บทที่63 พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม
อีกด้านหนึ่ง ส้งหวั่นหวั่นได้ข่าวจากสายของเขาว่า เจียงหยุนเอ๋อได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของลี่จุนถิงแล้ว
“ อะไรนะ ที่นายพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ” เมื่อส้งหวั่นหวั่นได้ยินคำพูดของผู้ช่วย ก็ถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ช่วยที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายยิ้มอย่างตะขิดตะขวง แต่ทำได้เพียงพูดขึ้นอีกครั้ง ” คุณหนูครับ จริงแท้แน่นอนครับ คนรับใช้ในบ้านก็พูดแบบนั้น เจียงหยุนเอ๋อคนนั้นไปถึงก็ย้ายเข้าไปในห้องใหญ่โดยตรง”
ในใจของส้งหวั่นหวั่นเต็มไปด้วยความโกรธ ในชั่วขณะเธออยากจะทุบโทรศัพท์เสีย แม้ว่าเธอจะเคยอยู่ที่บ้านของลี่จุนถิง แต่ไม่มีสักครั้งที่ลี่จุนถิงจะเป็นฝ่ายเชิญชวน และเธอก็อาศัยอยู่ในห้องรับแขกตลอด ห้องใหญ่นั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะเดินเข้าใกล้
แต่เจียงหยุนเอ๋อคนนี้ เธอไปครั้งแรกก็ย้ายเข้าไปในห้องใหญ่โดยตรง มีสิทธิ์อะไร
“คุณหนูคะ อย่าโกรธไปเลย เพราะแบบนี้มันก็เห็นชัดแล้วว่าเจียงหยุนเอ๋อเป็นคนที่ชอบยั่วคนอื่น เมื่อสันดานของเธอถูกเปิดเผย คุณชายลี่ก็จะไม่ทนอย่างแน่นอน” ผู้ช่วยของเธอฟังออกถึงความโกรธของส้งหวั่นหวั่น จึงรีบปลอบเธอ
ส้งหวั่นหวั่นบีบโทรศัพท์มือถือของเธอแน่น แล้วกัดฟันพูดว่า “รอให้สันดานของเธอถูกเปิดเผยเหรอ ฉันยังมีเวลารออีกเหรอ ไม่ได้ ฉันไม่สามารถเฝ้าดูเธอได้ใจแบบนี้หรอกนะ”
“คุณหนูคะ คุณไม่ควรใส่ใจกับคนอย่างเธอนะคะ ลองคิดดูสิว่า เธอไม่มีอะไรที่เทียบคุณได้เลยนะคะ อีกอย่างคุณชายลี่แค่หลงอยู่พักหนึ่งแค่นั้น ดังนั้นอย่าเพิ่งใจร้อนเกินไป” ผู้ช่วยยกยอ และพยายามทำให้อารมณ์ของส้งหวั่นหวั่นดีขึ้นมาหน่อย
อย่างไรก็ตามอารมณ์ของส้งหวั่นหวั่นไม่เพียงไม่ดีขึ้น แต่กลับโกรธมากขึ้น “ฉันยังจะใจเย็นได้เหรอ เป็นเพราะเมื่อก่อนฉันไม่ได้ใช้วิธีการมาก ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในบ้านของจุนถิงแล้ว จากนี้หากไม่ใช้มาตรการอะไรหน่อย เธอก็อาจจะได้จดทะเบียนสมรสกับจุนถิงแล้ว”
“นี่มัน … คุณหนูคะ แต่ว่าคุณหนู … ” ผู้ช่วยนิ่งคิดว่าจะปลอบใจส้งหวั่นหวั่นอย่างไรต่อไป แต่ก็ถูกส้งหวั่นหวั่นขัดทันที
“ตอบนี้เธอควรโทรหาคนของบริษัทหมิงยิ่ง และบอกให้พวกเขาจัดการ เจียงหยุนเอ๋อทันที ก่อนหน้านี้ฉันใจดีพาเธอไปหางานทำ ไม่คิดเลยว่าเธอจะไร้ยางอายและไม่สำนึกบุญคุณแบบนี้ ยังไปยั่วยวนจุนถิงลับหลัง และไปอาศัยอยู่ในบ้านของเขาอีก คิดสะว่าเมื่อก่อนฉันเป็นคนใจบุญ แต่ฉันไม่ใช่คนโง่ เธอใจร้ายเอง ก็อย่ามาโทษว่าฉันไร้คุณธรรมหละกัน” ส้งหวั่นหวั่นพูดอย่างน้ำเสียงไม่ดี
เธอได้ทำอะไรมากมาย แค่เพียงเพื่อให้ เจียงหยุนเอ๋อยอมแพ้ไปเอง แต่ผลลัพธ์หละ ผลที่ได้ก็คือเธอพัฒนาขึ้นกว่าเดิม จะให้ส้งหวั่นหวั่นทนได้อย่างไร
“ไม่มีปัญหาค่ะคุณหนู จะจัดการเดี๋ยวนี้ค่ะ” ผู้ช่วยพูดอย่างประจบ กลัวว่าจะทำให้ส้งหวั่นหวั่นอารมณ์เสียอีก
เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่น่าอับอายของ เจียงหยุนเอ๋อหลังจากถูกไล่ออก ส้งหวั่นหวั่นก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย และพูดเบาๆว่า “อืม งั้นไปจัดการเร็วๆเถอะ”
ในไม่ช้าเลขาก็ติดต่อไปยังบริษัทที่ เจียงหยุนเอ๋อได้สมัครงานไว้ หลังจากทราบเกี่ยวกับคำขอของ ส้งหวั่นหวั่น บุคคลนั้นก็ตอบตกลงโดยไม่พูดให้มากความ
“ไม่มีปัญหา เราจะไล่เธอออกเดี๋ยวนี้”
หลังจากคิดได้แล้ว ผู้ช่วยก็พูดต่ออย่างรวดเร็ว “คุณไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เธอทราบ ให้เธอไปที่บริษัทก่อน จากนั้น…. แบบนี้จะทำให้เธออับอายมากขึ้นแน่นอน”
“ครับ โอเคแน่นอนครับ” คนที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์ตอบตกลงทันที
แม้ว่าจะฟังดูแล้วจะไม่เป็นธรรมก็ตาม แต่ใครบอกให้เจียงหยุนเอ๋อไปมีปัญหากับคนที่ไม่ควรยุ่งด้วย
อีกด้านหนึ่ง เจียงหยุนเอ๋อทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว และลี่จุนถิงก็นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ เธอไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น จ้องมองเพียงแค่อาหารเช้าตรงหน้าเธออย่างตั้งใจ
สายตาของ เสี่ยวถวนจื่อหันไปมองระหว่าง เจียงหยุนเอ๋อและ ลี่จุนถิง เขารู้สึกว่าวันนี้ทั้งสองคนเงียบมาก เขาจึงถามด้วยความแปลกใจ “คุณแม่ คุณพ่อ ทำไมไม่พูดเลยครับ”
“หือ พูดอะไรครับ”เจียงหยุนเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองเขา พลางถามอย่างทำตัวไม่ถูก
“ ปกติพูดอย่างไรตอนนี้ก็พูดอย่างนั้นครับ” เสี่ยวถวนจื่อพูดพึมพำ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อดูแข็งกระด้างเล็กน้อย และเธอไม่รู้ว่าจะบอก เสี่ยวถวนจื่ออย่างไรว่าตอนนี้เธอไม่มีหน้าเผชิญหน้ากับ ลี่จุนถิงแล้ว
โชคดีที่ เสี่ยวถวนจื่อไม่ได้ยึดติดอยู่กับหัวข้อนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ เขาก็เริ่มกินอย่างจริงจัง
เจียงหยุนเอ๋อรอเขาอยู่ข้างๆอย่างอดทน และคิดว่าเดี๋ยวต้องไปส่งเสี่ยวถวนจื่อไปโรงเรียนอนุบาลก่อนแล้วเธอค่อยไปทำงาน
“พ่อครับ ผมกินข้าวเสร็จแล้วครับ พ่อจะส่งผมไปโรงเรียนเมื่อไหร่ครับ” เสี่ยวถวนจื่อวางชามลง และมองไปที่ลี่จุนถิงอย่างคาดหวัง
เจียงหยุนเอ๋อผงะ และตำหนิอย่างรวดเร็ว “ถวนจื่อครับ คุณอาลี่ยุ่งมาก จะเอาเวลาไหนไปส่งลูกหล่ะ”
แต่แล้ว ก็ราวกับเธอถูกตบหน้าอย่างจัง เมื่อเสียงพูดนั้นจบลง ลี่จุนถิงก็พูดว่า “โอเคครับ เดี๋ยวไปส่งนะครับ ”
เจียงหยุนเอ๋อมองไปที่ลี่จุนถิงด้วยความประหลาดใจ ก็พบรอยยิ้มในดวงตาของเขา จากนั้นก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างตะกุกตะกัก” ถ้าอย่างนั้น … คุณส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลนะคะ ฉันก็จะไปทำงานก่อน”
“ ทำงานเหรอ” ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว “ คุณหางานเมื่อไหร่ ที่ไหน”
เจียงหยุนเอ๋อคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้บอกเขาว่า ส้งหวั่นหวั่นเป็นคนหางานให้เธอ เพียงแค่พูดว่า “ บริษัทหมิงยิ่งค่ะ”
บริษัทหมิงยิ่ง ลี่จุนถิงเองก็เคยได้ยินเช่นกัน แล้วเขาก็พยักหน้าเบาๆ
“งั้นฉันไปก่อนนะคะ ถวนจื่อ ลูกต้องเชื่อฟังนะ” เจียงหยุนเอ๋อพูดด้วยท่าทางที่ลุกลี้ลุกลน แล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เจียงหยุนเอ๋อมาถึงบริษัทอย่างรวดเร็ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้สัมภาษณ์ได้บอกเธอแล้วว่าเธออยู่แผนกไหน ตำแหน่งไหน ก่อนหน้านี้ เจียงหยุนเอ๋อหาเวลามารับป้ายพนักงานแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปที่แผนกของเธออย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี
มาทำงานวันแรกเจียงหยุนเอ๋อก็ดีใจเล็กน้อย โดยไม่ได้สังเกตเห็นสายตาแปลกๆของคนอื่นที่มองเธอ ตั้งแต่ที่เธอเดินเข้าแผนก
จนกระทั่งเธอเดินไปถึงที่นั่งของเธอ เจียงหยุนเอ๋อก็ตะลึงเล็กน้อย เพราะเธอเห็นว่ามีอีกคนนั่งอยู่ในที่นั่งที่ควรจะเป็นของเธอ
เธอเดินไปดูด้วยความประหลาดใจ ตรวจสอบให้แน่ใจว่านี่คือที่นั่งของเธอ แต่ว่า … ทำไมมีใครนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ
มองดูผู้หญิงที่กำลังตั้งใจทำงาน เหมือนว่าที่นั่งนั้นเป็นของเธออยู่แล้ว เจียงหยุนเอ๋อครุ่นคิดสักพัก แล้วไปตบไหล่ของเธอเบาๆ พูดว่า “คุณคะ ขอโทษนะคะ ดูเหมือนว่าคุณจะนั่งผิดที่นะคะ โต๊ะนี้คือโต๊ะของฉันค่ะ”
หญิงคนนั้นหันหน้ามามองเธอด้วยท่าทางไม่เชื่อเธอ และทันใดนั้นก็พูดว่า “คุณจะบ้าเหรอ ที่นี่เป็นที่นั่งของฉันชัดๆ ”
“หะ ” เจียงหยุนเอ๋อตกตะลึง รู้สึกสับสนกับสถานการณ์ในตอนนี้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะสองสามคนในห้องทำงาน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอับอายเป็นที่สุด “แต่ว่า… ก่อนหน้านี้ผู้สัมภาษณ์บอกฉัน ว่าฉันควรนั่งที่นี่นะคะ คุณจำผิดหรือเปล่าคะ”