บทที่ 6 เซ็นชื่อ
เมื่อเห็นสองคนนั้นลงมาจากรถ สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อก็ดูเคร่งขรึมลง หันหน้าไปก็ไม่ได้เตรียมที่จะทักทาย
เมื่อพูดถึงคนประเภทไร้ยางอายเช่นนี้เจียงหยุนเอ๋อก็พยายามที่จะทำเหมือนมองไม่เห็นเสมอมา
ฝู้ชูเหมยเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ในแววตาแฝงไปด้วยความดูถูก แล้วจึงหันกลับไปมองเจียงเย่เฉิง
“เย่เฉิง ถึงแม้ว่าคุณจะหวังดี แต่ฉันว่า มีใครบางคนไม่รู้สึกซาบซึ้งเลย คุณก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ที่พวกคุณคุยกันเมื่อกี้ฉันเองก็ได้ยินทั้งหมด เป็นเธอเองที่เลือกละทิ้งทุกอย่าง
ฝู้ชูเหมยพูดพลาง ก็หยิบเอกสารหนึ่งฉบับขึ้นมาจากในกระเป๋า แล้วหัวเราะอย่างภูมิใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำตามความปรารถนาของเธอเถอะ สำหรับเอกสาร ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้บังเอิญมาพบกันที่นี่พอดี ก็เซ็นชื่อเสียเลยแล้วกัน”
บังเอิญ? คำพูดของฝู้ชูเหมยช่างฟังดูไม่มีน้ำหนัก เมื่อกี้เจียงเย่เฉิงเป็นคนพูดเองว่า ครั้งนี้ตั้งใจมาหาตน
เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะเยาะอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เจียงหนิงเอ๋อเองก็ยืนปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆ: “พี่สาว ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ สิ่งที่พ่อต้องการให้เธอ เธอบอกว่าไม่รับก็คือไม่รับ แต่ว่า……เป็นเช่นนี้ก็ดี ในเมื่อเธอไม่เอาแล้ว ของทั้งหมดก็คงต้องตกมาเป็นของฉัน”
พูดจบ เจียงหนิงเอ๋อก็หัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ
เดิมทีคิดว่าถ้าหากต้องการให้เจียงหยุนเอ๋อยอมสละทรัพย์สมบัติทุกอย่างด้วยตัวเอง คงต้องออกแรงเหนื่อยเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะกลับตาลปัตรเป็นง่ายดายเช่นนี้
ตอนนี้ดวงตาของเจียงหยุนเอ๋อเบิกโพลง พอจะเริ่มเข้าใจถึงแผนร้ายของพวกเขา ฝู้ชูเหมยแสดงออกให้เห็นว่าเตรียมเอกสารฉบับนี้มาเป็นอย่างดี ส่วนเจียงเย่เฉิงถึงแม้พูดต่อหน้าตัวเธอเองว่าอยากจะยกของบางอย่างให้ แต่ในที่สุดก็ยังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะบังคับให้ตัวเธอเองยอมละทิ้งทุกสิ่ง?
สองแม่ลูกนี่ ช่างร้ายกาจจริงๆ แต่ว่าเธอไม่มีทางจะปล่อยให้พวกเขาดีใจได้นานนักหรอก
เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะขึ้นทันใด เป็นการหัวเราะที่ไม่มีเหตุผล ทำให้เจียงหนิงเอ๋อและฝู้ชูเหมยรู้สึกเย็นวาบที่หลัง
“เจียงหยุนเอ๋อเธอคงไม่ได้คิดจะเล่นลูกไม้อะไรหรอกนะ เมื่อกี้เธอเป็นคนพูดเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นรีบเซ็นชื่อตัวเองลงบนเอกสารซะ” ฝู้ชูเหมยมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยสายตารังเกียจ แล้วยื่นเอกสารไปให้ คิดเพียงว่าให้เจียงหยุนเอ๋อรีบเซ็น ตัวเองจะได้รีบไป
เจียงเย่เฉิงมองฝู้ชูเหมยด้วยแววตาที่สลับซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางสิ่งที่เธอทำ ในเมื่อความหวังดีของเขาไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แล้วเขาจะออกหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยไปทำไม?
ท่าทีของพวกเขาที่แสดงออกมา เจียงหยุนเอ๋อล้วนเห็นทั้งหมด ในใจก็รู้สึกหัวเราะเยาะ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอคงไม่จำเป็นจะต้องเหลือเยื่อใยให้กับคนพวกนี้อีกต่อไป
เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าลง แล้วเหลือบมองเอกสารที่ฝู้ชูเหมยยื่นมาให้ แล้วยื่นมือออกไปรับมา
เมื่อเห็นว่าง่ายดายเช่นนี้ ใบหน้าของฝู้ชูเหมยก็เต็มไปด้วยความสุข แต่วามสุขนั้นยังไม่ทันจะปรากฏขึ้นเต็มใบหน้าของเธอ ก็ต้องชะงักลง
แค่ได้ยินเสียง “ฉึก” แค่ครั้งเดียว ฝู้ชูเหมยก็กำลังมองเจียงหยุนเอ๋อฉีกเอกสารออกเป็นชิ้นๆ
“เจียงหยุนเอ๋อเธอทำอะไรของเธอ!” เจียงหนิงเอ๋อคิดไม่ถึงว่าเอกสารที่ฝู้ชูเหมยวางแผนจัดเตรียมมาอย่างยากลำบาก จะถูกเจียงหยุนเอ๋อฉีกออกเป็นชิ้นๆเช่นนี้ ทำให้โกรธจนโพล่งถามออกมา
เจียงหยุนเอ๋อมองเธอด้วยสายตายิ้มแย้ม และพูดอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านว่า: “ในเมื่อพวกคุณพูดเองว่านั่นเป็นสิ่งที่ฉันควรได้รับ ฉันลองมาคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็รู้สึกว่าสิ่งที่พวกคุณพูดนั้นก็ฟังดูมีเหตุผล ดังนั้นต้องขอโทษด้วย ฉันไม่ต้องการละทิ้งมันแล้ว”
“เธอ!” เจียงหนิงเอ๋อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นิ้วของเธอชี้ไปที่จมูกของเจียงหยุนเอ๋อแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เจียงหยุนเอ๋ออย่าให้มันมากเกินไปนะ!”
“เกินไป? เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันทำเกินไป?” เมื่อได้ฟังสิ่งที่เจียงหนิงเอ๋อพูด เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกว่าช่างน่าขำสิ้นดี “ที่ตอนนี้แม่ของฉันต้องเป็นแบบนี้ คงจะเป็นฝีมือของพวกคุณสองแม่ลูก ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ให้พวกคุณผลัดกันดูแลแม่ของฉัน ถ้าหากพวกคุณทำให้เธอดีขึ้นเมื่อไหร่ อารมณ์ของฉันก็คงจะดีขึ้น พออารมณ์ของฉันดีขึ้น ไม่แน่ว่าคิดดูอีกทีอาจจะยอมตกลงก็ได้ พวกคุณว่ายังไงล่ะ?”
“เจียงหยุนเอ๋ออย่าหน้าด้านเกินไปหน่อยเลย!” ฝู้ชูเหมยใบหน้าเคร่งเครียดและพูดกับเจียงหยุนเอ๋อเสียงเข้ม
จริงๆเธออยากจะไล่ซูม่านลีออกจากตระกูลเจียงตั้งนานแล้ว หลายปีมานี้ ถึงแม้เธอจะได้เข้ามาอยู่ในตระกูลเจียง แต่ก็ยังมีฐานะที่ไม่อาจจะเชิดหน้าชูตาได้ อีกทั้งไม่ใช่คุณผู้หญิงที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอกระวนกระวาย คิดอยากให้ซูม่านลีตายโดยเร็ว แล้วทำไมถึงจะยอมลดศักดิ์ศรีลงไปดูแลซูม่านลีด้วยล่ะ!
เจียงเย่เฉิงโกรธจนปากสั่น แล้วจึงพูดตะคอกว่า: “เจียงหยุนเอ๋อเธอจะเอายังไงกันแน่? ตอนที่ฉันจะให้เธอก็ไม่เอา ตอนนี้กลับไม่ยอมละทิ้ง จริงๆแล้วเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เจียงหยุนเอ๋อมองเจียงเย่เฉิงที่กำลังโกรธตัวเองด้วยท่าทีเย็นชา ในใจไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออีกแล้ว เพราะเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเจียงเย่เฉิงจะเข้าข้างเธออยู่แล้ว ในเมื่อไม่มีความหวัง แล้วจะรู้สึกผิดหวังได้อย่างไร?
“ฉันจะไปมีแผนการอะไรได้?” เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าลงมามองกระดาษที่ถูกฉีกอยู่เป็นชิ้นๆที่พื้นอย่างไม่ใส่ใจ “เพียงแต่…….ไม่อยากเห็นพวกคุณมีความสุขก็เท่านั้นเอง?”
“เธอมันอกตัญญู!” เจียงเย่เฉิงยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเจียงหยุนเอ๋อไว้ เขาใช้แรงเยอะเสียจนทำให้สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเปลี่ยนไปทันที
ความเจ็บปวดบนข้อมือของเธอ ทำให้เธออยากที่จะสลัดออกไป: “เจียงเย่เฉิง ปล่อยฉันนะ!”
“เหอะ เจียงหยุนเอ๋อฉันว่าตอนนี้เธอดูจะไม่เคารพกฎเกณฑ์เอาเสียเลย เรื่องเมื่อกี้ฉันก็ไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อย แต่ตอนนี้ฉันคงต้องย้ำกับเธอว่า ฉันเป็นพ่อของเธอ อย่างน้อยเธอก็ควรจะให้ความเคารพฉันสักหน่อย!”
คำพูดของเจียงเย่เฉิงทำได้เพียงแค่ให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกหัวเราะเยาะเท่านั้น: “คุณคือพ่อของฉัน? คุณคือพ่อของฉันแต่กลับปล่อยให้คนนอกมาทำแบบนี้กับฉัน? อย่ามาตลกหน่อยเลย”
คำพูดของเจียงหยุนเอ๋อทำให้เจียงเย่เฉิงรู้สึกโกรธเคือง บนหน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวเป็นริ้วบางๆปูดออกมา: “เจียงหยุนเอ๋อห้าปีก่อน เธอทำเรื่องเช่นนั้น ทำให้ตระกูลเจียงของเราต้องอับอาย และทำให้ฉันต้องพลอกขายหน้าไปด้วย ตอนนี้เธอจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเรียกร้องอะไรมากมายขนาดนี้! ตอนนี้เธอรีบบอกฉันให้ชัดเจน ว่าเธอจะเซ็นหรือไม่เซ็น?”
“ฉันไม่เซ็น คุณจะทำอะไรฉันได้?” เจียงหยุนเอ๋อเสียงแข็งและพูดอย่างไม่ยอมแพ้
เจียงเย่เฉิงมองเธอด้วยสายตาดุร้าย ตอนนั้นเอง หมอและผู้ช่วยสองสามคนที่เจียงหยุนเอ๋อเจอในห้องผู้ป่วยเมื่อกี้นี้ก็เดินออกมาพอดี
“พวกคุณกำลังทำอะไรกัน!”
เมื่อเห็นคนเริ่มเข้ามาห้อมล้อมหลายคน เจียงเย่เฉิงจึงรีบปล่อยมือ แต่ก็ไม่ลืมที่จะพูดทิ้งท้ายว่า: “เรื่องนี้ ช้าเร็วก็จะต้องจัดการให้เรียบร้อย ให้เธอรีบตัดสินใจให้ชัดเจน”
เจียงหยุนเอ๋อถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตามองไปที่ข้อมือที่เขียวช้ำของเธอ แล้วก็หัวเราะเยาะ
“ไป พวกเรากลับกัน” เจียงเย่เฉิงพูดกับฝู้ชูเหมยและเจียงหนิงเอ๋อ
เจียงหนิงเอ๋อเปิดประตูรถด้านหลัง แต่ก็หันกลับมามองเจียงหยุนเอ๋อสายตาเหมือนมีเลศนัย
“พี่สาวที่แสนดีของฉัน ฉันสืบข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว ผู้ชายที่พบครั้งที่แล้วคือคุณชายใหญ่ของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป เธอช่างรู้จักเลือกคบคนจริงๆเลยใช่ไหม? การแสดงของเธอครั้งนั้นก็ดูไม่เลว เสียดายที่……ยังมีช่องโหว่อยู่