สองเยว่เป็นคนที่ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีมาโดยตลอด เธอมีนิสัยที่นิ่งสงบ และคิดถึงแต่ส่วนรวม
นิสัยของเธอ ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องบนโลกใบหน้า มันมีอยู่สองด้านเสมอ
ด้วยนิสัยของเธอ ถ้าเธอเป็นเจ้าสำนักละก็ นิสัยของเธอก็จะไม่ค่อยเด็ดเดี่ยว ไม่สามารถควบคุมอะไรได้
ที่คือเหตุผลหลักที่ทำไมสี่เยว่ถึงเป็นอย่างนี้
เนื่องจากเธอทำอะไรก็ไม่เด็ดขาดพอ ทำให้สำนักหยุนเยว่มีความสามัคคีกันเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น อันที่จริงภายในสำนักไม่ได้ดูนิ่งสงบและสามัคคีกันจริงๆ
มีพี่น้องหลายๆคนที่เข้าร่วมกับสี่เยว่แล้ว ตอนนี้อำนาจของสี่เยว่สามารถต่อกรกับสองเยว่ได้แล้ว
แต่ตอนนี้ ในเวลานี้ สองเยว่โกรธมากๆ!
เธอสามารถอดทนต่อเรื่องต่างๆที่สี่เยว่เคยทำ แม้แต่เรื่องที่สี่เยว่อยากจะแย่งตำแหน่งเจ้าสำนักแทนจากเธอ เรื่องพวกนี้เธอไม่ได้สนใจเลย
แต่การกระทำในวันนี้ของสี่เยว่ เธอไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ของสำนักเลย
เรื่องนี้ทำให้สองเยว่ทนไม่ไหวอีกแล้ว!
ก่อนหน้านี้ เธอพยายามระงับความไม่พอใจของสามเยว่และคนอื่นๆที่มีต่อสี่เยว่ และปล่อยให้สี่เยว่ไปทำเรื่องต่างๆ แม้แต่เรื่องที่ไม่ยอมรับฐานะของเจ้าพระคุณหลินหยุน เธอก็ไม่ได้บีบบังคับคนอื่นๆเลย เพราะเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสี่เยว่แย่ลงกว่านี้
เพราะเธอคาดหวังมากๆว่าในการประลองเก้าสำนักใหญ่ครั้งนี้ สี่เยว่จะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสำนัก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอสิ้นหวังแล้ว!
เพื่อเป้าหมายของตัวเอง สี่เยว่ไม่สนใจผลประโยชน์ของสำนักเลย
ดังนั้น เธอก็เลยระเบิดออกมาทันที!
เมื่อได้ยินคำพูดของสองเยว่ สี่เยว่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาทันที แต่เธอก็ยังคงทำตัวนิ่งสงบ สายตาของเธอมีแต่ความดูถูกดูแคลนและพูดประชดทันที พี่สอง เวลาแบบนี้แล้ว ยังมาโทษฉันอีกเหรอ? พี่สองต้องการหาเพาะรับบาปเพื่อมาบิดบังความไร้ประโยชน์ของตัวเองหรือเปล่า?
สายตาของสองเยว่เย็นชามากๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอมองไปที่สี่เยว่และพูดทันที เจ้าสี่ ฉันรู้มาตลอดว่าเธอเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมากๆ คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงไม่เคยห้ามคุณเลย?
คุณมีคำพูดหนึ่งที่พูดไม่ผิดเลย คือการให้ฉันอยู่ในตำแหน่งเจ้าสำนักแทน
ฉันไม่ได้เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย เห็นได้ชัดว่าฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ เรื่องนี้ฉันเองก็เข้าใจดี!
ดังนั้น ฉันก็เลยรู้สึกมาโดยตลอด บางทีคุณอาจจะเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าสำนักแทนก็ได้
ดังนั้นก่อนหน้านี้ ถึงแม้คุณจะไม่ยอมรับฐานะของเจ้าพระคุณ ฉันก็ไม่เคยบีบบังคับคุณ!
เพราะฉันยังคงเชื่อสนิทใจ คุณจะคิดถึงผลประโยชน์ของสำนักเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!
ดังนั้นฉันคิดมาโดยตลอด การประลองเก้าสำนักใหญ่ในครั้งนี้ ถ้าคุณยอมลงมือและรักษาตำแหน่งของเก้าสำนักใหญ่เอาไว้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น ถึงแม้ฉันต้องยกตำแหน่งเจ้าสำนักแทนให้คุณจริงๆ ฉันก็ยินดีและเต็มใจ !
เรื่องที่ฉันกังวลมากๆก็คือนิสัยของคุณดื้อรั้นเกินไป อาจจะทำเรื่องบางอย่างโดยไม่ทันได้คิด
อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าถ้าคุณให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสำนัก ฉันมอบตำแหน่งนี้ให้คุณ จากนั้นฉันค่อยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาอยู่ข้างๆ ถ้าคุณเต็มใจยอมรับ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหา!
แต่ฉันคาดคิดไม่ถึงจริงๆ คุณในตอนนี้จะทำเพื่อเป้าหมายของตัวเอง และไม่สนใจผลประโยชน์ของสำนักเลย!
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เรื่องที่คุณอยากจะได้ตำแหน่งเจ้าสำนักแทน?
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว!
คุณคิดว่าพลังของคุณเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วใช่ไหม? คุณคิดว่าตัวเองสามารถต่อสู้กับฉันได้แล้วใช่ไหม?
คุณคิดว่า ถ้าวันนี้คุณไม่ลงมือ สำนักหยุนเยว่ก็จะหลุดจากตำแหน่งเก้าสำนักใหญ่ ฉันก็จะกลายเป็นคนบาปของสำนัก จากนั้นฉันก็จะยกตำแหน่งเจ้าสำนักแทนให้คุณใช่ไหม?
ถ้าคุณคิดแบบนี้จริงๆ ฉันจะบอกคุณตามตรง คุณคิดผิดไปแล้ว!
คุณอยากต่อสู้กับฉันเหรอ คุณยังไม่คู่ควร!
ฉันสองเยว่จะไม่ยอมให้สำนักหยุนเยว่ของเราหลุดจากตำแหน่งเก้าสำนักใหญ่อย่างแน่นอน!
คุณอยากได้ตำแหน่งเจ้าสำนักแทนเหรอ คุณฝันไปเถอะ!
ตำแหน่งนี้ ไม่มีวันตกไปเป็นของคุณอย่างแน่นอน!
คุณฟังให้ดีๆ ไม่มีวันเป็นของคุณ!
เพราะคุณไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้!
เมื่อสองเยว่พูดจบ สีหน้าของสี่เยว่ก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอกระตุก ดูเหมือนเธอนึกอะไรบางอย่างออก
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
เธอมองไปที่สองเยว่ และพูดด้วยความเหลือเชื่อ คุณ……คุณคิดจะทำ……
สองเยว่พูดออกมาทันที ใช่แล้ว! คุณเป็นคนบีบบังคับฉันเอง ฉันจะใช้โอกาสครั้งนี้ ทำให้คุณมองเห็นจริงๆว่าพลังและความแข็งแกร่งของฉันกับคุณ มันเป็นอย่างที่คุณคิดหรือเปล่า!
ในเวลานี้ ด้านบนเวที ผลแพ้ชนะได้ปรากฏแล้ว
เป็นอย่างที่ทุกคนคิดไว้เลย สามเยว่ตกจากเวทีเป็นคนแรก จากนั้นก็เป็นผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทียนหยุน
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ สำนักเทียนหยุนและสำนักหยุนเยว่ จะเป็นสามสำนักชั้นล่าง และจะถูกสำนักอื่นๆท้าประลอง
และลูกศิษย์วัยรุ่นของสองสำนักนี้ ก็ไม่ได้เปรียบสำนักอื่นๆเลย
ลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนักเทียนหยุน นอกจากหวงฉาวแล้ว ลูกศิษย์ที่เก่งกาจคนอื่นๆก็โดนหลินหยุนสังหารไปเกือบหมดแล้ว
ส่วนทางด้านสำนักหยุนเยว่ มีเพียงเจียงอิ้งเยว่เพียงคนเดียวที่สามารถออกไปต่อสู้ได้
อย่างไรก็ตาม การประลองลูกศิษย์อัจฉริยะในรอบแรก เจียงอิ้งเยว่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
ดังนั้นเธอไม่สามารถต่อสู้กับลูกศิษย์ของสำนักอื่นๆได้อยู่แล้ว
หลังจากผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทียนหยุนและสามเยว่ถูกโจมตีจนตกจากเวทีได้ไม่นาน สำนักอื่นๆที่เหลือก็รู้ผลแพ้ชนะทันที หลังจากนั้นอันดับของสำนักอื่นๆก็ออกมาทันที
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักฉีซานคือคนที่ตกจากเวทีเป็นคนที่สาม
จากนั้นก็คือสำนักเย่เสิน
การประลองครั้งที่แล้วของสำนักเย่เสิน ในการประลองลูกศิษย์วัยรุ่นอัจฉริยะ พวกเขาอยู่สามสำนักชั้นกลาง
และการประลองของผู้อาวุโสครั้งนี้ พวกเขาก็อยู่สามสำนักชั้นกลางเหมือนกัน
เดิมทีสำนักนี้ไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก ในสายตาของทุกคน สำนักนี้มีพลังที่แข็งแกร่งพอๆกับสำนักหยุนเยว่ แต่การประลองครั้งนี้ เนื่องจากสำนักเทียนหยุนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้สำนักเย่เสินสามารถเข้าไปอยู่ในสามสำนักชั้นกลางได้ และสามารถบีบจนทำให้สำนักฉีซานตกมาอยู่ในสามสำนักชั้นล่าง
เรื่องนี้เกิดความคาดหมายของคนส่วนใหญ่จริงๆ
จากนั้นเป็นสำนักกระบี่เป่ยโต่ว
บุตรกระบี่ที่แข็งแกร่งมากๆอดทนต่อสู้กับบุตรอริยสัจจนถึงตอนนี้ แต่ในที่สุดเขาก็พ่ายแพ้ให้กับบุตรอริยสัจ
หลังจากพ่ายแพ้ด้วยกระบวนท่าเดียว เขาก็ไม่ได้ลงมือต่อสู้อีก เขามองไปที่บุตรอริยสัจหนึ่งครั้ง จากนั้นเขาก็กระโดดลงเวทีทันที
จากนั้นบุตรอริยสัจก็ต่อสู้กับผู้อาวุโสของสำนักเต๋าเฉินเซียว
ถึงแม้เขาจะต่อสู้กับบุตรกระบี่มาแล้ว
แต่ผู้อาวุโสของสำนักเต๋าเฉินเซียวคนนี้ หลังจากที่เขาต่อสู้แบบตะลุมบอนมาเมื่อสักครู่ ทำให้ผู้อาวุโสได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
บุตรอริยสัจในตอนนี้ ถึงแม้ระดับพลังของเขาจะด้อยกว่า แต่เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลย เขาโจมตีอีกฝ่ายทันที
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนมืดฟ้ามัวดิน
บุตรอริยสัจปลดปล่อยพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา เขาฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับเจ็ดขั้นสูงสุดแล้ว
เนื่องจากผู้อาวุโสของสำนักเต๋าเฉินเซียวที่ฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับแปดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทำให้พวกเขาสองคนต่อสู้กันอย่างสูสี
การต่อสู้ของทั้งสองคน ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก
ในเวลานี้ ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจนว่าบุตรอริยสัจรุ่นนี้แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่!