จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1274 ขวางทาง

บทที่ 1274 ขวางทาง

จากนั้นก็ไม่มีใครที่จะกล้าใช้จิตญาณในการสำรวจตรวจสอบอีกเลย

และในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสี่สำนักเทียนหยุน รวมถึงผู้อาวุโสสาม ต่างก็ได้จ้องหน้าสบตาซึ่งกันและกัน

ผู้อาวุโสใหญ่พูดขึ้นว่า  คนตระกูลฉินทั้งหมด รวมถึงสามเยว่ และห้าเยว่ด้วย 

 เพียงแต่สามเยว่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ห้าเยว่เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร!  

 ฉันจะจัดการกับสองคนนี้ ส่วนพวกนายจับตัวเจ้าบ้านตระกูลฉิน และลูกสาวของเขา รวมถึงบุคคลสำคัญคนอื่นของตระกูลฉินทั้งหมด นำตัวกลับไปที่สำนัก!  

ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ต่างก็พยักหน้า จากนั้นก็ติดตามอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสใหญ่ เงาร่างกะพริบหายแวบ ลงไปยังที่ตระกูลฉิน

ลำแสงกระบี่ได้ปะทุขึ้นออกมาจากภายในตระกูลฉินอีกครั้ง

ผู้อาวุโสใหญ่ใช้ฝ่ามือป้องปัด ทำลายลำแสงกระบี่นั้นจนแหลกละเอียด

จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังตระกูลฉินต่อ โดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลง

ห้าเยว่ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา และพลันย่ำขึ้นไปบนอากาศ พร้อมกับถือกระบี่ยาวอยู่ในมือ

และได้ฟาดฟันกระบี่ออกไปด้วยความโกรธแค้น แต่เมื่อปะทะกับฝ่ามือของผู้อาวุโสใหญ่แล้ว ก็ไม่เกิดผลอะไรเลยแม้แต่น้อย

หมดหนทาง เพราะพลังบำเพ็ญระหว่างสองคนนั้นแตกต่างห่างไกลกันเหลือเกิน

ไม่ต้องพูดถึงเธอหรอก ต่อให้เป็นสามเยว่ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยน้ำมือของผู้อาวุโสใหญ่เช่นกัน

ช่องว่างระหว่างขั้นยาทองระดับหกกับขั้นยาทองระดับเจ็ดนั้น มันแตกต่างห่างไกลกันยิ่งนัก

ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสใหญ่ได้ตวาดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า  สหายห้าเยว่ วันนี้ไม่มีใครที่จะมาขัดขวางสิ่งที่สำนักเทียนหยุนจะกระทำได้! อย่าได้เอาไข่มาปาใส่ก้อนหินเลย!  

ห้าเยว่โมโหอย่างมาก ตวาดเสียงแข็งขึ้นว่า  จางหลิงซู นายคิดว่าพวกนายจะเอาชนะได้อย่างนั้นเหรอ? ฉันว่าไม่แน่หรอก!  

ขณะนั้นเอง ห้าเยว่ก็พลิกฝ่ามือขึ้น นำแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมา

เมื่อแผ่นหยกชิ้นนี้ปรากฏขึ้น ก็ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกได้ถึงวิกฤตอันตรายอย่างที่สุด

เขามองไปยังผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ที่กำลังจะเดินเข้าไปในตระกูลฉิน และรีบตะโกนขึ้นว่า  หยุดก่อน!  

ทั้งสองคนพลันตกใจขึ้น พร้อมกับรีบควบคุมร่างกายให้สงบนิ่ง

ผู้อาวุโสใหญ่มองไปยังห้าเยว่ด้วยความตื่นเต้น  สหายห้าเยว่!  

 แต่ไหนแต่ไรมาสำนักของพวกเราทั้งสอง ยังไม่เคยที่จะต่อสู้กันจนถึงขั้นความเป็นความตายเลยล่ะสิ?  

ห้าเยว่หัวเราะเยาะ  พวกนายสำนักเทียนหยุน ล้วนแต่ทำเป็นพูดดีทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าได้มาพูดอะไรที่ไร้สาระอยู่อีกเลยจะได้ไหม?  

 ตอนนี้ฉันมีเพียงคำพูดเดียว ถ้าหากพวกนายกล้าที่จะลงมือ งั้นก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!  

 แผ่นหยกในมือของฉันชิ้นนี้ เพียบพร้อมด้วยพลังความสามารถในการจู่โจมทำลายล้างสูงสุดของยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้า 

 ไม่เพียงแค่นาย ต่อให้เป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักของนาย ก็ต้านทานเอาไว้ไม่ได้!  

 นายคิดให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า!  

ห้าเยว่ได้นำพลังทิพย์ใส่ลงไปในแผ่นหยก วิกฤตที่น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างยิ่งนั้นก็ได้แพร่กระจายออกไป ลมหายใจอันตรายที่แข็งแกร่ง ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า

แม้แต่รองเจ้าสำนักที่อยู่กลางอากาศ ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที และรีบขยับตัวออกห่างจากสองเยว่

สองเยว่เห็นเขายั้งมือ ก็หยุดการต่อสู้ลง ไม่ได้โจมตีต่อ

รองเจ้าสำนักขมวดคิ้วอย่างหนัก สายตาจ้องมองไปที่แผ่นหยกที่อยู่ในมือของห้าเยว่ โดยที่ดวงตาแสดงอาการท่าทางที่หวาดกลัวอย่างมากออกมา

สำนักหยุนเยว่มีพื้นฐานวิชาที่แข็งแกร่งอย่างมาก ต่อให้สำนักฉีซานกับสำนักเทียนหยุนร่วมมือกัน ก็เกรงว่าจะเทียบไม่ได้

แผ่นหยกประเภทนี้ ต้องเป็นสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวอย่างแน่นอน

แต่ว่า มันเพียบพร้อมด้วยพลังการโจมตีของยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้า

นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถต้านทานเอาไว้ได้แน่

สิ่งของชิ้นนี้ ก่อนหน้านี้มีคนที่เคยได้ลองสัมผัสมีประสบการณ์มาแล้ว

สิ่งนี้มีสารจิงและเลือดของยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้าเป็นสิ่งตั้งต้น และได้นำอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ประทับลงไปในแผ่นหยกนั้น

เพียงแค่ใส่พลังทิพย์ลงไป ก็จะปลดปล่อยพลังออกมาได้โดยง่ายดาย

แต่ว่า สำหรับยอดฝีมือที่ทำสิ่งของชิ้นนี้ขึ้นมานั้น ก็ถือว่าสูญสิ้นพลังงานไปไม่น้อยเลย

เมื่อหลังจากที่ปล่อยพลังโจมตีแล้ว ก็จะแตกสลายหมดไป

ดังนั้น สำนักที่มียอดฝีมือชั้นสูงที่แท้จริงนั้น จะไม่สนใจในสิ่งของประเภทนี้

แต่สำหรับสำนักที่ไม่มียอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้า สิ่งของชิ้นนี้ก็คือสมบัติล้ำค่าสูงสุด และก็คือพลังต่อสู้ฉับพลัน

เวลานี้ เห็นว่ากลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของแผ่นหยกที่อยู่ในมือของห้าเยว่นั้นได้แผ่กระจายไปทั่วแล้ว รองเจ้าสำนักถึงกับเปลือกตากระตุกอย่างไม่หยุด

เขาสูดหายใจลึก มองไปที่สองเยว่ และพูดขึ้นว่า  คิดไม่ถึงว่า เพื่อที่จะปกป้องตระกูลฉิน สำนักหยุนเยว่ถึงขนาดที่จะนำสมบัติล้ำค่าระดับนี้ออกมา ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ  

สองเยว่พูดขึ้นว่า  ไม่เห็นจะต้องแปลกใจอะไรเลย ถ้าหากแม้แต่ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลฉินยังปกป้องไม่ได้ อย่างนั้นสำนักหยุนเยว่ของเรา ก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะดำรงอยู่ต่อไปอีกแล้ว!  

หยุดชะงักไปชั่วครู่ สองเยว่ก็พูดต่อว่า  ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ถือโอกาสพูดตรง ๆ ออกมาเลยแล้วกัน!  

 สำนักหยุนเยว่จะปกป้องตระกูลฉินอย่างถึงที่สุด!  

 ตอนนี้ฉันจะนำตัวของสามเยว่กลับออกไป หากสำนักเทียนหยุนยังจะลงมือกับตระกูลฉินอีก ก็เท่ากับว่าเป็นการประกาศสงครามกับสำนักหยุนเยว่!  

 เวลานั้น ใครจะเป็นใครจะตาย ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก!  

 รองเจ้าสำนัก คิดพิจารณาให้ดีก็แล้วกัน!  

เมื่อสองเยว่พูดจบ เงาร่างก็หายแวบเข้าไปในตระกูลฉิน

จากนั้นก็นำตัวของสามเยว่กับห้าเยว่ กระโดดขึ้นในอากาศแล้วก็จากไป

เหลือเพียงแค่คนของสำนักเทียนหยุน รวมถึงสองคนของสำนักฉีซาน

รองเจ้าสำนัก รวมถึงผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ เวลานี้กำลังมองดูเงาร่างของพวกสองเยว่ทั้งสามคนที่จากไป โดยที่สีหน้าท่าทางย่ำแย่อย่างที่สุด

ข่มขู่คุกคาม ข่มขู่คุกคามกันชัด ๆ

แต่ว่า พวกเขากล้าที่จะลงมือต่ออีกไหม?

คำตอบคือไม่แล้ว

พวกเขาไม่กล้าลงมือจริง ๆ

สำนักเทียนหยุนทนรับสภาพต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

พวกเขาสูญเสียไปไม่น้อยแล้ว ต่อให้สามารถสู้รบกับสำนักหยุนเยว่ได้อย่างเท่าเทียมก็ตาม แล้วจะเกิดประโยชน์อะไรบ้างไหม?

ไม่มี!

ที่พวกเขามาในครั้งนี้ ได้คิดแผนการเอาไว้สองข้อ

อาศัยตระกูลฉิน เพื่อบีบบังคับให้หลินฉางชางต้องปรากฏตัวออกมา

แต่ว่าตอนนี้ แผนการดังกล่าวกลับล้มเหลวลงแล้วเพราะสำนักหยุนเยว่ได้ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงอย่างหนัก

ความเกี่ยวพันของสำนักหยุนเยว่กับตระกูลฉิน หากคนอื่นบอกว่าไม่รู้ นั่นเป็นเรื่องปกติ

แต่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่เหมือนกัน เขาที่เป็นถึงรองเจ้าสำนักเทียนหยุน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้

เพียงแต่สิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงก็คือ สำนักหยุนเยว่นั้นได้แสดงออกมาอย่างจริงจังมาก เพื่อความเกี่ยวพันกันในอดีตที่ผ่านมา

แต่ก็ตำหนิโทษใครไม่ได้ ต่อให้เป็นคนอื่นก็คงจะคิดไม่ถึงเช่นกัน

โลกคุนชาง ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมเอาชนะผู้ที่อ่อนแอ เห็นผู้คนเป็นสิ่งที่ไร้ค่า เน้นเอาแต่ผลประโยชน์เป็นหลัก

นี่ก็คือกฎเกณฑ์ของโลกคุนชางที่เห็นกันอยู่อย่างเปิดเผย

ใครจะไปคาดคิดได้ว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ล่ะ

แน่นอน เขาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินหยุนกับสำนักหยุนเยว่

ถ้าหากไม่มีหลินหยุน สำนักหยุนเยว่จะแข็งแกร่งแบบนี้ได้หรือไม่นั้น ก็คงไม่แน่นอนแล้ว

สายตาของทุกคน เวลานี้ต่างก็จับจ้องมองมาที่ร่างของรองเจ้าสำนัก

รองเจ้าสำนักสีหน้าท่าทางย่ำแย่อย่างมาก

ผ่านไปชั่วครู่ ก็มองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่และพูดขึ้นว่า  กลับ!  

เมื่อพูดจบ ก็เดินจากไป

ผู้อาวุโสใหญ่กับอีกสองคน ก็รีบเดินตามไปทันที

ส่วนปิงหลินและผู้อาวุโสคนอื่นของสำนักฉีซานนั้น ก็กลับออกไปด้วยเช่นกัน

การกลับออกไปของพวกยอดฝีมือทั้งหลายนั้น ทำให้เมืองมี่หยุนกลับมา  มีชีวิตชีวา  ขึ้นอีกครั้ง

หลินหยุนมองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงบตั้งแต่ต้นจนจบ

เวลานี้ เขาเองก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากเมืองมี่หยุน

ออกจากเมือง

ย่ำขึ้นกลางอากาศแล้วก็เหาะเหินจากไป

การกระทำของสำนักหยุนเยว่ เขาเองก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกัน

โดยเฉพาะการปรากฏตัวขึ้นของสองเยว่ ยิ่งคาดคิดไม่ถึงเข้าไปใหญ่

แต่เขารู้ว่า ในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ต้องมีอะไรที่เกี่ยวพันกับเขาเป็นแน่

ความเมตตาช่วยเหลือครั้งนี้ เขาต้องยอมรับ

ส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย แล้วก็มุ่งหน้าไปยังสำนักฉีซานอีกครั้ง

ที่ตรงนี้ ในเมื่อสำนักเทียนหยุนไม่ลงมือแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว

สำนักหยุนเยว่แสดงพลังอานุภาพความแข็งแกร่งออกมา

แต่ว่า ขณะที่เขาเพิ่งจากไปไม่นานนั้น เงาร่างหนึ่ง ก็พุ่งตรงเข้ามาหาเขา แล้วก็หยุดขวางอยู่เบื้องหน้าของเขา

หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย ควบคุมร่างกายให้อยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง แล้วก็จ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม ด้วยสายตาที่เยือกเย็น

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท