หลินหยุนไม่ได้ใส่ใจ เพราะได้คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว
ต่อให้ยอดฝีมือสำนักอริยสัจและสำนักเทียนหยุนได้จากไปกันหมดแล้ว ก็จะต้องมีผู้ที่แอบซ่อนตัวหลงเหลืออยู่บ้าง
หลินหยุนได้พาซินเฟยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของเมืองกวางยักษ์ก่อน
ไม่ใช่ว่าจะไปที่เมืองกวางยักษ์ แต่เพราะจะต้องวนผ่านทะเลกวางยักษ์ จึงต้องไปในทิศทางนั้นก่อน
จากนั้นถึงจะมุ่งหน้าตรงไปทางทิศตะวันออก ซึ่งก็คือทิศทางที่ตั้งของสำนักหยุนเยว่
หลินหยุนในเวลานี้ เมื่อเทียบกับความเร็วของเขาก่อนหน้านี้นั้น เกือบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับการใช้แผ่นทองเกล็ดมังกรแล้ว
แต่เพราะแผ่นทองเกล็ดมังกรในตอนนี้ ได้ถูกนำมาใช้ผสมรวมกับน้ำรวมสารไม้วิญญาณ หล่อหลอมกลายเป็นตราประทับสีฟ้าไปแล้ว
หลินหยุนรวดเร็วอย่างมาก คนที่แอบติดตามอยู่ด้านหลังนั้น ไม่นานก็ถูกเขาทิ้งระยะห่างออกไปไกลแล้ว
แต่พวกเขาก็ได้นำข่าวสารส่งต่อออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงทั้งสองคนที่เพิ่งจะมาถึงเมืองกวางยักษ์นั้น ก็ได้รับข่าวสารนี้แล้ว
เห็นศิษย์พี่สำนักของตนหยิบยันต์สื่อสารขึ้นมาดูแล้วก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เฉินฉางเฟิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้างนั้นก็รีบถามขึ้นทันทีว่า ศิษย์พี่ เป็นอะไรไปเหรอ?
เสิ่นฉงมีสีหน้าที่หม่นหมองอย่างที่สุด และพูดเสียงแข็งขึ้นว่า ในที่สุดไอ้ปีศาจหลินชางฉองก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขาไม่ได้ถือโอกาสจากความโกลาหลแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มการต่อสู้นั้น แต่กลับหลบซ่อนตัวอยู่โดยตลอด
ก่อนหน้านี้ที่พวกเราออกมาจากสุดหล้าทะเล ก็เหลือเพียงแค่ไอ้คนชั่วสองเยว่แห่งสำนักหยุนเยว่นั้นแล้ว
เธอคือคนสุดท้ายที่ออกมาจากที่นั่น!
หลังจากที่ไอ้คนชั่วนั้นออกมาจากที่นั่นไม่นาน หลินชางฉองก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วก็จากไป!
สำนักหยุนเยว่!
พวกเธอช่างรนหาที่ตายกันเสียจริง!
จนถึงขณะนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังกล้าที่จะไปเกี่ยวข้องกับไอ้ปีศาจหลินชางฉองนั่นอยู่อีก!
เฉินฉางเฟิงดวงตาเป็นประกาย พยักหน้าเล็กน้อย และพูดว่า ดูเหมือนว่า เป็นอย่างที่ศิษย์พี่ได้พูดเอาไว้ ไอ้คนชั่วนี้จะไปที่สำนักหยุนเยว่จริง ๆ ด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ไม่ต้องรีบร้อนเกินไปนัก สั่งให้คนคอยจับตาดูสำนักหยุนเยว่เอาไว้ก่อนก็พอ!
เสิ่นฉงเองก็พยักหน้า และพูดว่า ฮึ! ถูกต้อง ไอ้พวกคนชั่วสำนักหยุนเยว่ ซึ่งก็ไม่ชื่นชอบพวกหล่อนมาตั้งนานแล้ว เดิมทีคิดว่าครั้งนี้พวกหล่อนจะเสียตำแหน่งเก้าสำนักใหญ่ไป แต่คิดไม่ถึงว่างานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้นั้น พวกหล่อนจะสามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้!
แต่ในครั้งนี้ ถ้าหากมอบตัวหลินชางฉองออกมาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ฉันเองก็ไม่ต้องการที่จะก่อเรื่องราวใหญ่โตอีก!
หากไม่มอบตัวออกมา งั้นก็เตรียมพร้อมเอาไว้ เพื่อจะจัดการให้พวกเขาตายไปพร้อมกันเลย!
ส่วนด้านนอกของสุดหล้าทะเล เวลานี้คนกลุ่มหนึ่งก็กำลังไล่ล่าตุ้นโคงผู้ที่มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับแปดคนนั้นอยู่อย่างบ้าคลั่ง
ความเร็วของตุ้นโคงนั้นช่างยอดเยี่ยมไร้เทียนทานยิ่งนัก
ครึ่งวันผ่านไป ก็สามารถทิ้งระยะห่างหลบหนีจากพวกผู้คนที่ไล่ล่าตามตัวเขาทั้งหมดแล้ว
ผู้คนเหล่านั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือที่มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับแปดเหมือนกันกับเขา แต่ทั้งหมดก็ถูกเขาทิ้งห่างออกไปไกลอย่างไร้ร่องรอย
ถึงขนาดที่เขายังมีเวลาหยุดพักอย่างสบายใจ จนรอไปสักพักหนึ่งแล้ว ก็ยังคงไม่มีผู้ใดสามารถไล่ตามมาได้ทัน
ท่าทางของเขาในตอนนี้ก็คือ กำลังเล่นตราประทับสีฟ้าอยู่ในมือ และยิ้มแย้มที่มุมปากอย่างภาคภูมิใจ
ช่างเป็นสมบัติล้ำค่าที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ภายในมีพลังที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ซึ่งมีผลดีหลายอย่างกับดวงจิตเป็นอย่างมากเลย!
แต่ภายในสิ่งของชิ้นนี้มีรอยประทับของยอดฝีมือแฝงอยู่ หรือว่าอาจจะเป็นของวิเศษของยอดฝีมือคนใดคนหนึ่งในยุคโบราณกาล!
เหอะเหอะ คิดไม่ถึงว่าจะตกมาอยู่ในมือของฉันได้!
ฉันสามารถรับรู้ได้ว่า สมบัติชิ้นนี้เหมือนจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ใช้ในการเหาะเหินชิ้นหนึ่ง ซึ่งมันช่างเหมาะกับฉันอย่างมากเลยทีเดียว!
เหอะเหอะ ลำพังแค่พวกกระจอกอย่างพวกนายนี้ คิดที่จะไล่ตามจับตัวฉัน? มันช่างน่าขันยิ่งนัก!
ต่อให้มีคนจำนวนมากแล้วอย่างไรล่ะ? ก็ยังคงถูกฉันเล่นงานจนหัวปั่นกันไปทั้งหมดไม่ใช่เหรอ?
ไม่ต้องการเสียเวลาที่จะเล่นกับพวกนายอีกแล้ว ฉันขอตัวไปก่อนแล้ว!
ขณะที่พูด เงาร่างของตุ้นโคงก็กลายเป็นเส้นลำแสง มุ่งหน้าต่อไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เขารวดเร็วอย่างมาก วินาทีก่อนหน้านี้ยังอยู่ที่เบื้องหน้า วินาทีถัดไปก็ไปถึงขอบฟ้าไกลโพ้นแล้ว
ท้องฟ้ามืดมิดลงแล้ว
ผู้คนที่ไล่ล่าตุ้นโคงนั้นต่างก็หยุดลงกันทั้งหมด
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติล้ำค่าที่ดุเดือดไปทั่วทั้งโลกคุนชางนั้น ก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า งานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้ จะกลับกลายเป็นลักษณะเช่นนี้ไปได้
เดิมทีทุกคนต่างก็คาดหวังตั้งตารอดูว่ายอดฝีมือของสำนักใหญ่อันดับหนึ่งอย่างสำนักอริยสัจ จะลงมือสังหารหลินชางฉองนั้นด้วยวิธีการใด
เพียงแค่ต้องการเห็นประจักษ์กับสายตาของตนเองว่า หลินชางฉองนั้นมีลักษณะท่าทางอย่างไรและมีความสามารถขนาดไหนกันแน่
แต่กลับคาดคิดไม่ถึงอย่างมากว่า เรื่องราวจะกลับกลายมาถึงขั้นนี้ไปได้
การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของตุ้นโคงนั้น ได้แย่งชิงสมบัติล้ำค่าสูงสุดไปแล้ว
โดยได้แย่งชิงสมบัติล้ำค่าขณะอยู่ภายใต้สายตาของยอดฝีมือจากหลายสำนักใหญ่ และหลบหนีเอาตัวรอดออกไปได้อย่างปลอดภัย
วันนี้ผู้บำเพ็ญเซียนที่เสียชีวิตลงไปนั้น มีจำนวนเกินกว่าพันคน ซึ่งต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองระดับสี่ขึ้นไปทั้งหมด
ในตอนที่กำลังแย่งชิงสมบัติล้ำค่ากันอยู่นั้นยังไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่ตอนนี้เรื่องราวมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว จึงทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมากันบ้าง
ส่วนตุ้นโคงในเวลานี้นั้น ได้กลับมาถึงสถานที่หลบซ่อนตัวของตนเองแล้ว
คือสถานที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในสถานที่หลบซ่อนตัวของเขาเท่านั้น
โดยทั่วไปเรียกกันว่าคนเจ้าเล่ห์มีสถานที่หลบซ่อนตัวมากมาย
ในวิมาน ตุ้นโคงได้นำตราประทับสีฟ้านั้นออกมา พร้อมกับตรวจสอบรับรู้สถานะอย่างละเอียด
แต่ในขณะนั้นเอง ด้านนอกก็พลันมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือว่า เป็นความรู้สึกรับรู้อย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร จิตใจของตุ้นโคงก็เกิดความกังวลขึ้นในทันที
ตุ้นโคงดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็เก็บตราประทับสีฟ้าขึ้น
ถ้าหากเป็นคนอื่น อาจจะคิดว่าตนเองคิดมากเกินไปแล้ว
แต่ตุ้นโคงนั้นกลับแตกต่าง
เขาให้ความสำคัญกับปฏิกิริยาความรู้สึกของเขาอย่างมาก ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับวิชาฝึกฝนของสำนักตุ้นโคง
พวกเขามีความสามารถในการหลบหนีที่ยอดเยี่ยม และก็มีปฏิกิริยาการรับรู้ถึงอันตรายที่ว่องไวด้วยเช่นกัน
ขณะที่เขากำลังจะหลบหนี ด้านนอกของวิมานก็มีน้ำเสียงที่สงบนิ่งดังขึ้น
ฉิงโคง มีแขกมาหา ไม่ออกมาพบเจอกันหน่อยเหรอ? นี่ไมใช่วิธีการต้อนรับแขกที่ดีเลย!
ใคร?
ตุ้นโคงดวงตากระตุกขึ้นโดยพลัน ร่างกายหายวับ มาอยู่ที่ด้านนอกของวิมาน เงาร่างในชุดสีดำ และสวมงอบ ก็ปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
เมื่อเห็นคนที่อยู่เบื้องหน้า เขาก็หรี่ตาลงในทันที
นายเป็นใครกัน?
ตุ้นโคงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก!
วิมานของเขานี้ มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ คนเบื้องหน้าผู้นี้สามารถติดตามมาถึงได้ คงจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะยังเรียกชื่อเขาว่าฉิงโคงอีกด้วย
แบบนี้จะไม่ทำให้เขาตื่นตกใจได้อย่างไรล่ะ?
นายไม่ควรที่จะลงมือ! ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง ถ้าหากนายไม่ลงมือ นายก็ยังสามารถดำรงชีวิตที่ดีต่อไปได้! ทำไมถึงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย เท่ากับว่าเป็นการละทิ้งชีวิตของตนเองที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะรักษาเอาไว้ได้ในตอนนั้น?
ตุ้นโคงตื่นตระหนกจนต้องหรี่ตาลงอีกครั้ง ดวงจิตแผ่กระจายออกไป เพื่อรับรู้ถึงสภาพการณ์อย่างระมัดระวัง
หลังจากที่ไม่พบเจออะไร จึงโล่งอกลงไปได้บ้าง
จากนั้นก็มองไปที่ชายชุดดำ พร้อมกับส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา และพูดว่า ทำมาเป็นเล่นตลกหลอกลวงไปได้ แม้แต่ใบหน้าก็ยังไม่กล้าเปิดเผย ซึ่งพวกที่หลบหน้าซ่อนตัวแบบนี้ จะสามารถหลอกล่อตบตาฉันได้อย่างนั้นเหรอ?
ต่อให้นายเป็นถึงยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้า หากคิดต้องการจะจับตัวฉันแล้ว นั่นคงจะเป็นเพียงแค่ความคิดเพ้อฝันของคนโง่เขลาก็เท่านั้น!
สำหรับความสามารถในการหลบหนีของตนเองแล้วนั้น ตุ้นโคงมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก
โดยเฉพาะหลังจากที่เขาสำเร็จเข้าสู่ขั้นยาทองระดับแปดแล้ว
ต่อให้กวาดตามองไปทั่วทั้งโลกคุนชาง เขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครสามารถสังหารตัวเขาได้
เขาเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นยาทองระดับแปดได้ไม่นานเท่าไร แต่เขากลับมีความมั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้
ชายชุดดำส่ายศีรษะเล็กน้อย และพูดว่า นายช่างโอหังอวดดีเกินไปแล้ว และก็ยังดูถูกยอดฝีมือในใต้หล้าทั้งหมดด้วย ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องพวกนี้ ฉันจะส่งนายไปลงนรกก่อนแล้วกัน!