จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1381 สิ่งที่อยู่ในกำมือของตน

บทที่ 1381 สิ่งที่อยู่ในกำมือของตน

เมื่อคนชุดดำพูดจบ เขาก็ลงมือมันที

เห็นเขายกแขนขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับตัวของตุ้นโคง

ตุ้นโคงพลันยิ้มเยาะขึ้น  ทำเป็นเล่นตลกหลอกลวงไปได้ ไม่สนว่านายจะเป็นใคร หากคิดต้องการที่จะเอาชีวิตของฉันแล้ว? ต้องขออภัยด้วย เพราะในโลกคุนชางนั้น คนลักษณะนี้ยังไม่ได้กำเนิดขึ้นมา!  

เขาเองก็ไม่ได้พัวพันยืดเยื้ออะไรกับชายชุดดำอีก ทันใดนั้นร่างกายก็เลือนราง และหายวับไปในทันที

ในเมื่อวิมานแห่งนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องเก็บเอาไว้อีกต่อไป

คนอย่างเขานี้ ไม่เคยที่จะเปิดเผยไพ่ใบสุดท้ายของตนเองให้กับผู้ใดมาก่อนเลย

ดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลงไม้ลงมือ รีบหลบหนีจากไปก็พอแล้ว

แต่ในวินาทีถัดมา ตุ้นโคงก็รู้สึกว่ามีพลังที่มองไม่เห็นอันแข็งแกร่ง ได้พุ่งตรงเข้ามาปกคลุมร่างของเขาไว้

ทำให้ร่างกายของเขาที่หายตัวไปนั้น กลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

ชายชุดดำหัวเราะและส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา เขากำฝ่ามือแน่น พลังที่มองไม่เห็นที่ปกคลุมร่างกายของตุ้นโคงนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น และเริ่มที่จะล็อกแน่นขึ้น ซึ่งไม่ปล่อยโอกาสให้ตุ้นโคงสามารถหลบหนีได้เลย

ส่วนตุ้นโคงในตอนนี้ มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที จิตใจราวกับถูกคลื่นยักษ์โหมซัดเข้าใส่อย่างหนัก

ขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญทั้งหมด และขยับตัวดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังคงไม่สามารถที่จะเอาตัวหลุดพ้นออกมาได้

 เป็นไปได้อย่างไรกัน?  

 นายเป็นใครกันแน่?  

 เป็นไปไม่ได้!  

 ในโลกคุนชางนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งฉันได้!  

 พลังบำเพ็ญของนายแข็งแกร่งมากขนาดนี้ คงจะไม่ใช่คนธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน ตกลงนายเป็นใครกันแน่?  

เวลานี้ ในที่สุดตุ้นโคงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นแล้ว

เพราะว่าคู่ต่อสู้ที่ตนกำลังเผชิญหน้าอยู่ในเวลานี้ ช่างแข็งแกร่งอย่างมาก ซึ่งแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้อีก

นี่คือยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้า

และยังเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญพลังควบคุมอย่างที่สุดอีกด้วย

จึงได้ทำการกักขังตัวเขาเอาไว้

ตุ้นโคงยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งในขณะที่ดิ้นรนนั้นก็ร้องตะโกนไปด้วย  นายคือเจ้าสำนักเทียนหยุน ใช่ไหม? ในโลกคุนชางนี้ ถ้าหากมีใครที่สามารถลงมือจัดการกับฉันได้ถึงขั้นนี้ คงจะต้องเป็นนายอย่างแน่นอนแล้ว!  

 เจ้าสำนักเทียนหยุน เพียงแค่วันนี้นายตกลงที่จะปล่อยตัวฉันไป ฉันจะนำตราประทับสีฟ้านั้นมอบให้กับนาย!  

 ฉันพูดจริงทำจริง!  

ชายชุดดำได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะเยาะขึ้น โดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ฝ่ามือของเขาค่อย ๆ กำแน่นขึ้น

จากนั้นก็ได้ยินเสียงบึ้มดังขึ้น ในขณะที่พลังที่มองไม่ได้เห็นห่อหุ้มตัวของตุ้นโคงอยู่ โดยผู้ที่หลงเหลือชีวิตรอดของสำนักตุ้นโคงจากเหตุการณ์ในอดีตนั้น ในวันนี้ ได้สำเร็จเข้าสู่ขั้นยาทองระดับแปดแล้ว

การปรากฏตัวขึ้นในครั้งนี้ ถึงขนาดที่ทำเป็นไม่เห็นผู้บำเพ็ญเซียนในโลกคุนชางทั้งหมดอยู่ในสายตาเลย

เวลานี้ คิดไม่ถึงว่าจะเสียชีวิตลงไปแล้ว

ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่คนที่สังหารตนเองนั้นคือใครก็ยังไม่รู้ ก็ได้ตายลงไปแล้ว

ต้องบอกว่า มันน่าอึดอัดใจยิ่งนัก

ชายชุดดำส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา และยื่นมือออกไป หยิบแหวนเก็บของของตุ้นโคง

ใช้ดวงจิตสำรวจเล็กน้อย ก็พบว่าตราประทับสีฟ้าอยู่ในแหวนเก็บของ และยังมีสมบัติล้ำค่าอย่างอื่นด้วย เพียงแต่นอกจากตราประทับสีฟ้าแล้ว เขาก็ไม่เห็นคุณค่าของสมบัติชิ้นอื่น ๆ เลย

เมื่อเก็บแหวนเก็บของเสร็จแล้ว ชายชุดดำก็ย่ำขึ้นไปในอากาศแล้วเหาะเหินจากไป

หลังจากที่เขาจากไปแล้วนั้น ในอากาศ เงาร่างของชายชราบ้านนอกคนหนึ่ง ก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น

มองไปยังทิศทางที่ชายชุดดำจากไป ชายชราก็ขมุบขมิบปากสองสามครั้ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย แล้วก็หายตัวไปในทันที

พูดถึงทางด้านหลินหยุนกับซินเฟยบ้าง โดยที่ไม่นานนักพวกเขาก็ไล่ตามสองเยว่ได้ทันแล้ว

เห็นหลินหยุนพาซินเฟยไล่ตามมาแล้ว จะบอกว่าสองเยว่นั้นรู้สึกแปลกใจก็แปลกใจ หากจะบอกว่าไม่แปลกใจนั้นก็ไม่แปลกกัน

หลินหยุนพูดขึ้นว่า  ไปที่สำนักสองเยว่ ฉันจะเข้าไปในหอว่างหยุน!  

สองเยว่น้อมตัวเล็กน้อย พยักหน้า แล้วก็หันร่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของสำนัก

ส่วนหลินหยุนก็ได้พาซินเฟยติดตามอยู่ด้านหลัง

สองเยว่นั้นมีความเร็วอย่างมาก แต่เมื่อเห็นหลินหยุนที่ประคองตัวซินเฟยนั้น สามารถไล่ตามความเร็วของตนเองได้ทัน ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง

เดิมทีเธอนั้นได้ใช้ความเร็วเพียงแค่เจ็ดส่วนเท่านั้น

จากนั้นก็เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบจะถึงเก้าส่วนเลย

แต่หลินหยุนที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเธอนั้นก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

สองเยว่หันกลับไปมองหลินหยุนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า  เจ้าพระคุณ ตอนนี้ท่าน……สำเร็จถึงขั้นแดนอะไรแล้ว?  

หลินหยุนชะงัก และพูดขึ้นว่า  หากว่าฉันจะเข้าไปในหอว่างหยุน พวกเธอขัดขวางไม่ได้หรอก!  

แม้หลินหยุนจะพูดเสียงเบา แต่ก็ดุดันหนักแน่น แสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างที่สุด

สองเยว่ได้ยินดังนั้นก็สูดลมหายใจลึก แต่ในจิตใจกลับยังไม่ค่อยจะเชื่อจะเท่าไร แต่เมื่อนึกถึงความเร็วของหลินหยุนที่ราวกับจรวดนั้น ก็เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

ไม่มีใครพูดอะไรอีก โดยที่ทั้งสามคนก็ได้มุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังสำนักหยุนเยว่ต่อไป

หลินหยุนพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า  จากนี้ไป พวกเธอจะต้องเตรียมพร้อมไว้ให้ดี คนของสำนักอริยสัจกับสำนักเทียนหยุน รวมไปถึงสำนักฉีซาน น่าจะไม่ปล่อยไว้แบบนี้แน่!  

 พวกเขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ของฉันกับสำนักหยุนเยว่ และยิ่งรู้ว่าฉันออกมาจากสุดหล้าทะเลแล้ว ดังนั้นน่าจะลงมือกระทำการในเร็ววันนี้!  

 ฉันแนะนำว่าให้พวกเธอหลบไปอยู่ห่าง ๆ สักช่วงเวลาหนึ่งก่อน 

 ไม่อย่างนั้น พวกสำนักเหล่านั้นคงจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวเท่านี้อย่างแน่นอน!  

สองเยว่ตระหนกตกใจขึ้น พยักหน้า และพูดว่า  เมื่อกลับไปถึงสำนัก ฉันจำเป็นต้องพูดคุยปรึกษากับทุกคนอีกครั้งก่อนที่ทำการตัดสินใจ 

หลินหยุนไม่พูดอะไรมากอีก

สำนักหยุนเยว่

สำหรับงานประลองยุทธเก้าสำนักในครั้งนี้ รวมไปถึงการรุมสังหารหลินชางฉอง และการถือกำเนิดขึ้นของสมบัติล้ำค่านั้น พวกเธอต่างก็ได้รับรู้รับทราบเรื่องราวมาโดยตลอด

ส่วนตอนสุดท้ายที่ภายในสุดหล้าทะเลนั้น เป็นเพราะว่าตกอยู่ภายใต้การต่อสู้ที่ชุลมุนที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อน แต่ท้ายที่สุดหลินชางฉองก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น เลยทำให้ไม่สามารถรุมสังหารหลินชางฉองได้ ซึ่งข่าวสารเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ต่างก็ได้แจ้งกลับมายังที่สำนักโดยเร็วแล้ว

ภูเขาหลักสำนักหยุนเยว่ในเวลานี้

สี่เยว่ยืนอยู่ใจกลางของตำหนัก โดยแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือกลุ่มคนของเธอ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายของกลุ่มที่มีสามเยว่เป็นผู้นำ

สามเยว่ในเวลานี้ สภาพจิตใจและท่าทางไม่ได้เยือกเย็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว

เพราะว่าข่าวสารที่มาจากสุดหล้าทะเลนั้นได้แจ้งว่า เพราะการแย่งชิงสมบัติล้ำค่า ทำให้เกิดสถานการณ์ต่อสู้ที่ชุลมุนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ส่วนสองเยว่ไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร

ดังนั้นสภาพจิตใจที่เป็นกังวลของเธอนั้นก็ถือว่าเบาใจลงได้บ้างแล้ว

แต่เพราะว่ายังไม่เห็นสองเยว่กลับมาอย่างปลอดภัย ถึงอย่างไรจิตใจก็ยังคงเป็นกังวลอยู่บ้าง

ส่วนสี่เยว่ในเวลานี้ กลับมีสีหน้าท่าทางที่หม่นหมอง

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสองเยว่ยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่เธอจึงรู้สึกไม่ค่อยจะพึงพอใจ

ด้านหลังของเธอนั้น มีหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่ สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวเข้ม งดงามราวกับนางฟ้าจากสวรรค์ที่ลงมาจุติอย่างไรอย่างนั้น

แม้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะอายุยังน้อย แต่ในเวลานี้ ได้แสดงท่าทางที่หยิ่งยโสขึ้นตรงช่วงระหว่างคิ้ว

เพราะว่าเธอในตอนนี้ คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเด็กรุ่นใหม่แห่งสำนักหยุนเยว่อย่างแท้จริง

เจียงอิ้งเยว่ที่เข้าร่วมต่อสู้ในงานประลองยุทธเก้าสำนักนั้น ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กอปรกับพลังบำเพ็ญของเธอที่ถูกบังคับให้เพิ่มระดับขั้นสูงขึ้น ทำให้เวลานี้ไม่ใช่คู่ต่อกรของเธออีกต่อไปแล้ว

ที่สำคัญที่สุดคือ เธอเป็นศิษย์ก้นกุฏิของท่านอาจารย์ด้วย

ซึ่งในตอนนี้ ท่านอาจารย์ของเธอ ก็ใกล้ที่จะขึ้นเป็นเจ้าสำนักหยุนเยว่แล้ว

แบบนี้แล้วกัน ถ้าจะให้ชัดเจนที่สุด ก็คือเจ้าสำนักแทนถึงจะถูกต้อง!

แต่เพียงแค่มีคำว่าแทนต่อท้ายอยู่ก็เท่านั้นเอง

หากว่าไม่มีก็ไม่เห็นจะแตกต่างอะไรตรงไหน?

ส่วนเธอนั้นตอนนี้คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเด็กรุ่นใหม่แห่งสำนักหยุนเยว่ สำหรับในอนาคตอันใกล้ ตำแหน่งเจ้าสำนักหยุนเยว่ที่ยิ่งใหญ่นี้ กล่าวได้ว่าเหมือนจะเป็นสิ่งที่อยู่ในกำมือของเธอแล้ว!

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท