จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1275 ไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่น

บทที่ 1275 ไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่น

ไม่นานนัก เงาร่างของยอดฝีมืออีกจำนวนหนึ่ง ก็มุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว

ผู้ที่มานั้นคือเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าที่ปกติธรรมดา

แต่ว่า พวกที่ติดตามมาอยู่ด้านหลังนั้น ต่างก็อยู่ในชุดที่หรูหราสวยงาม และอายุก็ยังไม่มาก แต่พลังบำเพ็ญล้วนแข็งแกร่งยิ่งนัก

พลังบำเพ็ญที่ด้อยที่สุดคือขั้นยาทองระดับสาม ส่วนที่สูงที่สุดคือขั้นยาทองระดับสี่

ทั้งหมดเจ็ดคน เป็นผู้ชายห้าคนผู้หญิงสองคน

คนที่เป็นผู้นำ ยกมือแสดงความเคารพต่อหลินหยุนเล็กน้อย และถามขึ้นว่า  ขอถามสหายหน่อยว่า เพิ่งออกมาจากเมืองมี่หยุนใช่ไหม?  

หลินหยุนพยักหน้า

เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้า ที่อยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มที่เป็นผู้นำนั้นได้รีบถามขึ้นว่า  ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองมี่หยุนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว รีบพูดให้พวกเราฟังหน่อยสิ 

เด็กหนุ่มคนนี้สีหน้าท่าทางหยิ่งผยอง คำที่พูดออกมานั้น ก็ไม่มีความเกรงใจอะไรเลย ราวกับว่าเป็นเรื่องที่สมควรกระทำอย่างไรอย่างนั้น

ที่จริงแล้วก็ยังพอเข้าใจได้ พวกเขาล้วนเป็นลูกศิษย์ของสำนักใหญ่ หยิ่งผยองโอ้อวดจนเคยชินแล้ว ซึ่งไม่เคยรู้ว่าเวลาไหนควรจะเกรงใจ เวลาไหนควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน

หลินหยุนสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้น จากนั้นก็เหาะเหินจากไป

เห็นหลินหยุนจากไป ไม่เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้น รวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วยต่างก็พากันโมโหขึ้นในทันที

เด็กหนุ่มคนนั้นก็ได้นำ พวกเพื่อนอีกหลายคนแวบหายตัวไป แล้วมาขัดขวางอยู่เบื้องหน้าของหลินหยุนอีกครั้ง

เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้ามองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า  ไอ้หนุ่ม นายอยากตายเหรอไง? ฉันสอบถาม นายไม่ยอมตอบ และยังจะหนีจากไปอีก?  

 นายช่างกล้าหาญบ้าบิ่นอะไรอย่างนี้?  

เขารู้สึกว่าตนเองได้ถูกล่วงเกินอย่างที่สุด

เขาเป็นถึงคุณชายเป่ยเฉินที่ยิ่งใหญ่ แล้วจะมีคนที่กล้าปฏิบัติต่อเขาแบบนี้เมื่อไรกันล่ะ?

เมื่อนิ่งเป่ยเฉินพูดจบลง

เด็กหนุ่มที่มีอารมณ์ขัน ค่อนข้างอ้วน หัวล้านคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังนั้นก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า  ศิษย์พี่เป่ยเฉิน ทำไมจะต้องโมโหขนาดนี้ด้วย บางทีคนอื่นเข้าอาจจะไม่รู้จักคุณก็เป็นได้?  

เมื่อเด็กหนุ่มหัวล้านพูดจบลง

หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีขาวคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็กวาดสายตามองหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า  นายมาจากสำนักไหนกัน? แม้แต่คุณชายเป่ยเฉินแห่งสำนักเต๋าเฉินเซียวก็ยังไม่รู้จักอย่างนั้นเหรอ?  

หลินหยุนยิ้มเยาะ หันหน้ามองไปที่หญิงสาวคนนั้น และพูดขึ้นอย่างเฉยชาว่า  ทำไมฉันจะต้องรู้จักเขาด้วยล่ะ?  

หญิงสาวถูกย้อนถามกลับจนพูดอะไรไม่ออก จึงได้โมโหขึ้น และตวาดเสียงแข็งใส่ว่า  ทำไม? ก็เพราะเขาคือคุณชายเป่ยเฉิน! ถ้าหากลำพังแค่พวกเราต้องการ ก็สามารถลงมือฆ่านายได้โดยง่าย! เหตุผลเท่านี้พอไหม?  

ขณะที่พูด

หญิงสาวก็หยุดชะงักลงชั่วครู่

โดยมองไปที่สหายกี่คนนั้นและพูดขึ้นว่า  ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเสียสติอยู่บ้าง ทุกคน ฉันจะสั่งสอนเขาก่อนสักเล็กน้อย จากนั้นค่อยสอบถามเขาถึงสถานการณ์ของเมืองมี่หยุนก็ยังไม่สาย!  

เมื่อพูดจบ

หญิงสาวก็ชักกระบี่ยาวสีขาวที่อยู่ในมือออกมา

แล้วก็ฟาดฟันเข้าใส่หลินหยุนในทันที

กระบี่มีพลังอานุภาพที่ไร้เทียมทานยิ่งนัก

เต็มไปด้วยกลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัวและน่าเกรงขามอย่างที่สุด

หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย

และส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา

พร้อมกับชี้นิ้วไปยังฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก

ลำแสงกระบี่ก็แหลกละเอียด

พลังอันน่ากลัวที่มองไม่เห็น ก็ได้ไปแตะสัมผัสที่ร่างกายของหญิงสาวคนนั้น

 ตูม!  

หญิงสาวถึงกับกระเด็นลอยออกไปไกล

กระอักเลือดออกมาอย่างหนัก

กระเด็นไปไกลกว่าพันเมตร โดยที่หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีเขียวเข้มอีกคนหนึ่งได้แวบหายตัว เพื่อไปรองรับร่างกายของฝ่ายตรงข้ามนั้น

ภาพเหตุการณ์นี้

ทำให้ทุกคนพลันตื่นตะลึงกันไปทั้งหมด

หญิงสาวชุดขาว

เธอเป็นลูกศิษย์ของสำนักกระบี่เป่ยโต่ว

มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสี่

เป็นหนึ่งในลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนักกระบี่เป่ยโต่ว

แต่ว่า

กลับคาดคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ

และยิ่งไม่อยากที่จะเชื่อด้วยว่า

ได้ถูกเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ที่มองดูแล้วเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง และมีอายุใกล้เคียงกับพวกเขา

เอาชนะได้ด้วยการชี้นิ้วเดียวแบบนี้!

หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีเขียวเข้มนั้น รีบนำโอสถออกมาให้หญิงสาวชุดขาวกินเข้าไป

จากนั้นก็แวบหายตัว พาหญิงสาวชุดขาวนั้นกลับมาอยู่เบื้องหน้าของทุกคนอีกครั้ง

เวลานี้

หญิงสาวชุดขาวมีสีหน้าขาวซีด

สายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น เต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่อ

และยังมีความหวาดกลัวอยู่ด้วยไม่น้อย

ส่วนคนอื่น ๆ

ก็คาดคิดไม่ถึงเหมือนกัน

เพราะพวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่ง ในร่างกายของหลินหยุนเลย

ดังนั้น

แน่นอนว่าใครต่างก็ไม่ได้เห็นหลินหยุนอยู่ในสายตาเลยจริง ๆ

พวกเขาติดตามหวงฉาวมาโดยตลอด ซึ่งมาจากเมืองเทียนหยุน

แต่ความเร็วของพวกเขานั้น แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะไปเทียบเท่ากับยอดฝีมือผู้อาวุโสเหล่านั้นได้

โดยที่ช้ากว่ากันไม่น้อยเลย

ตอนที่เดินทางมาถึงที่นี่ ก็ได้ยินว่า เหตุการณ์ที่เมืองมี่หยุนนั้น ได้สงบจบสิ้นลงแล้ว

ไม่เพียงแต่คนของสำนักหยุนเยว่เดินทางกลับ

คนของสำนักเทียนหยุนก็เดินทางกลับไปแล้วเช่นกัน

ส่วนพวกเขานี้ยังไม่ทันจะมาถึง ความสนุกตื่นเต้นก็จบสิ้นลงไม่ได้ดูชมแล้ว

แน่นอนว่าคงจะอารมณ์เสียไม่น้อย

โดยในขณะนั้นเอง

ก็บังเอิญพบเจอกับคนผู้หนึ่งที่น่าจะเพิ่งออกมาจากเมืองมี่หยุน

แน่นอนว่าจะต้องหยุดขวางเอาไว้เพื่อสอบถามดูสักเล็กน้อย

ที่จริงแล้ว

ด้วยสถานะที่สูงศักดิ์ของพวกเขาเหล่านี้

ได้มีการเข้าไปสอบถามกับฝ่ายตรงข้าม

ก็ถือว่าเป็นเกียรติต่อตระกูลของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก

และเป็นความโชคดีอย่างที่สุดของฝ่ายตรงข้ามด้วย

แต่คนผู้นี้

ไม่เพียงแต่ไม่สำนึก

กลับยังจะแยกจากไปโดยที่ไม่พูดไม่จาสักคำ

มีอย่างที่ไหนกัน!

หญิงสาวชุดขาวลงมือสั่งสอนเล็กน้อย เพื่อให้ทุกคนได้สอบถามต่อได้

นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

ดังนั้น

ขณะที่หญิงสาวชุดขาวลงมือนั้น

พวกเขาก็ไม่มีใครที่จะยื่นมือเข้ามาขัดขวาง

และยิ่งไม่มีการพูดจาขัดขวางด้วย

ต่างก็กำลังดู

ต่างก็กำลังรอ

รอให้สั่งสอนเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ และที่ไม่รู้จักความเป็นความตายคนนี้

แต่ว่า

สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดคิดไม่ถึงนั้นก็คือ

ไม่เพียงแต่ไม่สามารถลงมือสั่งสอนฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว

ลูกศิษย์อัจฉริยะสำนักกระบี่เป่ยโต่วที่ยิ่งใหญ่นั้น

กลับถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีเข้าใส่และเอาชนะไปได้อย่างง่ายดาย!

ตลอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มันช่างง่ายดาย เรียบง่ายยิ่งนัก

นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?

ไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ตกลงเป็นใครกันแน่?

ทันใดนั้น

ในขณะที่ทุกคนกำลังมองไปที่หลินหยุน

ทุกสายตาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างน่าตื่นตะลึง

ซึ่งรวมไปถึงหวงฉาวด้วย

ในขณะนั้นเอง

ด้านข้างของเด็กหนุ่มหัวล้าน มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีร่างกายกำยำบึกบึนได้มองไปที่หลินหยุน และตวาดใส่ด้วยเสียงแข็งว่า  ไอ้หนุ่ม นายกล้าที่จะทำร้ายศิษย์น้องโม่หยู่ของฉัน ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!  

เมื่อพูดจบ

ก็เกิดมีลำแสงกระพริบขึ้นบนมือของเขา

ทันใดนั้น

กระบองยาวสีดำท่อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

กระบองยาวสีดำในมือ

ได้ถูกยกขึ้นและทุบตีไปยังที่ร่างของหลินหยุนในทันที

พริบตาเดียว

กระบองยาวสีดำ ได้แผ่พลังอานุภาพที่น่าเกรงขามขึ้น

ที่ตัวกระบองมีหมอกควันสีดำพลุ่งพล่านออกมา และแผ่กระจายไปทั่ว

อุณหภูมิทั่วทั้งชั้นฟ้าชั้นดิน เหมือนจะลดลงอย่างรวดเร็วในทันที

คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ ต่างก็รีบลอยตัวถอยห่างออกไปด้านหลัง

เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวของกระบองยาว

เด็กหนุ่มหัวล้านคนนั้นก็พลันหัวเราะเหอะเหอะ และพูดขึ้นว่า  พลังบำเพ็ญของคุณชายลี่ เหมือนจะเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อยเลย! งานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้ เกรงว่าคงจะยากที่จะต่อสู้รับมือด้วยแล้วล่ะ!  

ได้ยินที่เขาพูด

เด็กหนุ่มที่หน้าคล้ายกับลิงที่อยู่ด้านข้างนั้นก็พลันพยักหน้าและพูดขึ้นว่า  ใครว่าไม่ใช่ล่ะ! ดูเหมือนว่างานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้ จะยากขึ้นกว่าเดิมทุกทีแล้ว! คุณชายลี่ผู้นี้ น่าจะเข้าสู่ขั้นยาทองระดับห้าไม่ใช่ระยะเวลาสั้น ๆ แล้วล่ะสิ?  

นิ่งเป่ยเฉินแห่งสำนักเต๋าเฉินเซียวได้ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา และพูดด้วยเสียงที่เยือกเย็นว่า  พลังบำเพ็ญของลี่รั่วไห่ได้มีพัฒนาการขึ้นมากเลยทีเดียว พลังอานุภาพขนาดนี้ ต่อให้ฉันเป็นผู้เผชิญหน้า ก็ยากที่จะรับมือต้านทานได้!  

 ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ไอ้หนุ่มนี้จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้หรือไม่!  

เด็กหนุ่มหัวล้านได้หัวเราะเหอะเหอะขึ้นอีกครั้งและพูดว่า  หากว่าเขาสามารถต้านทานพลังนี้ได้ นั่นก็แสดงว่าพลังบำเพ็ญของเขา ก็ไม่ได้แตกต่างกับคุณชายเป่ยเฉินสักเท่าไรไม่ใช่เหรอ?  

 นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?  

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท