ไม่นานนัก เงาร่างของยอดฝีมืออีกจำนวนหนึ่ง ก็มุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ผู้ที่มานั้นคือเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าที่ปกติธรรมดา
แต่ว่า พวกที่ติดตามมาอยู่ด้านหลังนั้น ต่างก็อยู่ในชุดที่หรูหราสวยงาม และอายุก็ยังไม่มาก แต่พลังบำเพ็ญล้วนแข็งแกร่งยิ่งนัก
พลังบำเพ็ญที่ด้อยที่สุดคือขั้นยาทองระดับสาม ส่วนที่สูงที่สุดคือขั้นยาทองระดับสี่
ทั้งหมดเจ็ดคน เป็นผู้ชายห้าคนผู้หญิงสองคน
คนที่เป็นผู้นำ ยกมือแสดงความเคารพต่อหลินหยุนเล็กน้อย และถามขึ้นว่า ขอถามสหายหน่อยว่า เพิ่งออกมาจากเมืองมี่หยุนใช่ไหม?
หลินหยุนพยักหน้า
เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้า ที่อยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มที่เป็นผู้นำนั้นได้รีบถามขึ้นว่า ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองมี่หยุนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว รีบพูดให้พวกเราฟังหน่อยสิ
เด็กหนุ่มคนนี้สีหน้าท่าทางหยิ่งผยอง คำที่พูดออกมานั้น ก็ไม่มีความเกรงใจอะไรเลย ราวกับว่าเป็นเรื่องที่สมควรกระทำอย่างไรอย่างนั้น
ที่จริงแล้วก็ยังพอเข้าใจได้ พวกเขาล้วนเป็นลูกศิษย์ของสำนักใหญ่ หยิ่งผยองโอ้อวดจนเคยชินแล้ว ซึ่งไม่เคยรู้ว่าเวลาไหนควรจะเกรงใจ เวลาไหนควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน
หลินหยุนสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้น จากนั้นก็เหาะเหินจากไป
เห็นหลินหยุนจากไป ไม่เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้น รวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วยต่างก็พากันโมโหขึ้นในทันที
เด็กหนุ่มคนนั้นก็ได้นำ พวกเพื่อนอีกหลายคนแวบหายตัวไป แล้วมาขัดขวางอยู่เบื้องหน้าของหลินหยุนอีกครั้ง
เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้ามองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ไอ้หนุ่ม นายอยากตายเหรอไง? ฉันสอบถาม นายไม่ยอมตอบ และยังจะหนีจากไปอีก?
นายช่างกล้าหาญบ้าบิ่นอะไรอย่างนี้?
เขารู้สึกว่าตนเองได้ถูกล่วงเกินอย่างที่สุด
เขาเป็นถึงคุณชายเป่ยเฉินที่ยิ่งใหญ่ แล้วจะมีคนที่กล้าปฏิบัติต่อเขาแบบนี้เมื่อไรกันล่ะ?
เมื่อนิ่งเป่ยเฉินพูดจบลง
เด็กหนุ่มที่มีอารมณ์ขัน ค่อนข้างอ้วน หัวล้านคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังนั้นก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า ศิษย์พี่เป่ยเฉิน ทำไมจะต้องโมโหขนาดนี้ด้วย บางทีคนอื่นเข้าอาจจะไม่รู้จักคุณก็เป็นได้?
เมื่อเด็กหนุ่มหัวล้านพูดจบลง
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีขาวคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็กวาดสายตามองหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า นายมาจากสำนักไหนกัน? แม้แต่คุณชายเป่ยเฉินแห่งสำนักเต๋าเฉินเซียวก็ยังไม่รู้จักอย่างนั้นเหรอ?
หลินหยุนยิ้มเยาะ หันหน้ามองไปที่หญิงสาวคนนั้น และพูดขึ้นอย่างเฉยชาว่า ทำไมฉันจะต้องรู้จักเขาด้วยล่ะ?
หญิงสาวถูกย้อนถามกลับจนพูดอะไรไม่ออก จึงได้โมโหขึ้น และตวาดเสียงแข็งใส่ว่า ทำไม? ก็เพราะเขาคือคุณชายเป่ยเฉิน! ถ้าหากลำพังแค่พวกเราต้องการ ก็สามารถลงมือฆ่านายได้โดยง่าย! เหตุผลเท่านี้พอไหม?
ขณะที่พูด
หญิงสาวก็หยุดชะงักลงชั่วครู่
โดยมองไปที่สหายกี่คนนั้นและพูดขึ้นว่า ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเสียสติอยู่บ้าง ทุกคน ฉันจะสั่งสอนเขาก่อนสักเล็กน้อย จากนั้นค่อยสอบถามเขาถึงสถานการณ์ของเมืองมี่หยุนก็ยังไม่สาย!
เมื่อพูดจบ
หญิงสาวก็ชักกระบี่ยาวสีขาวที่อยู่ในมือออกมา
แล้วก็ฟาดฟันเข้าใส่หลินหยุนในทันที
กระบี่มีพลังอานุภาพที่ไร้เทียมทานยิ่งนัก
เต็มไปด้วยกลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัวและน่าเกรงขามอย่างที่สุด
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย
และส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา
พร้อมกับชี้นิ้วไปยังฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก
ลำแสงกระบี่ก็แหลกละเอียด
พลังอันน่ากลัวที่มองไม่เห็น ก็ได้ไปแตะสัมผัสที่ร่างกายของหญิงสาวคนนั้น
ตูม!
หญิงสาวถึงกับกระเด็นลอยออกไปไกล
กระอักเลือดออกมาอย่างหนัก
กระเด็นไปไกลกว่าพันเมตร โดยที่หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีเขียวเข้มอีกคนหนึ่งได้แวบหายตัว เพื่อไปรองรับร่างกายของฝ่ายตรงข้ามนั้น
ภาพเหตุการณ์นี้
ทำให้ทุกคนพลันตื่นตะลึงกันไปทั้งหมด
หญิงสาวชุดขาว
เธอเป็นลูกศิษย์ของสำนักกระบี่เป่ยโต่ว
มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสี่
เป็นหนึ่งในลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนักกระบี่เป่ยโต่ว
แต่ว่า
กลับคาดคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ
และยิ่งไม่อยากที่จะเชื่อด้วยว่า
ได้ถูกเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ที่มองดูแล้วเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง และมีอายุใกล้เคียงกับพวกเขา
เอาชนะได้ด้วยการชี้นิ้วเดียวแบบนี้!
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีเขียวเข้มนั้น รีบนำโอสถออกมาให้หญิงสาวชุดขาวกินเข้าไป
จากนั้นก็แวบหายตัว พาหญิงสาวชุดขาวนั้นกลับมาอยู่เบื้องหน้าของทุกคนอีกครั้ง
เวลานี้
หญิงสาวชุดขาวมีสีหน้าขาวซีด
สายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น เต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่อ
และยังมีความหวาดกลัวอยู่ด้วยไม่น้อย
ส่วนคนอื่น ๆ
ก็คาดคิดไม่ถึงเหมือนกัน
เพราะพวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่ง ในร่างกายของหลินหยุนเลย
ดังนั้น
แน่นอนว่าใครต่างก็ไม่ได้เห็นหลินหยุนอยู่ในสายตาเลยจริง ๆ
พวกเขาติดตามหวงฉาวมาโดยตลอด ซึ่งมาจากเมืองเทียนหยุน
แต่ความเร็วของพวกเขานั้น แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะไปเทียบเท่ากับยอดฝีมือผู้อาวุโสเหล่านั้นได้
โดยที่ช้ากว่ากันไม่น้อยเลย
ตอนที่เดินทางมาถึงที่นี่ ก็ได้ยินว่า เหตุการณ์ที่เมืองมี่หยุนนั้น ได้สงบจบสิ้นลงแล้ว
ไม่เพียงแต่คนของสำนักหยุนเยว่เดินทางกลับ
คนของสำนักเทียนหยุนก็เดินทางกลับไปแล้วเช่นกัน
ส่วนพวกเขานี้ยังไม่ทันจะมาถึง ความสนุกตื่นเต้นก็จบสิ้นลงไม่ได้ดูชมแล้ว
แน่นอนว่าคงจะอารมณ์เสียไม่น้อย
โดยในขณะนั้นเอง
ก็บังเอิญพบเจอกับคนผู้หนึ่งที่น่าจะเพิ่งออกมาจากเมืองมี่หยุน
แน่นอนว่าจะต้องหยุดขวางเอาไว้เพื่อสอบถามดูสักเล็กน้อย
ที่จริงแล้ว
ด้วยสถานะที่สูงศักดิ์ของพวกเขาเหล่านี้
ได้มีการเข้าไปสอบถามกับฝ่ายตรงข้าม
ก็ถือว่าเป็นเกียรติต่อตระกูลของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก
และเป็นความโชคดีอย่างที่สุดของฝ่ายตรงข้ามด้วย
แต่คนผู้นี้
ไม่เพียงแต่ไม่สำนึก
กลับยังจะแยกจากไปโดยที่ไม่พูดไม่จาสักคำ
มีอย่างที่ไหนกัน!
หญิงสาวชุดขาวลงมือสั่งสอนเล็กน้อย เพื่อให้ทุกคนได้สอบถามต่อได้
นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้น
ขณะที่หญิงสาวชุดขาวลงมือนั้น
พวกเขาก็ไม่มีใครที่จะยื่นมือเข้ามาขัดขวาง
และยิ่งไม่มีการพูดจาขัดขวางด้วย
ต่างก็กำลังดู
ต่างก็กำลังรอ
รอให้สั่งสอนเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ และที่ไม่รู้จักความเป็นความตายคนนี้
แต่ว่า
สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดคิดไม่ถึงนั้นก็คือ
ไม่เพียงแต่ไม่สามารถลงมือสั่งสอนฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว
ลูกศิษย์อัจฉริยะสำนักกระบี่เป่ยโต่วที่ยิ่งใหญ่นั้น
กลับถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีเข้าใส่และเอาชนะไปได้อย่างง่ายดาย!
ตลอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มันช่างง่ายดาย เรียบง่ายยิ่งนัก
นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ตกลงเป็นใครกันแน่?
ทันใดนั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองไปที่หลินหยุน
ทุกสายตาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างน่าตื่นตะลึง
ซึ่งรวมไปถึงหวงฉาวด้วย
ในขณะนั้นเอง
ด้านข้างของเด็กหนุ่มหัวล้าน มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีร่างกายกำยำบึกบึนได้มองไปที่หลินหยุน และตวาดใส่ด้วยเสียงแข็งว่า ไอ้หนุ่ม นายกล้าที่จะทำร้ายศิษย์น้องโม่หยู่ของฉัน ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!
เมื่อพูดจบ
ก็เกิดมีลำแสงกระพริบขึ้นบนมือของเขา
ทันใดนั้น
กระบองยาวสีดำท่อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
กระบองยาวสีดำในมือ
ได้ถูกยกขึ้นและทุบตีไปยังที่ร่างของหลินหยุนในทันที
พริบตาเดียว
กระบองยาวสีดำ ได้แผ่พลังอานุภาพที่น่าเกรงขามขึ้น
ที่ตัวกระบองมีหมอกควันสีดำพลุ่งพล่านออกมา และแผ่กระจายไปทั่ว
อุณหภูมิทั่วทั้งชั้นฟ้าชั้นดิน เหมือนจะลดลงอย่างรวดเร็วในทันที
คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ ต่างก็รีบลอยตัวถอยห่างออกไปด้านหลัง
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวของกระบองยาว
เด็กหนุ่มหัวล้านคนนั้นก็พลันหัวเราะเหอะเหอะ และพูดขึ้นว่า พลังบำเพ็ญของคุณชายลี่ เหมือนจะเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อยเลย! งานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้ เกรงว่าคงจะยากที่จะต่อสู้รับมือด้วยแล้วล่ะ!
ได้ยินที่เขาพูด
เด็กหนุ่มที่หน้าคล้ายกับลิงที่อยู่ด้านข้างนั้นก็พลันพยักหน้าและพูดขึ้นว่า ใครว่าไม่ใช่ล่ะ! ดูเหมือนว่างานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้ จะยากขึ้นกว่าเดิมทุกทีแล้ว! คุณชายลี่ผู้นี้ น่าจะเข้าสู่ขั้นยาทองระดับห้าไม่ใช่ระยะเวลาสั้น ๆ แล้วล่ะสิ?
นิ่งเป่ยเฉินแห่งสำนักเต๋าเฉินเซียวได้ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา และพูดด้วยเสียงที่เยือกเย็นว่า พลังบำเพ็ญของลี่รั่วไห่ได้มีพัฒนาการขึ้นมากเลยทีเดียว พลังอานุภาพขนาดนี้ ต่อให้ฉันเป็นผู้เผชิญหน้า ก็ยากที่จะรับมือต้านทานได้!
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ไอ้หนุ่มนี้จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้หรือไม่!
เด็กหนุ่มหัวล้านได้หัวเราะเหอะเหอะขึ้นอีกครั้งและพูดว่า หากว่าเขาสามารถต้านทานพลังนี้ได้ นั่นก็แสดงว่าพลังบำเพ็ญของเขา ก็ไม่ได้แตกต่างกับคุณชายเป่ยเฉินสักเท่าไรไม่ใช่เหรอ?
นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?