จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1312 รุมสังหาร

บทที่ 1312 รุมสังหาร

หลินหยุนส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วก็ถอนหายใจยาว

ไม่ว่าโลกไหน ไม่ว่าคนธรรมดาทั่วไป หรือว่าผู้บำเพ็ญเซียน ก็มักจะมีผู้ที่เอาความเห็นของตนเป็นใหญ่คิดว่าตนเองถูกต้องดำรงอยู่

ต้องจำใจโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ต้องทำลายจินตนาการความคิดของพวกเขาทิ้งซะ

 กร๊อบแกร๊บ—- 

หลินหยุนไม่ได้พูดจาพร่ำเพรื่ออะไรอีก

มือของเขาออกแรงเล็กน้อย โดยพลังที่มองไม่เห็นได้บีบคอหอยของเสิ่นปิงชิงจนแหลกละเอียด ถึงขนาดที่ยาทองก็ยังระเบิดแหลกสลายไปด้วย

ลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนักอริยสัจที่ยิ่งใหญ่ นางฟ้าปิงชิง ก็ได้สูญสิ้นชีวิตลงไปด้วยสภาพนี้แล้ว

ภาพเหตุการณ์นี้ ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน ทำให้เกิดเสียงอุทานอย่างน่าเหลือเชื่อดังขึ้นไปทั่วทั้งท้องฟ้า

ใครก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ในเวลานี้ สถานการณ์แบบนี้ หลินชางฉองยังจะกล้าลงมือสังหารเสิ่นปิงชิงอีก

ความกล้าหาญนี้ มันช่างกล้าบ้าบิ่นยิ่งนัก!

 เขา……เขาสังหารนางฟ้าปิงชิงแล้วจริง ๆ!  

 ทำไมเขาถึงได้กล้าขนาดนี้……. 

 นั่นเป็นถึงหนึ่งในอัจฉริยะสูงสุดของสำนักอริยสัจเลยทีเดียว!  

 ล่วงเกินสำนักอริยสัจ สร้างความแค้นบาดหมางเอาไว้ขนาดนี้ จะเกิดผลดีอะไรกับเขาอย่างนั้นเหรอ?  

 ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ สมควรตายยิ่งนัก!  

 แม้แต่นางฟ้าปิงชิงที่มีรูปร่างหน้าตางดงามขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะสังหารก็ลงมือสังหารเลย…… 

ในเวลานี้ ผู้อาวุโสสามแห่งสำนักกวางยักษ์เห็นว่าเสิ่นปิงชิงได้เสียชีวิตลงแล้ว ก็พลันโมโหขึ้นอย่างมาก ชักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก แล้วพุ่งฟาดฟันไปที่หลินหยุนด้วยความโกรธแค้นในทันที

 หลินชางฉอง คิดไม่ถึงว่านายจะกล้าสังหารนางฟ้าปิงชิงจริง ๆ!  

 อย่างนั้นนายก็ไปตายซะเถอะ!  

ตอนนี้หลินหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีสภาพที่อ่อนแออย่างมาก

ไม่ว่าอย่างไรผู้อาวุโสสาม ก็มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับหก

ถ้าหากหลินหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะลงมือ

แต่ในตอนนี้ เขาเชื่อว่า กระบี่ของตนเองนั้นจะสามารถสังหารหลินหยุนลงได้

แต่เขาเองก็ระมัดระวังอย่างมาก โดยที่ไม่ได้ใช้พลังบำเพ็ญทั้งหมด ใช้เพียงแค่แปดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เขายังระแวงอยู่ว่า จะยังมียอดฝีมือที่แอบปกป้องคุ้มกันหลินหยุนอยู่อย่างลับ ๆ หรือไม่

เพราะว่าประวัติความเป็นมาของหลินหยุนนั้น พวกเขาไม่ค่อยจะชัดเจน

แต่ว่าขณะที่กำลังมองกระบี่ของตนเองฟาดฟันออกไปนั้น หลินหยุนก็ยังคงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร โดยรอบตัวเขาก็ไม่มียอดฝีมือปรากฏตัวขึ้น จึงทำให้ผู้อาวุโสสามเบาใจลงได้บ้าง

หลินหยุนสูดลมหายใจลึก ต้องการที่จะขับเคลื่อนพลังทิพย์ แต่เวลานี้เส้นเลือดลมในร่างกายได้กระจัดกระจายไปหมด มีบางจุดที่ได้แตกกระเจิงไปแล้ว ซึ่งทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนพลังทิพย์ได้

แม้ว่าเขาจะสามารถขับเคลื่อนได้ แต่พลังทิพย์ในร่างกายก็ได้สูญสิ้นไปแล้วเกินกว่าครึ่ง

ก่อนหน้านี้เขาได้แสดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นนภา โดยเขาได้เผาผลาญเลือดสารจิง เพื่อฝืนที่จะใช้พลังขั้นที่สี่ ทำให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างหนัก

ตอนนี้ เขาไม่หลงเหลือแรงพลังอีกแล้ว

แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองระดับหกจะสามารถสังหารเขาลงได้

แผ่นทองเกล็ดมังกรปรากฏขึ้นมาในมือ อย่างรวดเร็ว

โดยที่ไม่มีคลื่นพลังทิพย์ใด ๆ พร้อมกับกลายร่างเป็นลำแสงสีทอง พุ่งตรงเข้าใส่ผู้อาวุโสสาม และฟาดฟันร่างของเขาจนขาดออกเป็นสองท่อน

แม้แต่ยาทองเองก็ยังไม่สามารถเอาตัวรอดหลุดพ้นออกมาจากร่างกายได้ โดยถูกฟันจนแหลกละเอียดไปพร้อมกันทั้งหมด

ผู้อาวุโสสามแห่งสำนักกวางยักษ์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว

หลินหยุนสูดหายใจลึก ยื่นมือออกมากวักเรียก แผ่นทองเกล็ดมังกรนั้นก็กลับมาที่ในมือของเขา

สีหน้าของหลินหยุนยิ่งขาวซีดหนักไปอีก

และในขณะนั้นเอง ฉวี่เทียนซินกับผู้อาวุโสสี่ที่จับตัวซินเฟยมาได้แล้วนั้น ก็ได้เหาะเหินกลับมาอย่างรวดเร็ว

ฉวี่เทียนซินมีสีหน้าที่หม่นหมองอย่างที่สุด เขาคิดไม่ถึงอย่างมากว่า ต่อให้ในเวลานี้แล้ว หลินหยุนยังจะน่ากลัวมากขนาดนี้อีก!

ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับหกเลยทีเดียว ก็ต้องมาเสียชีวิตลงไปอย่างนี้แล้ว!

สำนักกวางยักษ์ของพวกเขาเองก็มียอดฝีมือขั้นยาทองระดับหกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!

 หลินชางฉอง นายสมควรตาย!  

 แต่ถึงขณะนี้แล้ว นายยังจะกล้าอยู่อีกเหรอ!  

ฉวี่เทียนซินถลึงตาจ้องมองอย่างโมโห ความโกรธแค้นและความเกลียดชังในจิตใจเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด

ผู้อารักขาของเขา และคนเบื้องหน้าที่ถูกหลินหยุนสังหารนี้ ก็รวมเป็นสองยอดฝีมือขั้นยาทองระดับหกแล้ว!

สำหรับสำนักกวางยักษ์ของเขา ถือว่าเป็นการถูกโจมตีครั้งใหญ่เลยทีเดียว

ยังไม่ทันได้รับผลประโยชน์อะไรเลย กลับจะต้องมาสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งไม่มากเกินเลยหากจะบอกว่าหัวใจของเขากำลังมีเลือดไหลออกมา

ขณะนั้นเอง หลังจากที่ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งจับตัวของซินเฟยได้แล้วก็มายังข้างกายของฉวี่เทียนซิน และก็เห็นผู้อาวุโสสามที่เสียชีวิตลงจากการถูกสังหารแล้ว

ฉวี่เทียนซินไม่กล้าที่จะให้ผู้อาวุโสสี่ลงมืออย่างผลีผลาม โดยเวลาเขานี้ได้ตะโกนพูดขึ้นไปในอากาศบริเวณโดยรอบว่า  พวกสหายทั้งหลาย ฉันคือฉวี่เทียนซินเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักกวางยักษ์!  

 ในบรรดาสหายทั้งหลาย มีจำนวนไม่น้อยที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักกวางยักษ์ของเรา!  

 วันนี้ ฉันขอความกรุณาจากทุกท่าน ร่วมกันลงมือสังหารหลินชางฉองคนนี้!  

 สำนักกวางยักษ์ของเรา จะตอบแทนอย่างเพียงพอให้กับสหายทุกท่านที่ร่วมลงมืออย่างแน่นอน!  

 ทุกท่านลองคิดดูนะว่า หากวันนี้ทุกท่านตัดสินใจที่จะลงมือช่วยเหลือ ไม่เพียงแต่สำนักกวางยักษ์ของเราจะปฏิบัติดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องกับทุกท่านแล้ว!  

 สำนักเทียนหยุนจะไม่ปฏิบัติดีกับทุกท่านเหรอ?  

 สำนักอริยสัจจะไม่ปฏิบัติดีกับทุกท่านเหรอ?  

 กล่าวได้ว่า เวลานี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีอย่างมาก สำหรับสหายทุกท่านเลยทีเดียว!  

 สามารถที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับสองสำนักที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตนเองมากขนาดไหน ฉันคิดว่า ไม่จำเป็นต้องให้เทียนซินพูดอะไรอีกแล้ว?  

เมื่อฉวี่เทียนซินพูดจบลง

บริเวณโดยรอบก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรขึ้น

ไม่มีใครที่โง่เขลา

ถึงขนาดเชื่อในคำพูดปลุกระดมแบบนี้?

ที่จริงแล้วคำพูดเหล่านี้ไม่ต้องให้ฉวี่เทียนซินพูด คนอื่นก็สามารถคิดขึ้นมาได้เหมือนกัน

แต่ลำพังคิดขึ้นมาอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ

ถึงจะพูดอย่างนี้ แต่ก็คงจะไม่เกิดผลประโยชน์ที่แท้จริง

ฉวี่เทียนซินเห็นเหตุการณ์ดังนี้ก็สูดหายใจลึก และก็กัดฟันพูดขึ้นมาอีกครั้ง  ทุกท่าน เพียงแค่มีสหายลงมือ สำนักกวางยักษ์ของเราให้คำมั่นสัญญาว่า แต่ละคนจะได้รับเครื่องรางทิพย์ชั้นกลางอย่างน้อยหนึ่งชิ้น!  

แต่ก็ยังคงไม่มีใครพูดแทรก ไม่มีใครลงมือ

ฉวี่เทียนซินตะโกนพูดขึ้นอีกครั้งว่า  เครื่องรางทิพย์ชั้นสูงหนึ่งชิ้น!  

เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทันใดนั้น เงาร่างของชายวัยกลางคนหนึ่งที่บึกบึนคนหนึ่งก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศ

หัวเราะฮ่าฮ่าและพูดขึ้นว่า  ไอ้หนุ่มหลินชางฉองคนนี้ เป็นภัยพิบัติหายนะของโลกคุนชาง ฉันกับผู้อาวุโสห้าของสำนักเทียนหยุน เดิมทีเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เพื่อนสนิทของฉันนั้นกลับถูกไอ้หนุ่มคนนี้สังหารลงแล้ว!  

 วันนี้ ฉันจะแก้แค้นแทนเพื่อนสนิทคนนั้นของฉัน!  

 คุณชายเทียนซิน ฉันจะลงมือช่วยเหลือคุณอีกแรง!  

ฉวี่เทียนซินยิ้มเยาะอยู่ในใจ แต่ก็รีบยกมือแสดงความเคารพต่อฝ่ายตรงข้าม และพูดขึ้นว่า  ขอบคุณสหายอย่างมาก!  

เมื่อเขาพูดจบลง ก็มียอดฝีมืออีกสองคนเดินออกมาจากอากาศ

มองไปที่ฉวี่เทียนซินและพูดว่า  เทียนซิน ฉันรู้ว่าพ่อของนายไม่ได้อยู่ภายในสำนัก เวลานี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ก็ถือว่าสร้างความยากลำบากให้กับเด็กอย่างนายแล้ว ตระกูลจางของฉันและตระกูลป๋าย ต่างก็เป็นตระกูลของเมืองกวางใหญ่ ในฐานะที่เป็นลุงของนาย ก็ไม่อาจทนมองดูโดยทำเป็นไม่สนใจไม่ได้!  

ฉวี่เทียนซินพลันพูดขึ้นอย่างดีใจว่า  ลุงจาง ลุงป๋าย เทียนซินขอบคุณอย่างมากเลยทีเดียว!  

ขณะที่พูดก็หันหน้ามาจับตัวของซินเฟยเอาไว้ พร้อมกับมองไปที่ผู้อาวุโสสี่แล้วพูดขึ้นว่า  อาสี่ คุณกับลุงจางลุงป๋ายและรวมถึงสหายคนนั้นลงมือพร้อมกันเลย!  

 ฉันไม่เชื่อว่า จะยังคงสังหารไอ้คนชั่วนี้ไม่ได้!  

ผู้อาวุโสสี่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วก็ก้าวเดินออกมา

ทั้งสี่คนต่างก็เป็นยอดฝีมือขั้นยาทองระดับหก

สายตาที่เย็นชาได้จ้องมองไปยังร่างของหลินหยุนที่แม้แต่จะลุกยืนขึ้นก็ยังคงยากลำบาก

หลินหยุนเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจอย่างจำใจอีกครั้ง

เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกกับ สภาพความกดดันที่ถึงขั้นบีบบังคับถึงขนาดนี้

โดยได้กวาดสายตามองไปที่สี่คนนั้น

เขามองไปยังฉวี่เทียนซิน และก็มองไปยังซินเฟยที่ถูกฉวี่เทียนซินจับตัวอยู่ในมือ

โดยซินเฟยในตอนนี้ ก็ได้กัดริมฝีปาก และมองมาที่เขา

เธอไม่ได้เอ่ยปากพูด และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลืออะไร

น้ำตาคลอเบ้า โดยที่ไม่ได้ให้น้ำตาไหลออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหลินหยุนตกที่นั่งลำบาก ตกอยู่ในอันตรายมากขนาดนี้

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท