แต่ฝ่ามือยักษ์นั้นก็ได้กลับคืนร่างขึ้นดังเดิม และพุ่งลงมาจับตัวอีกครั้ง
ด้านล่างก็ทิ่มแทงกระบี่ใส่อีกครั้ง
แต่ว่ากระบี่ที่ทิ่มแทงไปในครั้งนี้ มีพลังที่อ่อนแอกว่ากระบี่ครั้งก่อนนั้นอย่างชัดเจน
ฝ่ามือที่มองไม่เห็นได้ตบทำลายลำแสงกระบี่จนแหลกสลาย
ในขณะนั้นเอง ขอบฟ้าที่ห่างไกลออกไป ได้ปรากฏผ้าแพรขาวที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ พุ่งจู่โจมเข้ามา จนชั้นฟ้าชั้นดินสั่นสะเทือนขึ้นอย่างกะทันหัน
พลิกตลบม้วนตัวอยู่ในอากาศ และพุ่งเข้าทำลายฝ่ามือนั้นจนแหลกละเอียด
แม้แต่สองเงาร่างที่แอบซ่อนตัวอยู่ในอากาศนั้น ต่างก็ตกตะลึงจนถึงกับปรากฏตัวออกมาเลย
พริบตาเดียว เงาร่างนั้นก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าแล้ว
โดยที่เป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีม่วง ผมยาวประบ่า มีผ้าแพรขาวพันอยู่ที่ท่อนแขน รูปลักษณ์งดงาม โดยภายใต้ลักษณะท่าทางที่สง่างามเฉิดฉาย ดั่งกับนางฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
เห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสี่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้น ก็แสดงความเคารพให้กับผู้หญิงคนนี้
จางหลิงซูพูดขึ้นว่า ที่แท้ก็คือสหายสองเยว่นั่นเอง ฉันเสียมารยาทไปหน่อย!
ลูกตาสองข้างที่ดำมิดของสองเยว่ ได้กวาดสายตามองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่จางหลิงซู จากนั้นก็มองไปบนท้องฟ้าทางทิศเหนือ
พร้อมกับพูดขึ้นว่า สหายทั้งหลาย ในเมื่อมาถึงกันแล้ว ทำไมไม่ปรากฏตัวออกมาพบกันบ้าง?
เมื่อสองเยว่พูดคำนี้ออกไป
หลายเงาร่างที่แข็งแกร่งทรงพลัง ก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากในอากาศ
เมื่อเห็นหลายเงาร่างนี้แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสี่ ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
โดยในเวลานี้ ผู้คนในเมืองมี่หยุนต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไป
คาดคิดไม่ถึงว่า จะมียอดฝีมือแอบซ่อนตัวอยู่ในอากาศด้วย
มียอดฝีมือจำนวนไม่น้อย ที่ต่างก็รู้จักสถานะของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงไม่กล้าที่จะเชื่อกับสิ่งที่ตาตนเองพบเห็น
พระเจ้า ฉันไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม?
นี่คือ……รองเจ้าสำนักเทียนหยุนอย่างนั้นเหรอ?
แม้แต่ยอดฝีมือระดับรองเจ้าสำนัก ก็ยังมาที่เมืองมี่หยุนด้วย?
มิน่าล่ะ แม้แต่เจ้าสำนักแทนของสำนักหยุนเยว่ก็ยังมาด้วยตนเองเลย!
หากว่าเกิดการสู้รบครั้งใหญ่ขึ้น เกรงว่าทั้งเมืองมี่หยุนคงจะถูกทำลายลงจนไม่เหลือซากเป็นแน่!
ทุกคนรีบหลบหนีกันไปโดยเร็ว!
ไม่สามารถที่จะพักอยู่ในเมืองได้อย่างเด็ดขาด!
เพียงครู่เดียว เงาร่างจำนวนไม่น้อยก็ได้หลบหนีออกไปทางนอกเมืองกันอย่างรวดเร็ว
ทางตระกูลฉินเองก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะหลบหนีไปเช่นกัน แต่ภายใต้ลมหายใจที่ปกคลุมนั้น ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถออกไปจากตระกูลได้แม้แต่น้อย
สายตาของรองเจ้าสำนักมองไปยังสองเยว่ที่ยืนอยู่ในอากาศฝั่งตรงข้าม และพูดขึ้นว่า สหายสองเยว่ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่จากกัน ก็ไม่ได้พบเจอกันมานานเลย!
สองเยว่มองไปที่เขาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า ยังมีอีกสองสหาย ทำไมถึงไม่แสดงตัวออกมาพบกันล่ะ?
เมื่อเธอพูดจบ ด้านหลังของรองเจ้าสำนักเทียนหยุน ก็มีเงาร่างของผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวออกพมา
เห็นเงาร่างของสองคนนี้แล้ว ก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง
สองคนนี้ ไม่ใช่คนของสำนักเทียนหยุน!
ผู้หญิงคนนี้ เหมือนว่าจะเป็นผู้อาวุโสปิงหลินแห่งสำนักฉีซาน!
อีกคนที่อยู่ด้านหลังนั้น ก็ไม่รู้จักแล้ว!
แต่ชัดเจนว่าเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน!
ต่างพูดกันว่าสำนักฉีซานกับสำนักเทียนหยุนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดูเหมือนว่าคำพูดนี้จะเป็นความจริง!
เรื่องราวในครั้งนี้ คิดไม่ถึงว่าสำนักฉีซานจะมาเข้าร่วมด้วย!
หลายคนต่างก็รู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
ในอากาศ
สองเยว่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า คนของสำนักฉีซาน จะมาปรากฏตัวขึ้นได้
เธอเคลื่อนสายตา แล้วจ้องมองไปยังผู้อาวุโสปิงหลินกับชายชราที่อยู่ด้านหลังผู้นั้น
และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า สำนักฉีซานเองก็เข้ามาเกี่ยวข้องในครั้งนี้ด้วยเหรอ?
ผู้อาวุโสปิงหลินได้ยินดังนั้น ก็ได้พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า สหายสองเยว่อย่าได้เข้าใจผิดไป เรื่องของสำนักเทียนหยุน สำนักฉีซานของเราไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว! ซึ่งถ้าหากสองสำนักของพวกเธอนั้นเปิดศึกใส่กัน คนของสำนักฉีซาน ไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งแน่นอน!
สองเยว่พูดขึ้นว่า แบบนี้ถึงจะดีที่สุด แต่ว่า ต่อให้ยื่นมือเข้าช่วยก็ไม่เป็นไร สำนักหยุนเยว่ของเรา รับมือได้หมดอยู่แล้ว!
ได้ยินที่เธอพูด ทุกคนต่างก็พากันตื่นตะลึง สายตาที่มองไปยังสองเยว่นั้นเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
คิดไม่ถึงว่า สองเยว่จะพูดขึ้นแบบนี้
นั่นเป็นถึงสำนักฉีซานกับสำนักเทียนหยุน
สำนักหนึ่งอยู่ในลำดับที่ห้าของเก้าสำนักใหญ่
อีกสำนักหนึ่งอยู่ในลำดับที่เจ็ด
แม้ว่าในตอนนี้สำนักเทียนหยุนจะเสียหายหนักพอสมควร แต่สองเยว่ทำไมถึงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสองสำนักที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วย?
ในขณะนั้นเอง รองเจ้าสำนักเทียนหยุนก็เอ่ยปากพูดขึ้นแล้ว
เขามองไปที่สองเยว่ และพูดขึ้นว่า สหายสองเยว่ สำนักของคุณตัดสินใจที่จะปกป้องคุ้มครองตระกูลฉินนี้แล้วจริง ๆ ใช่ไหม?
สองเยว่พูดขึ้นว่า ฉันมาถึงที่นี่แล้ว ก็บ่งบอกถึงความหมายได้อย่างชัดเจน ทำไมจะต้องพูดมากความกันอีกล่ะ? หากรองเจ้าสำนักคิดจะลงมือ ก็สามารถลงมือได้เลย ไม่อย่างนั้น ก็กลับไปเถอะ!
รองเจ้าสำนักหัวเราะฮึฮึ และพูดขึ้นว่า สหายสองเยว่ ช่างมั่นอกมั่นใจเกินไปหน่อยหรือเปล่า คิดว่าฉันไม่มีตัวตนอยู่อย่างนั้นเหรอ?
สองเยว่พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า อย่างนั้นรองเจ้าสำนักก็มาลองต่อสู้กับฉันดูสักตั้งสิ
ใกล้งานประลองยุทธเก้าสำนักเข้ามาทุกขณะ นายกับฉันประลองกันก่อนสักครั้ง ในแบบที่พอสมควร
หากว่ารองเจ้าสำนักเป็นฝ่ายชนะ สำนักหยุนเยว่ของเราก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของตระกูลฉินอีก
หากว่าฉันโชคดีเอาชนะรองเจ้าสำนักได้ รองเจ้าสำนักก็พาคนของสำนักเทียนหยุนกลับออกไป โดยที่ห้ามมาสร้างความเดือดร้อนต่อตระกูลฉินอีก ว่าอย่างไรล่ะ?
รองเจ้าสำนักได้ยินดังนั้น สีหน้าท่าทางก็หม่นหมองลงไปในทันที
เขาเป็นถึงรองเจ้าสำนักเทียนหยุน มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับแปด
แต่สองเยว่ ก็เป็นเจ้าสำนักแทนของสำนักหยุนเยว่ และก็มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับแปดเช่นกัน
เผชิญหน้ากับสองเยว่ เขาสามารถที่จะต่อสู้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้
อีกทั้ง หากนำเอาผลแพ้ชนะของทั้งสองคน มาตัดสินเรื่องราวในวันนี้แล้ว ก็เท่ากับว่าไม่รับผิดชอบ และยังเสียเปรียบด้วย
คิดถึงจุดนี้แล้ว รองเจ้าสำนักก็พูดขึ้นว่า สหายสองเยว่ พลังบำเพ็ญของเธอและฉัน อยู่ในระดับที่เท่าเทียมกัน หากต้องการตัดสินผลแพ้ชนะ ในเวลาอันสั้น เกรงว่าคงจะยากทีเดียว
โดยที่ตัวฉันสามารถต่อสู้รับมืออยู่กับสหาย ซึ่งคนอื่นของสำนักของฉัน ก็ยังคงสามารถลงมือจัดการกับคนของตระกูลฉินได้!
ฉันว่าแบบนี้ดีไหม ไม่ว่าอย่างไร การลงมือต่อสู้กัน ก็เป็นการทำลายมิตรภาพระหว่างกันเสียเปล่า
เพียงแค่สหายสองเยว่ สั่งให้คนของตระกูลฉิน พูดรายละเอียดเกี่ยวกับหลินชางฉอง บอกว่าหลินชางฉองพักอยู่ที่ไหนและมีประวัติความเป็นมาอย่างไร เรื่องในวันนี้ก็ถือว่าจบสิ้นลง เธอกับฉันก็ไม่ต้องลงมือต่อสู้กันอีก
สหายสองเยว่ทราบไหมว่า ไอ้ชั่วหลินชางฉองนั้น ได้สังหารลูกศิษย์อัจฉริยะและผู้อาวุโสของสำนักของเราไปจำนวนเท่าไร ซึ่งเป็นความแค้นบาดหมางที่จะต้องแก้แค้นคืนให้ได้!
สำนักเทียนหยุนของเรา จะต้องสังหารไอ้คนชั่วนี้ให้ได้! ซึ่งไม่มีผู้ใดที่จะสามารถมาขัดขวางได้
สหายสองเยว่ ลองไปพูดเกลี้ยกล่อมตระกูลฉินดีกว่าไหมล่ะ!
สองเยว่เคลื่อนไหวสายตาไปมา และสงบเงียบอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นก็พูดขึ้นว่า เรื่องที่ควรพูด ฉันว่าคนของตระกูลฉินก็คงได้พูดบอกออกไปหมดแล้ว!
รองเจ้าสำนักขมวดคิ้ว และหัวเราะเยาะ ดูเหมือนว่า วันนี้คงจะต้องลงมือต่อสู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว?
สองเยว่พูดขึ้นอย่างเย็นชา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรองเจ้าสำนัก!
รองเจ้าสำนักสูดหายใจลึก ตวาดด้วยเสียงหนักแน่นว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็คงต้องประลองกับสหายสองเยว่แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ อีกสักครู่นำตัวคนของตระกูลฉินทั้งหมดกลับไปยังสำนักของเรา! และทำการสอบปากคำอย่างเข้มงวด ถึงอย่างไรก็จะต้องล้วงเอารายละเอียดทุกอย่างของหลินหยุนออกมาให้จงได้!
ผู้อาวุโสใหญ่รีบพยักหน้าตอบรับทันที
ร่างของรองเจ้าสำนักแวบหายไป ย่ำขึ้นไปบนอากาศ
ในขณะเดียวกัน กระบี่ยาวเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
กวัดแกว่งกระบี่ยาวไปมา เงากระบี่ก็ได้แผ่กระจายไปทั่ว โดยพุ่งตรงเข้าใส่สองเยว่ในทันที
ผ้าแพรขาวของสองเยว่ก็ราวกับงูทิพย์ พุ่งกระโจนเป็นเส้นลำแสงสีขาว เพื่อพันห่อหุ้มเอาไว้
เงากระบี่ฟาดฟันลำแสงสีขาวจนแหลกละเอียด
แต่พลังอานุภาพกลับลดลงไปมาก ราวกับว่ากำลังใช้ค้อนทุบตีลงบนฝ้าย
ลำแสงสีขาวราวกับน้ำ ไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
ลำแสงกระบี่โหดเหี้ยม พลังอานุภาพสะท้านปฐพี
ทันใดนั้น ทุกสิ่งอย่างก็แปรเปลี่ยน ฟ้าดินก็สั่นสะเทือน
ท่ามกลางท้องฟ้า เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างไม่หยุด
ลมหายใจที่น่ากลัวแผ่กระจายไปทั่ว ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าที่อยู่เหนือเมืองมี่หยุน
เพียงแค่สัมผัสกับลมหายใจที่รุนแรงแบบนี้ ก็ทำให้คนตื่นตระหนกหวาดกลัวเป็นอย่างมากแล้ว
มียอดฝีมือขั้นยาทองระดับสี่ขึ้นไปบางคน ได้ใช้จิตญาณสำรวจ เพื่อต้องการรับรู้อย่างถึงที่สุด
แต่เมื่อจิตญาณขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ก็แหลกสลายลงในพริบตา