จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1313 ยังไม่ลงมือ

บทที่ 1313 ยังไม่ลงมือ

หลินหยุนในสายตาของเธอแล้ว

มีสภาพท่าทางที่หยิ่งยโสมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่ได้แสดงตัวว่าโอ้อวดโอหังมากมายอะไร แต่มักจะควบคุมกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างได้ในมือของตนเอง

ไม่มีผู้ใดที่เขาจะมองด้วยสายตาที่เคารพเลื่อมใส

เพราะว่าไม่มีผู้ใดที่มีคุณสมบัติแบบนี้

แต่ในเวลานี้

หลินหยุนเหมือนจะถึงขั้นที่หมดสิ้นหนทางแล้วจริง ๆ

เธอเคยได้กล่าวเตือนเขาไปแล้วหลายครั้ง่า อย่าได้มาเปิดเผยสถานะตัวตนแท้จริงที่นี่

ไม่อย่างนั้นคงอาจจะถึงตายได้

แต่ก็คาดคิดไม่ถึงว่า

จะตรงกับคำที่ตัวเองได้พูดเอาไว้

หลินหยุนยิ้มอย่างจำใจ และมองไปที่ซินเฟย

แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร

ขณะนี้ถูกยอดฝีมือสี่คนรุมล้อม ดูแล้วเหมือนจะต้องตายสถานเดียว

แต่ในขณะนั้นเอง

เขากลับหัวเราะขึ้นอย่างกะทันหัน

ในขณะที่เขาหัวเราะ ร่างกายของเขาก็เริ่มที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

ยอดฝีมือทั้งสี่คนได้เห็นดังนั้นก็โมโหขึ้นโดยพลัน

ผู้อาวุโสสี่แห่งสำนักกวางยักษ์ก็ได้ตวาดใส่ว่า  หลินชางฉอง แกไอ้ปีศาจ วันนี้ถึงวันตายของแกแล้ว จนถึงตอนนี้ ยังจะมาหัวเราะอีกเหรอ?  

หลินหยุนสูดหายใจลึก พร้อมกับมองไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้เรี่ยวแรง และพูดขึ้นว่า  พวกนายทั้งสี่คน เตรียมพร้อมหรือยังว่าใครจะเป็นคนตายก่อน?  

เมื่อพูดอย่างนี้ออกมา ก็ทำให้ยอดฝีมือทั้งสี่คนมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปในทันที

นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ด้วย

อย่าได้มองว่าหลินหยุนเป็นแหนที่อยู่ในทะเล เหมือนจะอ่อนแอไม่มีแรงพลังต้านทาน

แต่ว่าพวกเขากลับไม่กล้าที่จะเบาใจได้อย่างเด็ดขาด

การตายของผู้อาวุโสสามเมื่อครู่นั้น ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นกันอยู่อย่างชัดเจน

ถ้าหากหลินหยุนสู้อย่างสุดกำลัง เกรงว่าพลังบำพ็ญของพวกเขา ก็คงจะไม่มีใครสามารถต้านทานได้

ถ้าหากพวกเขาลงมือ หลินหยุนก็คงจะเลือกต่อสู้กับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่

โดยที่ใครต่างก็ไม่อยากเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น

นี่ก็คือเหตุผลที่แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะโอบล้อมหลินหยุนเอาไว้ แต่กลับไม่มีใครเริ่มลงมือโจมตี

ทั้งสี่คนจ้องมองสบตาซึ่งกันและกัน

ยอดฝีมือตระกูลป๋ายที่มาจากเมืองกวางยักษ์นั้นพูดขึ้นว่า  ทำอย่างไรกันดี? เขาสามารถที่จะทำการโจมตีอย่างสุดกำลังครั้งสุดท้ายได้อีก!  

 หรือไม่อย่างนั้น…… 

 พวกเราไม่ลงมือก่อน รอให้ยอดฝีมือสำนักเทียนหยุนและสำนักอริยสัจมาถึงกันก่อนดีไหม?  

 สำนักอริยสัจอาจจะเดินทางมาถึงช้าหน่อย แต่ทางสำนักเทียนหยุนใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว!  

 เมื่อยอดฝีมือสำนักเทียนหยุนมาถึงแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายอีก!  

เมื่อเขาพูดจบลง ยอดฝีมือตระกูลจางที่มาจากเมืองกวางยักษ์เช่นกันนั้นก็ส่ายศีรษะและพูดขึ้นว่า  ไม่เหมาะสม เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ตอนนี้ไอ้คนชั่วนี้จะไม่มีพลังการต่อสู้อีกแล้ว!  

 ถ้าหากพวกเราลงมือจัดการกับเขาได้ ก็ถือว่าได้พยายามกระทำอย่างที่สุดแล้ว!  

 แต่ตรงกันข้ามหากรอให้ยอดฝีมือสำนักเทียนหยุนมาถึง ส่วนพวกเรากลับไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย แล้วจะไปได้รับผลประโยชน์อะไรล่ะ?  

 แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็คงจะไม่ได้รับ!  

 อีกทั้ง อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่ไอ้หนุ่มนี้ได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้นั้น พวกเราก็เคยเห็นกันแล้ว!  

 ทุกท่านล้วนเป็นยอดฝีมือที่ท่องตระเวนไปทั่วโลกคุนชางมาเป็นเวลาช้านาน ไม่ทราบว่ามีใครเคยพบเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้บ้างไหม?  

 จนถึงขณะนี้แล้ว ไอ้หนุ่มนี้ยังไม่มีผู้อารักขาใดปรากฏตัวขึ้นเลย ฉันคาดเดาว่า ไอ้หนุ่มนี้คงจะได้รับการสืบทอดอันน่าสะพรึงกลัวนี้มาจากโบราณ จึงทำให้มีพลังบำเพ็ญที่น่าสะพรึงกลัวมากขนาดนี้ได้!  

 หรือว่าทุกท่านจะไม่สนใจวิชาการสืบทอดอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานนี้เลยอย่างนั้นเหรอ?  

 แต่เมื่อรอให้สำนักเทียนหยุนหรือสำนักอริยสัจมาถึง แล้วจะไปหลงเหลือโอกาสของพวกเราได้อย่างไร?  

กี่คนนั้นต่างก็ขมวดคิ้ว

พูดได้ถูกต้องเลย

คำพูดนี้ ได้แทงทะลุเข้าไปถึงจิตใจของพวกเขา

อะไรที่เรียกว่าคำขอบคุณของสำนักกวางยักษ์ มิตรภาพความสัมพันธ์ของสำนักเทียนหยุน และผลประโยชน์จากสำนักอริยสัจ

สิ่งเหล่านี้ อาจจะมีก็เป็นได้ แต่ใครจะเป็นผู้รับประกันว่า สิ่งเหล่านั้นคืออะไร? และมีจำนวนมากเท่าไร?

สิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุด ก็คือการวิชาสืบทอดของหลินหยุน

วิชาสืบทอดนี้ ช่างน่าสะพรึงกลัว! และทรงพลังยิ่งนัก!

ใครล่ะที่ไม่ต้องการ?

ยอดฝีมือตระกูลป๋ายได้ยินดังนั้น ก็ได้ตัดสินใจ สายตาจดจ้องไปที่ร่างของหลินหยุน กัดฟันและพูดขึ้นว่า  ฉันคิดว่า ทุกคนต่างไม่ต้องลังเลใจอะไรอีกแล้ว! เมื่อพวกเราลงมือพร้อมกัน ฉันไม่เชื่อว่า เขาจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรได้อีก?  

 เพียงแค่ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสโจมตีพวกเราคนใดคนหนึ่ง อย่างนั้นก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรอีก!  

 ทุกคน! นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากครั้งหนึ่งในชีวิต!  

 ขอเพียงคำเดียวว่า จะทำหรือไม่ทำ?  

ผู้อาวุโสสี่สำนักกวางยักษ์นั้นรีบพูดขึ้นด้วยเสียงที่โกรธแค้นว่า  ฉันเห็นด้วย!  

ยอดฝีมือตระกูลจางก็พูดขึ้นว่า  ฉันก็เห็นด้วย!  

ผู้ฝึกอิสระที่มีมิตรภาพอันดีกับผู้อาวุโสห้าของสำนักเทียนหยุนนั้นก็สูดลมหายใจ และพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า  ในเมื่อทั้งสามท่านต่างก็เห็นด้วย ฉันเองก็ไม่มีปัญหาอะไร!  

ยอดฝีมือตระกูลจางพูดว่า  งั้นตกลง พวกเราทั้งสี่คนลงมือจัดการพร้อมกัน!  

ขณะที่พูด ลมหายใจของทั้งสี่คนนั้นก็ปะทุขึ้นโดยพลัน

หลินหยุนส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย

จากนั้น ก็หันหน้ามองไปบนท้องฟ้าในระยะไกล เพื่อมองไปที่ฉวี่เทียนซิน

พร้อมกับพูดขึ้นว่า  ถ้าหากนายยังคงลังเล ไม่ยอมลงมืออีกล่ะก็ อย่างนั้นก็จะไม่หลงเหลืออะไรแล้ว!  

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ก็พลันมองไปกันที่ฉวี่เทียนซิน

หากจะพูดกันให้ตรง ก็คือมองไปยังซินเฟยที่ฉวี่เทียนซินกำลังจับตัวเอาไว้อยู่

เวลานี้ สายตาที่ทุกคนมองไปที่ซินเฟยนั้นก็แปรเปลี่ยนไปกันทั้งหมด

หมายความว่าอย่างไร?

หรือว่า ผู้หญิงคนนี้จะแกล้งทำเป็นว่ามีพลังบำเพ็ญอ่อนแอจนถูกจับกุมตัว โดยที่ยังจะมีพลังการต่อสู้อยู่อีกอย่างนั้นเหรอ?

ฉวี่เทียนซินเองก็เกิดความประหม่าอย่างมาก จึงรีบหันหน้ามองไปที่ซินเฟย

แต่ ไม่นานนักความสงสัยของทุกคนก็ถูกเปิดเผยขึ้น

บางจังหวะที่เคลื่อนไหวนั้น ไม่ใช่ของซินเฟย แต่เป็นของเงาดำที่แปลกหน้า

เงาดำนั้นย่ำขึ้นไปในอากาศ พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านข้างของฉวี่เทียนซิน

ฉวี่เทียนซินยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย ก็พลันตะโกนร้องขึ้น แล้วก็ตกลงมาจากกลางอากาศในทันที

เงาดำจับตัวซินเฟยเอาไว้ จากนั้นก็มายังที่หลินหยุนในบริเวณที่ยอดฝีมือทั้งสี่คนกำลังโอบล้อม

เวลานี้ หน้าตาของเขา ก็ได้ปรากฏออกมา

เขาคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ในชุดคลุมสีดำ และมีหมวกใบใหญ่แขวนไว้ที่ด้านหลัง มองดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบปีต้น ๆ

สัญลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดของเขาคือหัวล้าน สว่างแวววาว

ชายหนุ่มชุดดำได้นำตัวซินเฟยโยนไปไว้ที่ด้านข้างของหลินหยุน

มุมปากเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับมองไปที่หลินหยุนและพูดขึ้นว่า  ฉันนึกว่านายยังจะมีวิธีการอื่นอีก! จึงกำลังเตรียมตัวดูต่อไป 

หลินหยุนส่ายศีรษะเล็กน้อย

เวลานี้ ผู้คนที่มองดูอยู่โดยรอบ ต่างก็พากันตื่นตะลึงไปหมด

ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้

ชายหนุ่มหัวล้านชุดดำคนนี้คือใคร?

ในสมองของทุกคน ต่างก็ผุดเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ขึ้น

 คนผู้นี้เป็นใครกัน? มีความสัมพันธ์อะไรกับปีศาจหลินชางฉองคนนี้?  

 ลมหายใจในตัวของคนผู้นี้ก็ทรงพลังไร้เทียมทาน อีกทั้งยังมีอายุน้อย โลกใบนี้ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าอัจฉริยะผู้เก่งกาจจะมีอยู่ไปทั่วทุกหนทุกแห่งแล้ว?  

 เขาคือใครกันแน่?  

ชายหนุ่มชุดดำหัวเราะเหอะเหอะ กวาดสายตามองไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นก็เกาหู และพูดขึ้นว่า  ฉันต้องการจะเอาสิ่งของชิ้นหนึ่งจากร่างของเขา ซึ่งเขาเองก็ตกลงกับฉันไว้แล้ว 

 ดังนั้น วันนี้พวกนายคงจะไม่สามารถสังหารเขาได้แล้ว!  

 ทุกท่าน พวกเราค่อยพบกันใหม่ 

เมื่อเขาพูดจบลง ลำแสงสีทองก็พัดโหมขึ้น แล้วห่อหุ้มร่างของหลินหยุนกับซินเฟยในทันที และพริบตาเดียวก็หลบหนีไปไกล

ยอดฝีมือทั้งสี่คนเห็นดังนั้น ก็พากันตกตะลึง ยอดฝีมือตระกูลจางคนนั้นก็พลันตะโกนขึ้นว่า  ไล่ตามไป อย่าให้หลินชางฉองหลบหนีไปได้!  

ทันใดนั้น เงาร่างทั้งสามคนก็ได้ไล่ตามไป

ส่วนผู้อาวุโสสี่ของสำนักกวางยักษ์ได้ยุติการไล่ล่า แล้วก็เหาะเหินไปยังบริเวณด้านล่างที่ฉวี่เทียนซินตกลงไป

จากนั้นก็มียอดฝีมืออีกหลายคนได้ทยอยตามกันมา

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท