หลินหยุนกับซิงเฟยอยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน
ซิงเฟยพูดเบาๆ ว่า ที่แท้ท่านนี้คือคุณชายเทียนซิน
รถลากเลื่อนโดยกวาง เคลื่อนตัวช้าๆ แต่ไม่นานก็หยุดลง
ทันใดนั้น จึงเรียกสายตาของผู้คนอีกครั้ง
ไม่นาน ชายวัยกลางคนหนึ่งคน วิ่งเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีแผ่นหยกในมือด้วย
หลินหยุนกับซิงเฟยเห็นดังนั้น จึงชะงักฝีเท้าลงทันที
ชายวัยกลางคนไม่มองหลินหยุนสักนิด
สายตาหยุดลงที่ซิงเฟย
แม่นางท่านนี้
ผมเป็นคนรับใช้ของคุณชายเทียนซิน
แผ่นหยกนี้ เป็นสิ่งที่คุณชายเทียนซิน ให้ผมเอามาให้แม่นาง!
สามวันหลังจากนี้!
คุณชายตระกูลผม กำลังจะจัดงานเลี้ยงอัจฉริยะผู้มีความสามารถขึ้นในเมืองนี้
นี่เป็นบัตรเชิญ!
หวังว่าแม่นางจะมาร่วมงานได้!
เมื่อถึงตอนนั้นจะมีอัจฉริยะอายุน้อยจำนวนมาก ทั่วทั้งโลกคุนชาง มาร่วมงานด้วย!
ซิงเฟยอึ้งไป จากนั้นจึงมองหลินหยุนแวบหนึ่ง
แล้วจึงยื่นมือไปรับแผ่นหยก
ชายวัยกลางคนเห็นดังนั้น จึงหันหลังเดินตามรถลากเลื่อนโดยกวาง
รถลากเลื่อนโดยกวางเคลื่อนตัวต่อไป หายไปจากสายตาของผู้คน
ส่วนฝั่งหลินหยุนกับซิงเฟย
พูดให้ถูกก็คือฝั่งซิงเฟย มีสายตาของทุกคนมองมา
เดิมทีซิงเฟยเป็นที่ดึงดูดสายตามากพอแล้ว
ตอนนี้ยิ่งกว่านั้นอีก ทุกคนพากันทอดถอนใจขึ้นมา
หน้าตาของซิงเฟย บวกกับการแต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาวสีขาว งดงามมากจริงๆ
ไม่เหมือนคนทั่วไปเลยสักนิด
ทุกคนเริ่มพากันคาดเดาตัวตนของหลินหยุนกับซิงเฟย
แต่ดูเป็นคนแปลกหน้าเกินไป จึงไม่มีใครรู้จัก
ไม่เพียงแต่ซิงเฟยที่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ หลินหยุนก็เช่นกัน
ซิงเฟยเก็บแผ่นหยก ทั้งสองเดินต่อไปข้างหน้า
หอเทียนซิน
ทั้งสองเดินขึ้นไปบนชั้นสอง และหาที่นั่ง
กินอะไรง่ายๆ นิดหน่อย
หลินหยุนอะไรก็ได้ แต่หลักๆ คือซิงเฟย ทุกครั้งเมื่อมาถึงที่ใดที่หนึ่ง ต้องหาสถานที่ดีๆ เพื่อกินอะไรสักหน่อย
เมื่อกินเสร็จ ทั้งสองหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และพักที่นี่
ภายในห้อง ซิงเฟยเอาแผ่นหยกออกมาอีกครั้ง
มองหลินหยุนแล้วพูดว่า เอายังไง เราจะไปไหม
หลินหยุนมองท่าทางกระตือรือร้นของเธอ จึงอดขำไม่ได้ แล้วพูดว่า เธออยากไปมากเหรอ
ซิงเฟยไม่ได้ปฏิเสธ รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า แน่นอนอยู่แล้ว! ฉวี่เทียนซินจัดงานเลี้ยงแบบนี้ ต้องมีอัจฉริยะอายุน้อยของโลกคุนชางจำนวนมาก มาร่วมงานแน่นอน
แต่สิ่งสำคัญคือสามารถสืบข่าวได้ไม่น้อย!
และจะได้รู้เรื่องราวโดยรวมของงานประลองยุทธเก้าสำนักที่กำลังจะถึง
งานประลองยุทธเก้าสำนักไม่ได้สำคัญอะไร!
อันที่จริงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรามากนัก!
หลักสำคัญยังมีอีกหนึ่งจุด!
นายสนใจทะเลกวางยักษ์มากไม่ใช่เหรอ
งั้นยิ่งต้องไป!
ทั้งเมืองกวางยักษ์ แม้กระทั่งทั่วทั้งโลกคุนชาง ใครจะรู้เรื่องทะเลกวางยักษ์ดีที่สุดล่ะ!
เชื่อฉันสิ
คนที่รู้จักทะเลกวางยักษ์ดีที่สุด มีเพียงสำนักกวางยักษ์ มีเพียงตระกูลฉวี่!
ตระกูลฉวี่เป็นตระกูลเจ้าสำนักกวางยักษ์!
หลินหยุนเงียบครู่หนึ่ง อดพยักหน้าพูดไม่ได้ว่า ก็มีเหตุผล ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราก็ไปกันเถอะ!
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
มีคนเข้ามาในเมืองกวางยักษ์ตลอดเวลา
เมืองกวางยักษ์ก็แออัดขึ้นทุกวัน
เพราะเมืองกวางยักษ์ นับว่าอยู่บริเวณใกล้ๆ ทะเลกวางยักษ์ เป็นมหานครที่แท้จริงเพียงแห่งเดียว
ดังนั้นผู้บำเพ็ญเซียนที่มาที่นี่ทุกคน 99 เปอร์เซ็นต์ ต้องมาที่เมืองกวางยักษ์ก่อน
เพราะตลาดที่นี่มีครบทุกอย่าง
ยาบำรุง เครื่องราง ที่นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แน่นอนว่า ยังมีอีกจุดที่สำคัญกว่านั้น
เพราะที่นี่ใกล้ทะเลกวางยักษ์ ดังนั้นจึงมีสถานที่ขายของโบราณจากทะเลกวางยักษ์อยู่มากมาย
มีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมาก ให้ความสนใจกับของพวกนี้
หลินหยุนกับซิงเฟยก็เหมือนกัน
ในเวลาสามวันนี้ ทั้งสองคนเดินซื้อของในตลาดไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะซิงเฟย เจอของโบราณเยอะมาก ล้วนอยากจะซื้อ แต่โดนหลินหยุนยั้งเอาไว้
ในสายตาหลินหยุน ของโบราณที่ว่ามาจากทะเลกวางยักษ์ ล้วนเป็นขยะ
การใช้งานน้อยมากๆ เอามาเป็นวัตถุโบราณยังพอได้
คืนวันที่สาม
หลินหยุนกับซิงเฟย เดินออกจากโรงเตี๊ยม
เดิมทีจะไปจวนของคุณชายเทียนซินด้วยตัวเอง
แต่เมื่อพวกเขาเพิ่งออกจากโรงเตี๊ยม
รถลากเลื่อนโดยกวาง ที่ดูสูงส่งคันหนึ่ง จอดอยู่หน้าประตู
และข้างรถลากเลื่อนโดยกวาง มีชายวัยกลางคนยืนอยู่
ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนที่ส่งบัตรเชิญให้ เมื่อสามวันที่แล้ว
เมื่อเห็นซิงเฟยเดินออกมา ชายวัยกลางคนรีบเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม
หลินหยุนกับซิงเฟยมองหน้ากัน
คิดไม่ถึงว่าจะเกิดภาพที่ได้เห็นตรงหน้า
ซิงเฟยมองชายวัยกลางคน อดถามไม่ได้ว่า คุณชายเทียนซินของพวกคุณ ปฏิบัติกับคนที่เชิญแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ
ชายวัยกลางคนยิ้ม ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า แม่นางเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แค่แม่นางเป็นคนที่คุณชายของผม เชิญเป็นพิเศษ เป็นแขกคนสำคัญของคุณชาย ดังนั้นจึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ครับ!
ซิงเฟยพยักหน้า เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เรียกว่าทำดีหวังผล
หลักการง่ายๆ แบบนี้ เธอเข้าใจเป็นอย่างดี
แต่เธอกลับไม่สนใจ หันไปมองหลินหยุนอย่างคึกคัก จากนั้นจึงเดินไปขึ้นรถลากเลื่อนโดยกวาง หลินหยุนก็กำลังจะตามขึ้นไป
แต่ขณะนั้น กลับโดนชายวัยกลางคนขวางไว้
หลินหยุนขมวดคิ้ว ไม่รอให้เขาได้พูด
ซิงเฟยที่ขึ้นรถไปแล้ว ขมวดคิ้วพูดว่า เกิดอะไรขึ้น เราสองคนมาด้วยกัน ทำไมถึงไม่ให้เขาขึ้นมาล่ะ
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยิน จึงหันกลับมาพูดอย่างนอบน้อม แม่นางได้โปรดให้อภัย มีเพียงคุณที่เป็นแขกคนสำคัญ ที่ได้รับการเชิญจากคุณชายเรา คนอื่นไม่ใช่ เพราะฉะนั้น มีเพียงคุณที่จะขึ้นรถและไปร่วมงานได้!
ซิงเฟยที่เดิมมีความสุขมาก สีหน้าอึมครึมทันที มองชายวัยกลางคนแล้วพูดว่า พูดแบบนี้ มีเพียงฉันที่จะร่วมงานได้เหรอ แต่เพื่อนฉันกลับไม่สามารถร่วมงานได้ แบบนี้ใช่ไหม
ชายวัยกลางคนพูดอย่างนอบน้อม ขอโทษด้วยจริงๆ ครับแม่นาง เป็นเช่นนี้ครับ!
ซิงเฟยรีบกระโดดลงจากรถ แล้วพูดอย่างเย็นชา ถ้าเป็นเช่นนี้ งั้นฉันไม่ไปร่วมงานแล้ว คุณกลับไปเถอะ!
พูดจบ ก็จ้องชายวัยกลางคนอย่างน่ากลัว
หลินหยุนพูดว่า เรากลับกันเถอะ!
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นเช่นนี้!
ถ้าหลินหยุนไม่ไป แล้วจะเป็นอย่างไร
อีกอย่าง ไม่มีหลินหยุน เธอก็ไม่กล้าไปคนเดียว!
หลินหยุนไม่ได้เดือดร้อนอะไร รู้สึกชินกับภาพแบบนี้ไปเสียแล้ว
ตอนอยู่โลกภายนอก
ตอนนั้นระหว่างเขากับเซี่ยหยู่เวย เคยร่วมงานเลี้ยงหลากหลายรูปแบบ ก็เคยเกิดภาพแบบนี้ขึ้น
จู่ๆ เขารู้สึกมึนงง นึกว่าเป็นภาพเดจาวูเกิดขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้หรือไม่ ไม่ได้สำคัญกับเขาเท่าไรนัก
ถ้าร่วมงาน จะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ถ้าไม่ร่วมงาน ก็ไม่มีอะไรร้ายแรง
ส่วนเรื่องโกรธ……เขาไม่จำเป็นต้องโกรธคนใช้แบบนี้