู่หงเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
ช่วงเวลานี้เป็นต้นมา เขาเองก็ได้ให้คนคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของมู่หงอยู่ตลอดเช่นกัน
ข่าวคราวที่ส่งกลับมาก็คือ เมื่อมู่หงกลับถึงสำนักฉีซานก็รีบเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนทันที
เพราะว่ามีเพียงแค่บรรลุขั้นยาทองระดับสี่ จึงจะมีโอกาสสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ และก็มีโอกาสที่จะครอบครองโลกภายนอกนั้นได้แต่เพียงผู้เดียว
เจียงยี่คิดได้ถูกต้อง เขาต้องการจะฆ่ามู่หง
มู่หงในเวลานี้ ก็กำลังยกระดับพลังบำเพ็ญอย่างบ้าคลั่ง เพื่อหวังที่จะเข้าสู่ขั้นยาทองระดับสี่ให้ได้โดยเร็วยิ่งขึ้น
เมื่อถึงตอนนั้น เรื่องแรกที่เขาจะทำก็คือฆ่าเจียงยี่
อีกทั้ง เขาก็เชื่อว่า เจียงยี่คงจะไม่นำประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อบอกเล่าให้กับบุคคลที่สามอย่างแน่นอน
เพราะว่าคงไม่มีใครจะสามารถละทิ้งโอกาสที่ดีที่สุดในการขึ้นเป็นราชาแห่งโลกนี้ไปได้
ส่วนหลินหยุนที่อยู่ในวิมานในเวลานี้กลับไม่ได้คิดอะไรไปมากมายขนาดนั้น โดยกำลังบำเพ็ญฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
บำเพ็ญฝึกฝนไปพลาง และก็รอเจียงยี่ปรากฏตัวขึ้นไปพลาง
แต่รอมาสองวันแล้ว ก็ยังเงียบเชียบ และก็ยังไม่มีใครมาหาเรื่องสร้างปัญหากับเขาเลย
หลินหยุนคิดขึ้นได้ กอปรกับ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซิงเฟยได้ไปสืบเสาะมานั้น ก็สามารถที่จะยืนยันได้ถึงการคาดคะเนของเขา
เจียงยี่ก็กำลังอยู่ในการเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝน……
ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเขาเองแล้ว เขาก็จะทำแบบนี้เช่นกัน
เพราะสิ่งดึงดูดล่อใจในภายนอกนั้นมันช่างมากมายยิ่งนัก
คิดถึงตรงนี้ หลินหยุนก็รู้ได้ว่า ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ น่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือ ตามหาสมบัติล้ำค่าสูงสุดให้ได้มากขึ้น
แต่ก็เหมือนกับที่ซิงเฟยเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า สมบัติล้ำค่าสูงสุดในแบบที่เขาต้องการนั้นมีอยู่น้อยมาก
ต่อให้ยังคงมีอยู่ ก็คงจะเป็นสมบัติลับของแต่ละสำนักใหญ่ ใครก็คงจะไม่นำออกมาง่าย ๆ หรอก
ส่วนเขาเองคิดที่อยากจะได้สมบัติล้ำค่าทั้งสองชิ้นที่เย่เยว่หลงเหลือเอาไว้ให้กับตนเอง
เมื่อพลังบำเพ็ญของเขาเพิ่มสูงขึ้นถึงขั้นยาทองระดับสี่แล้ว อันที่จริงหลายสิ่งหลายอย่างก็สามารถกระทำได้โดยง่ายดาย
เพียงแต่ตอนนี้ยังนำมาไม่ได้เท่านั้น
แน่นอนว่าไม่ใช่จะไม่มีวิธีการอะไรอย่างอื่นเลย
ครุ่นคิดชั่วครู่
หลินหยุนหันหน้ามองไปที่ซิงเฟย และกระซิบพูดขึ้นว่า ฉันอยากจะเปิดร้านค้าแห่งหนึ่ง เธอมาช่วยฉันขายของ ดีไหม?
ซิงเฟยนึกว่าตนเองได้ยินผิดไป อะไรนะ? นายจะเปิดร้านค้าเหรอ?
หลินหยุนพยักหน้า ถูกต้อง! ฉันต้องการหลอมยา จำเป็นจะต้องมีสมบัติล้ำค่าสูงสุด!
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร
โดยจากลักษณะท่าทางของหลินหยุนก่อนหน้านี้ รวมถึงวิธีการปฏิบัติต่อพวกสมบัติล้ำค่านั้น ซิงเฟยเข้าใจอย่างชัดเจนว่า หลินหยุนคาดหวังเป็นอย่างมาก!
นั่นคือการมุ่งเป้าหมายไปยังขั้นยาทองระดับฟ้าเลยทีเดียว
ดังนั้นได้ยินหลินหยุนพูดแบบนี้แล้ว ซิงเฟยก็แค่ตกใจเล็กน้อย ไม่ถึงกับไม่เข้าใจ
ชะงักไปชั่วครู่ ซิงเฟยก็ถามขึ้นว่า นายจะหลอมเครื่องรางขาย? จากความสามารถการหลอมเครื่องรางของนายแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้!
แต่ว่าหากต้องการที่จะเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดระดับที่นายต้องการแล้วนั้น
เกรงว่าคงจะยาก
สำหรับฝีมือการหลอมเครื่องรางของหลินหยุนนั้น เธอทึ่งตะลึงอย่างที่สุด
แต่หากจะพูดกันถึงที่ว่าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติที่ใช้หลอมยาทองระดับฟ้าได้นั้น ก็ยังคงห่างไกลความจริงอยู่ดี
ไม่ใช่ว่าระดับไม่ถึง
เครื่องรางทิพย์ชั้นสูง
ที่จริงก็มีระดับที่สูงมากพอแล้ว
ยอดฝีมือระดับยาทอง ถือว่าเพียงพอแล้ว
แต่สำหรับยอดฝีมือชั้นยอดนั้น เว้นแต่จะเป็นเครื่องรางระดับชั้นยอดเท่านั้น จึงจะสามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างมหาศาล
หลินหยุนพูดขึ้นว่า เธอใส่หน้ากากนั้นของเธอเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ แล้วก็เข้าไปในเมืองเทียนหยุนเพื่อหาทำเลที่ตั้งของร้านจากนั้นก็สามารถเปิดร้านกันได้เลย
ฉันจะหลอมเครื่องรางทิพย์ชั้นต้น ชั้นกลาง ชั้นสูงอย่างละหนึ่งชิ้น
เธอทำหน้าที่ขายก็พอแล้ว!
ซิงเฟยถึงกับพูดไม่ออกแล้วก็พูดขึ้นว่า ฉันเป็นคนรับใช้ของนายใช่หรือไม่? นายต้องการให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำอะไร? แล้วฉันจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้างล่ะ?
หลินหยุนพูดขึ้นว่า สมบัติล้ำค่าสูงสุดในการหลอมยาทองของเธอนั้นฉันจะเป็นคนช่วยหา! จากระดับพรสวรรค์ของเธอแล้วสามารถที่จะถึงขั้นหลอมยาทองระดับดำ! นั่นคือถึงขีดสุดแล้ว!
สมบัติล้ำค่าที่เธอต้องการนั้น ระดับขั้นไม่สูงมากนัก สามารถหาพบได้ง่าย!
ซิงเฟยยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่
จ้องมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า นายคนนี้พูดอ้อมค้อมไม่เป็นบ้างหรืออย่างไร? อ้อมค้อมสักหน่อยมันจะตายเหรอ?
หลินหยุนทำเหมือนกับว่ามองไม่เห็น และพูดต่อว่า สถานะตัวตนของเธอห้ามเปิดเผยออกมาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นต่อไปจะทำให้เกิดความยุ่งยากขึ้น
ขณะที่พูดหลินหยุนก็พลิกฝ่ามือ แล้วก็นำน้ำชี่ทิพย์ทั้งหมดที่เขามีอยู่มอบให้กับซิงเฟย
แล้วก็นำกระดาษมาหลายแผ่นพร้อมกับเขียนชื่อของวัตถุดิบบางชนิดลงไป เพื่อให้ซิงเฟยไปซื้อ
หลังจากที่ซิงเฟยจ้องเขม็งไปที่เขาอีกครั้งแล้ว ก็จัดเก็บของ แล้วเดินออกไปจากวิมาน โดยที่ไม่ได้ถามเรื่องอื่นใดอีก
เธอเชื่อว่าหลินหยุนเองคงจะได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาคิดว่าสามารถที่จะพักอยู่ในเมืองเทียนหยุนต่อไปได้อีก ซึ่งเขาก็คงจะมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมากอีกแล้ว
เขาคิดจะทำอะไร ตัวเองช่วยเขาไปทำก็พอแล้ว!
ไม่นาน ซิงเฟยก็ได้พบเจอทำเลแห่งหนึ่ง อยู่บนถนนในตลาดที่ไม่ใหญ่มากนักบริเวณทางตอนใต้ของเมืองใกล้กับมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้
ตัวบ้านไม่ใหญ่มากนัก สงบเงียบ เหมาะสมอย่างมาก
จากนั้นก็หันกลับไปซื้อพวกสมุนไพรที่หลินหยุนต้องการ
แต่ว่า ซื้อได้เพียงพวกวัตถุดิบที่สามารถหลอมเครื่องรางทิพย์ชั้นต้นเท่านั้น
ส่วนพวกวัตถุดิบของชั้นกลางและชั้นสูงนั้น เป็นเพราะน้ำชี่ทิพย์ไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถซื้อได้
กลับมาถึงวิมาน หลินหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เริ่มต้นลงมือหลอมทันที
ผ่านไปสักพัก ตราทองขนาดกำปั้น ก็หลอมขึ้นเสร็จเรียบร้อย
ทันใดนั้น ทั่วทั้งวิมานก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น โดยได้ดูดเครื่องรางทิพย์ทั้งหมดเข้ามา
แต่หลินหยุนได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว โบกมือขึ้น ความสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ได้สงบลง
ซิงเฟยเฉยชาแล้ว
จริง ๆ
วิธีการหลอมเครื่องรางของหลินหยุนนี้ ต่อให้เธอไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก ต่อให้เธอได้เตรียมใจเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงตื่นตะลึงจนเลือดพลุ่งพล่าน สมองโล่งโปร่งไปหมด
ช่างเกินไปจริง ๆ!
ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!
ช่างเป็นฝีมือขั้นเทพที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
ซิงเฟยกลืนน้ำลายลงคอ เบิกตาโพลง มองไปที่หลินหยุน และถามเบา ๆ ขึ้นว่า อือ……ฉันขอปรึกษานายสักเรื่องหนึ่งได้ไหม?
หลินหยุนสะบัดมือแล้ววัตถุดิบอย่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น และพูดว่า ลองนำชี่ทิพย์ใส่ลงไปด้านใน!
ซิงเฟยตื่นเต้นขึ้นเป็นอย่างมาก และรีบทำตามที่บอก
เมื่อนำชี่ทิพย์ใส่ลงไปด้านในแล้ว ก็เกิดเสียงตูมดังขึ้น วัตถุดิบได้ระเบิดออกมา
หลินหยุนพูดอย่างสงบนิ่งว่า เธอไม่เหมาะสมที่จะหลอมเครื่องราง! ไม่ต้องคิดที่จะทำอีกแล้ว!
ซิงเฟย ……
โดยที่เธอไม่ได้ไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับหลินหยุนอีก