คนเบื้องหน้าผู้นี้
แม้ว่าจะธรรมดาทั่วไป
แต่ว่า
ด้านอายุนั้น
ก็คงน้อยกว่าเขาอีกแน่นอน
ตัวเขาเอง
เมื่ออายุสิบเก้าปีถูกจัดอันดับเข้าสู่ลำดับเยาว์คุนชาง
จนถึงวันนี้
อายุยี่สิบห้าปีแล้ว
ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้
จะมีอายุเท่าไรกัน?
ยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่?
ก็น่าจะประมาณนี้!
แต่พลังบำเพ็ญระดับนี้ มันช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
นี่มันคล้ายคลึงกับเขาอย่างมากเลย!
ถึงขนาดที่ว่าเขาเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อ
บนโลกใบนี้
คิดไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือที่เก่งกาจไร้เทียมทานที่จะสามารถนำมาเปรียบเทียบกับเขาได้
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้
หวงฉาวก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
สมองของเขาเกิดประกายแวบขึ้นหนึ่ง และความคิดอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมา
เหมือนว่าเขาจะสามารถคาดเดาสถานะของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว
จากพลังบำเพ็ญของฝ่ายตรงข้าม
จากอายุของฝ่ายตรงข้าม
จากพรสวรรค์ความสามารถของฝ่ายตรงข้าม
บางทีอาจจะเป็น……
มีเพียงผู้นั้นคนเดียว!
หวงฉาวแววตาเป็นประกาย แล้วก็มองไปที่หลินหยุน
ถ้าหากฉันทายไม่ผิด
คุณ คงจะมาจากสำนักอริยสัจล่ะสิ?
เมื่อหวงฉาวพูดจบ
ก็ได้ยินทุกคนสูดหายใจลึกกันทั้งหมด
ในจิตใจของทุกคนนั้น ยิ่งราวกับว่าถูกคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำเข้าใส่
มาจากสำนักอริยสัจ
อายุขนาดนี้
พลังบำเพ็ญขนาดนี้
เกรงว่าสถานะคงจะมีเพียงหนึ่งเดียว
บุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ
หรือว่า……
บุตรอริยสัจจะถือกำเนิดขึ้นจริง ๆ แล้ว?
แต่ว่า
ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่?
และทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้?
แต่ว่า……
ใครก็ไม่เคยเห็นบุตรอริยสัจ
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเหล่านี้ที่เป็นคนนอก
ต่อให้เป็นคนของสำนักอริยสัจเอง
ก็คงไม่รู่เช่นกันว่า
ตกลงบุตรอริยสัจนั้นมีลักษณะท่าทางอย่างไร
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีการแต่งกายที่ธรรมดา
ซึ่งไม่แตกต่างอะไรไปจากคนทั่วไป
แต่ใครจะสามารถรับรองได้ว่า
บุตรอริยสัจจะไม่แต่งกายลักษณะแบบนี้กันล่ะ?
สำหรับพระบุตร และบุตรธยานะ
พระบุตรนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ในฐานะที่เป็นสำนักปฏิบัติธรรม
ทุกครั้งที่พระบุตรปรากฏตัวขึ้น ในสถานะของพระสงฆ์ ก็สามารถที่จะมองออกได้อย่างชัดเจน
ในส่วนของบุตรธยานะ……
เรื่องการแต่งกายภายนอกนั้น
กลับไม่สามารถที่จะมองออกได้
เพราะแม้ว่าสำนักธยานะจะเป็นสาขาของสำนักปฏิบัติธรรม
ถึงขนาดที่ว่ามีการสืบทอดมาจากดั้งเดิมเดียวกัน
แต่การนั่งวิปัสสนากรรมฐานของสำนักธยานะ กับการกราบไหว้บูชาของสำนักปฏิบัติธรรมนั้น แตกต่างกันมาก
กล่าวได้ว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน
สำนักปฏิบัติธรรมบำเพ็ญฝึกฝนทางร่างกาย
สำนักธยานะบำเพ็ญฝึกฝนทางจิตใจ
หากจะพูดถึงเรื่องการแต่งกาย
บางทีน่าจะเหมาะสมกับบุตรธยานะมากกว่า
แต่ว่า
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของสำนักธยานะ
ทรงพลัง
ดุดัน
น่าเกรงขาม
ซึ่งในสิ่งเหล่านี้แล้ว ยังแฝงไปด้วยความเมตตาอารี
นั่นแม้ว่าจะแตกต่างต่างกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของสำนักปฏิบัติธรรม แต่ก็มีความพิเศษในแบบเดียวกัน
เพียงแค่ลงมือ
ก็จะสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน
ส่วนเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้
ไม่ใช่แน่นอน
ดังนั้น
หวงฉาวจึงได้คาดคิดเป้าหมายเอาไว้ว่า
น่าจะเป็นสถานะบุตรอริยสัจ
บุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ
สำนักใหญ่อันดับหนึ่งของโลกคุนชาง
ที่สูงศักดิ์อย่างที่สุด
และน่าเคารพเลื่อมใส
เมื่อบุตรอริยสัจทุกรุ่นปรากฏตัวขึ้น ต่างก็เป็นที่ตกตะลึงกันไปทั่ว
ตระเวนผจญภัยไปทั่วใต้หล้า
ลงมาจุติในโลกมนุษย์
สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้
คือบุตรอริยสัจจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
ไม่รู้!
แต่ก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก!
เพราะว่านอกจากบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจแล้ว
ไม่มีใครที่จะน่าสะพรึงกลัวมากขนาดนี้
สายตาของทุกคน ล้วนจับจ้องมาที่หลินหยุน
เหมือนกับว่า
ต่างก็กำลังรอคำตอบจากหลินหยุนอยู่
สีหน้าท่าทางของหลินหยุนก็ยังคงสงบนิ่ง
เมื่อหวงฉาวพูดขึ้น
เขาก็รู้ว่า
ฝ่ายตรงข้ามนั้นคิดว่าตนเองเป็นใคร
เขาเข้าสู่โลกคุนชางมาไม่นานเท่าไรนัก
แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นแค่เวลาช่วงสั้น ๆ แล้ว
ผจญภัยในโลกคุนชางกับซิงเฟย ไม่ใช่แค่เพียงไม่กี่วัน
เรื่องราวในโลกคุนชางที่เกี่ยวกับสถานการณ์ กำลังความสามารถ บุคคล รวมไปถึงเรื่องที่เป็นความลับบางอย่าง
ถึงแม้จะไม่อาจพูดได้ว่าเข้าใจอย่างถ่องแท้ทั้งหมด
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย
สำหรับบุตรอริยสัจ
พระบุตรแห่งสำนักปฏิบัติธรรม
บุตรธยานะแห่งสำนักธยานะ
แน่นอนว่าก็เคยได้ยินมาบ้างเล็กน้อย
ไม่เพียงเท่านั้น
ขนาดหวงฉาวผู้เก่งกาจอันดับหนึ่งในสำนักเทียนหยุน หรือกล่าวได้ว่าผู้เก่งกาจอันดับหนึ่งในโลกคุนชางนั้น
เขาเองก็เคยได้ยินมาบ้างแล้ว
แต่
เขานั้นไม่เคยคิดที่จะใส่ใจเลยก็เท่านั้น
ไม่ได้ตอบคำถามของหวงฉาว
หลินหยุนมองไปที่เขา แล้วก็พูดขึ้นว่า นายคิดจะลงมือเหรอ?
แม้ว่าเขาจะไม่ตอบ
แต่ว่า
สายตาของทั้งหวงฉาวและนิ่งเป่ยเฉินนั้น
ก็เท่ากับว่ากับเป็นการยอมรับโดยปริยายแล้ว
หวงฉาวหรี่ตาลง
จากนั้น
ดวงตาของเขา
ก็ปลดปล่อยลำแสงที่แผดเผาออกมา
ตื่นเต้น
เป็นความตื่นเต้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า
เขาไม่เคยที่จะประลองฝีมือกับหลินชางฉองผู้นั้น
แต่ว่า
กลับพบเจอกับบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจที่ปรากฏตัวขึ้นโดยบังเอิญ
ต้องพูดว่า
นี่คือเจตนารมณ์ของสวรรค์
แบบนี้ถึงน่าสนใจอย่างมาก!
แบบนี้ถึงจะสนุกตื่นเต้น!
แบบนี้ถึงจะคือคู่ต่อสู้ที่แท้จริง!
คือคู่ต่อสู้สำหรับหวงฉาวโดยเฉพาะอย่างแท้จริง!
แล้วก็ถูมือไปมาอย่างไม่ตั้งใจ
หวงฉาวมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นว่า ฉันขอแนะนำตัวเองหน่อยว่า ฉันคือหวงฉาว มาจากสำนักเทียนหยุนที่เป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่ วันนี้โชคดีที่ได้พบเจอกับบุตรอริยสัจ ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติอย่างที่สุด!
แต่ ไม่ว่าบุตรอริยสัจจะมีสถานะที่สูงศักดิ์เพียงใด!
ก็ได้ลงมือทำร้ายผู้ร่วมเดินทางของฉันจนได้รับบาดเจ็บ!
พวกเขาเหล่านี้ ต่างก็เป็นลูกศิษย์อัจฉริยะของแต่ละสำนักใหญ่กันทั้งนั้น!
แม้จะไม่ถือว่าเป็นเพื่อนของฉัน!
แต่ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมเดินทางด้วยกัน
ฉันก็คงจะทำเป็นไม่ใส่ใจไม่ได้!
ในเมื่อบุตรอริยสัจลงมือทำร้ายพวกเขาจนบาดเจ็บ!
ก็ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติฉัน!
ฉัน จึงต้องขอประลองรับมือกับพลังวิชาของบุตรอริยสัจดูบ้างแล้ว!
ทุกคำที่หวงฉาวพูดขึ้น
ลมหายใจในตัวของเขา
ก็แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นทีละน้อย
เมื่อพูดคำสุดท้ายออกไป
ลมหายใจที่น่าสะพรึงกลัวของเขานั้นก็ได้ผลักกระแทกนิ่งเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ กระเด็นไปไกลนับร้อยเมตร
ส่วนนิ่งเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ
ที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างที่สุดของหวงฉาวนั้น
ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไป
ทยอยเคลื่อนไหวร่างกาย ถอยห่างออกไปอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้ครั้งใหญ่ของสองคนนี้
พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ในบริเวณที่ใกล้เกินไป
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่คลื่นพลังเล็กน้อย ก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถต้านทานได้
สำหรับเรื่องนี้
พวกเขาล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี
แต่ในเวลานี้
ในจิตใจของพวกเขานอกเหนือจากที่คิดว่าฝีมือห่างไกลจนเกินไปแล้ว ยังมีความตื่นเต้นมากอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ได้พบเจอกับบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจเท่านั้น
ยังสามารถเป็นสักขีพยานการต่อสู้ระหว่างสองยอดฝีมือผู้เก่งกาจสูงสุดอย่างแท้จริงในโลกคุนชางอีกด้วย
ทำไมจะไม่ตื่นเต้นล่ะ!
เห็นหวงฉาวพลิกฝ่ามือขึ้น
ไม้บรรทัดวัดนภาด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา
ส่วนทางหลินหยุนนั้น
ก็ถือดาบเฮ่าเทียนอยู่ในมือด้วยเช่นกัน
หวงฉาวพูดจึ้นว่า บุตรอริยสัจ ระวังตัวด้วย!
เมื่อพูดจบ
เงาไม้บรรทัดก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ราวกับเป็นตาข่ายสวรรค์ พุ่งเข้าห่อหุ้มร่างของหลินหยุนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ปิดปกคลุมไปทั้งชั้นฟ้าชั้นดิน
ซึ่งเป็นพลังที่ใกล้กับขั้นยาทองระดับหกอย่างเต็มที่แล้ว
อีกทั้งยังไม่ใช่ขั้นยาทองธรรมดา
พลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวนี้
ถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากเลยทีเดียว
เห็นพลังอานุภาพที่ดุดัน นิ่งเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงกันอย่างที่สุด
หวงฉาว
ช่างทรงพลังเหลือเกิน!
กลืนน้ำลายกันอย่างหนัก
ลูกตาของนิ่งเป่ยเฉินใกล้จะนูนยื่นออกมาแล้ว และรีบพูดขึ้นว่า ฉันคิดว่า ฉันกับศิษย์พี่หวงฉาว ต่อให้จะมีระยะห่างกันมากแค่ไหน ถ้าหากฉันใช้พลังอย่างเต็มที่ อย่างน้อยก็ยังสามารถต้านทานได้บ้างเล็กน้อย!
ตอนนี้ดูเหมือนว่า!
ฉันประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไปหน่อย!
และก็ประเมินพลังความสามารถของศิษย์พี่หวงฉาวต่ำเกินไปด้วย!
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้!
ฉันคงจะไม่มีโอกาสอะไรเลยแม้แต่น้อย!
แตกต่างห่างไกลกันมากเหลือเกิน!
ทุกคนได้ยินที่เขาพูด ต่างก็พยักหน้ากันอย่างจริงจัง
คนที่พูดนี้ คือนิ่งเป่ยเฉินเชียวนะ!
ที่เป็นคนที่โอ้อวดหยิ่งผยองคนหนึ่งเลย!
หวงฉาว
เป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาได้เพียงแค่เลื่อมใสและหวังพึ่งได้จริง ๆ
เด็กหนุ่มหัวล้านคนนั้น
เดิมทีมีนิสัยที่ตลกเฮฮา
เยาะเย้ยถากถางสังคมอย่างที่สุด
แต่ในเวลานี้
ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ใช้แรงสูดหายใจลึก และพูดว่า มาดูกันว่าท่านบุตรอริยสัจนี้ ตกลงมีความสามารถเก่งกาจมากเพียงใดกันแน่!
ใครต่างก็ทราบดีว่า
หวงฉาวนั้นแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยมีใครที่จะนำเขามาพูดเปรียบเทียบกับคนอื่นเลย