บทที่57 หนีหัวซุกหัวซุน
เจียงหยุนเอ๋อยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อลี่จุนถิงแล้วพูด:“งั้นคุณไปเล่นกับฉัน”
ได้ยินดังนั้นลี่จุนถิงก็ขมวดคิ้วออกมา ให้เขาดูเจียงหยุนเอ๋อเล่นก็พอแล้ว ให้เขาทิ้งตัวตนแล้วไปเล่นเครื่องเล่น คิดยังไงยัง……ก็รู้สึกว่าฉากนั้นมันตลก
“ผมไม่ต้องหรอก คุณไปเล่นเถอะ ผมรอข้างๆ”ลี่จุนถิงปฏิเสธ
“ไม่เอา เล่นคนเดียวสนุกตรงไหน?”เจียงหยุนเอ๋อยากแสดงความเข้มแข็งต่อหน้าลี่จุนถิง ดึงแขนเขาเข้าไปข้างในสวนสนุก
สุดท้ายลี่จุนถิงก็โดนเจียงหยุนเอ๋อลากเข้าไปสวนสนุก
ตอนเจียงหยุนเอ๋ออยู่ที่ต่างประเทศก็มีบ้างที่ไปสวนสนุกเป็นเพื่อนถวนจื่อ อีกอย่างตอนเธอยังเด็กก็ไปเล่นที่สวนสนุกบ่อยๆก็เลยคุ้นเคยกับสวนสนุก
จากนั้นก็มองกลับไปที่ลี่จุนถิงที่ดูขัดกับสถานการณ์ตอนนี้
“เห้ คุณเล่นไม่เป็นเหรอ?”มองท่าทางเงอะงะของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกตลก
ใบหน้าของลี่จุนถิงมีความอับอาย พูดไปว่า:“ใช่ที่ไหนล่ะ?ผมแค่……ไม่ค่อยอยากเล่น ของเด็กๆแบบนี้ไม่เหมาะกับผม”
เจียงหยุนเอ๋อมองท่าทางเสแสร้งของลี่จุนถิงออก แต่เพื่อไว้หน้าเขาเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่พูดแทงใจแต่กลับลดตัวพูดไปว่า“โห แต่ฉันอยากเล่นนี่ คุณพาฉันมานี่ไม่ได้อยากให้ฉันมีความสุขหรือไง?คุณมากับฉันฉันก็มีความสุขแล้ว”
พูดจบเจียงหยุนเอ๋อก็อึ้งไป สายตาของลี่จุนถิงก็ดูเลิ่กลั่กขึ้นมา
เจียงหยุนเอ๋อรีบหันไปกลัวว่าลี่จุนถิงจะคิดว่าตัวเองมีใจให้แล้วอธิบายไปว่า:“เอ่อ……ไม่ได้หมายความแบบนั้น……แต่ยังไงก็ขอบคุณที่พาฉันมานะ”
เห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอ ลี่จุนถิงก็คิดว่าเจียงหยุนเอ๋อแบบนี้ช่างน่ารักเสียจริง มุมปากมีรอยยิ้มน่ารักออกมา
“คุณ……คุณมองฉันแบบนี้ทำไม……”หน้าของเจียงหยุนเอ๋อร้อนผ่าว หมุนตัวเดินออกไป“ฉันไปก่อนนะ ไม่รอคุณแล้ว!”
หลังของเจียงหยุนเอ๋อเกือบจะดูเหมือนวิ่งออกไป ลี่จุนถิงยืนยิ้มนิดๆมองเธออยู่ที่เดิมจากนั้นก็ตามเข้าไป
จนเย็นแล้วเจียงหยุนเอ๋อก็เล่นจนเหนื่อย แต่ว่าอารมณ์ในสวนสนุกนี้ก็ดีขึ้นเยอะมาก
เธอมองท้องฟ้าสีฟ้าทันใดนั้นก็มีความมั่นใจ เรื่องที่คนพวกนั้นทำกับซูม่านลีอย่างเกินไปเป็นเพราะเธอไม่อยู่ ต่อไปเธอต้องอยู่กับซูม่านลีและไม่มีทางให้คนอื่นมาทำร้ายซูม่านลีอีก
เธอมีความสามารถพอที่จะปกป้องคนที่รัก!
เจียงหยุนเอ๋อสาบานกับตัวเองในใจเงียบๆ
พอเล่นในสวนสนุกไปพักใหญ่แล้ว ลี่จุนถิงก็พาเจียงหยุนเอ๋อไปรับถวนจื่อที่โรงเรียนอนุบาล
เห็นลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อมารับด้วยกัน ใบหน้าของถวนจื่อก็ดีใจอย่างมาก:“พ่อกับแม่มากันแล้ว!”
“ใช่”ลี่จุนถิงอุ้มถวนจื่อขึ้นมาทำให้เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ข้างๆอึ้งไป
ท่าทางธรมชาติของเขาแบบนั้นเหมือนรักถวนจื่อเป็นลูกชายแท้ๆจริงๆ
จู่ๆเจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกสับสน ทำไมจู่ๆลี่จุนถิงก็ดีกับถวนจื่อขนาดนี้นะ?คิดดีๆแล้ว ที่จริง……เขาก็ดีกับตัวเองมากเหมือนกัน ไม่ใช่เหรอ?
“แม่ กำลังคิดอะไรครับ?รีบขึ้นรถสิ”ถวนจื่อที่โดนลี่จุนถิงอุ้มขึ้นรถก็โผล่หน้ามาเร่งเจียงหยุนเอ๋อ
ตอนที่ถวนจื่อเรียก เจียงหยุนเอ๋อก็ได้สติคืนมาแล้วก็เข้าไปนั่งในรถ
วันถัดมา พอส่งถวนจื่อไปโรงเรียนเสร็จเจียงหยุนเอ๋อก็ได้สายของส้งหวั่นหวั่น
พอเห็นชื่อที่โทรมาเจียงหยุนเอ๋อก็ขมวดคิ้ว ในใจลังเลอย่างมาก เธอรู้ว่าครั้งที่แล้วที่ส้งหวั่นหวั่นมาคุยเรื่องงานกับตัวเอง วันนี้ก็คงจะโทรมาเพราะเรื่องนี้แหละ……
แต่ว่าพอคิดถึงคำพูดที่ส้งหวั่นหวั่นพูดถึงลี่จุนถิงวันนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกต่อต้านแปลกๆ
ไม่อยากรับ……
ไม่ ไม่ถูก ทำไมรู้สึกว่าตัวเองไม่รับสายก็เหมือนทำผิดเลย?เธอทำผิดอะไรเหรอ?
พอคิดตรงนี้เจียงหยุนเอ๋อก็หายใจลึกๆแล้วรับสาย
“ฮัลโหล คุณส้ง”
ส้งหวั่นหวั่นขำเบาๆที่ปลายสายแล้วพูดว่า:“คุณเจียง วันนี้ฉันว่างพอดีเดี๋ยวพาคุณไปสัมภาษณ์งานไหม?”
“เอ่อ……”เห็นๆว่าก่อนหน้านี้ตอบรับไปแล้ว แต่ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อก็ยังปฏิเสธไป“วันนี้……วันนี้ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก คุณส้งเปลี่ยนวันไหมคะ?”
พอคิดถึงความสัมพันธ์ของส้งหวั่นหวั่นกับลี่จุนถิง แล้วคิดถึงอีกว่าเพราะเรื่องนี้ตัวเองเลยเป็นหนี้บุญคุณส้งหวั่นหวั่น เธอก็ไม่สบายใจ
เสียงของส้งหวั่นหวั่นยังคงมีรอยยิ้มแฝง:“อ๋อ?ไม่รู้ว่าคุณเจียงยังมีเรื่องสำคัญอะไรอีก?คุณต้องคิดดีๆ มีงานนี้ต่อไปชีวิตคอรบครัวคุณก็จะดีขึ้น อีกอย่างฉันเห็นคุณอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาล น่าจะไม่มีธุระอะไรอีกแล้วสินะ?”
เจียงหยุนเอ๋อนิ่งไป จากนั้นก็เงยหน้ามองไปรอบๆเห็นส้งหวั่นหวั่นโบกมือให้ตัวเองอยู่ในรถไม่ไกล
“ฉันผ่านมาทางนี้แล้วเห็นคุณพอดี บังเอิญสุดๆ งั้นลองไปสัมภาษณ์ที่บริษัทดูสักแปปดีกว่าไหมคะ”
ส้งหวั่นหวั่นพูดแบบนี้แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ปฏิเสธอีก ได้แต่ตอบไปว่า:“ก็ได้ค่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อค่อยๆเดินไปที่ส้งหวั่นหวั่น ทักทายส้งหวั่นหวั่นแล้วขึ้นรถไป
พอขึ้นรถไปเจียงหยุนเอ๋อก็ยิ้มให้ส้งหวั่นหวั่นแล้วพูด:“รบกวนคุณส้งแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันสนิทกับบอสบริษัทนั้นค่ะ เดี๋ยวสัมภาษณ์ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เขาไม่น่าจะโหดเท่าไหร่หรอกค่ะ”ส้งหวั่นหวั่นพูดชิลๆ ถ้าเป็นคนอื่นไม่แน่อาจจะนับว่าคนนี้เป็นเพื่อนรักเพราะเรื่องพวกนี้ไปแล้ว
ตอนนี้เองเจียงหยุนเอ๋อก็เมินคำวิจารณ์ในใจต่อส้งหวั่นหวั่น แล้วพูดจริงจังไปว่า:“งั้นก็ขอบคุณมากค่ะ”
ส้งหวั่นหวั่นขำเบาๆ ไม่พูดอะไรมาก สตาร์ทรถขับออกไป
นั่งที่นั่งข้างคนขับ สายตาของเจียงหยุนเอ๋อเอาแต่มองส้งหวั่นหวั่น
ก็ต้องยอมรับจริงๆถ้าทิ้งเรื่องความสัมพันธ์ของส้งหวั่นหวั่นกับลี่จุนถิง ส้งหวั่นหวั่นก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคสุดๆ ถ้าทั้งสองคนไม่ใช่ว่ารู้จักกันเพราะแบบนั้น ไม่แน่ก็อาจเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าลงแล้วก็คิดว่าความคิดตัวเองช่างน่าขัน ตัวตนของตัวเองแบบนี้ ลูกคุณหนูแบบส้งหวั่นหวั่นจะมาสนตัวเองไดไง ถ้าไม่ใช่เพราะลี่จุนถิงทั้งสองก็คงไม่เกี่ยวข้องกัน