จากนั้น ส้งหวั่นหวั่นก็อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ
บนโต๊ะอาหาร ส้งหวั่นหวั่นคุยกับลี่จุนถิงในทุก ๆเรื่องอยู่ตลอดเวลา และพวกนั้นก็เป็นเรื่องที่เจียงหยุนเอ๋อไม่สามารถแทรกเข้าไปพูดได้
ในตอนแรกส้งหวั่นหวั่นยังคุยถึงเรื่องงานอยู่เลย แต่หลังจากนั้นไม่รู้ทำไมก็คุยไปถึงเรื่องที่ผ่านมาของพวกเขา สิ่งเหล่านี้เจียงหยุนเอ๋อไม่สามารถเข้าใจได้เลย และเมื่อฟังส้งหวั่นหวั่นยิ้มและพูดถึงเรื่องราวความลำบากใจของลี่จุนถิงสมัยวัยเด็ก จู่ ๆเจียงหยุนเอ๋อก็เริ่มรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที
อันที่จริง……เธอเป็นเพียงแค่คนนอกคนหนึ่ง เรื่องที่ผ่านมาของลี่จุนถิงนั้น เธอไม่สามารถเข้าร่วมได้ ส่วนเรื่องของอนาคต……เธอก็คงจะไม่มีโอกาสอะไรหรอกมั้ง
เจียงหยุนเอ๋ออยากจะลุกออกจากโต๊ะอาหารหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็โดนส้งหวั่นหวั่นหยุดไว้โดยตั้งใจและไม่ตั้งใจบ้าง
แม้ว่าถวนจื่อจะไม่ค่อยชอบส้งหวั่นหวั่นมากนัก แต่บนโต๊ะอาหารเขาก็ยังคงความสงบนิ่งอยู่ เพียงแค่ว่าเขาเล่นเกมอยู่ของเขา ราวกับว่าไม่มีคนคนนี้อยู่ด้วย
สำหรับเจียงหยุนเอ๋ออาหารเย็นมื้อนี้เป็นมื้อที่ทำให้เธอทรมานมากที่สุด และในที่สุดก็รอจนอาหารค่ำมื้อนี้จบลง เธอก็รีบลุกขึ้นยืนจากโต๊ะอาหาร และพาถวนจื่อออกไปจากโต๊ะอาหารทันที
“ฉันพาถวนจื่อกลับไปทำความสะอาดที่ห้อง พวกคุณคุยกันก่อน……”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว และยังมีความรู้สึกของการหลบหนีเผยออกมาจากด้านหลังของเธอ
ส้งหวั่นหวั่นมีความภูมิใจเล็กน้อยและมองดูการจากไปของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
ลี่จุนถิงเองก็ตระหนักได้ถึงความต้องการของส้งหวั่นหวั่น ดังนั้นบนโต๊ะอาหารเขาก็ไม่ได้สนใจส้งหวั่นหวั่นอะไรมาก แต่ก็คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ถูกเจียงหยุนเอ๋อเข้าใจเขาผิด
หลังจากอาบน้ำให้ถวนจื่อเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อก็กล่อมเขาจนหลับ
ตอนเดินออกมาจากห้อง เจียงหยุนเอ๋อก็บังเอิญเหลือบไปเห็นส้งหวั่นหวั่นยกแก้วไวน์เข้าไปในห้องของลี่จุนถิง และหลังจากนั้นก็ล็อกประตูห้องเบาๆ
เจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่ไกล ๆสักพัก และในเวลานั้นไม่รู้ว่าตัวเองควรแสดงปฏิกิริยาอะไร เธอบังคับและอดทนแรงกระตุ้นของตัวเองที่จะเดินไป แล้วเดินลงไปชั้นล่างอย่างเงียบๆ
ลี่จุนถิงที่อยู่ในห้องหลังจากที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ก็รีบหันศีรษะกลับมา แต่ทันทีที่เห็นส้งหวั่นหวั่น สีหน้าของเขาดูแย่ลงเล็กน้อย
เขากำลังคุยโทรศัพท์กับสมิทธ์อยู่ และเขาก็ขี้เกียจที่จะให้ความสนใจส้งหวั่นหวั่น คิดเพียงแต่ให้เธอยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวสักพัก แต่ถ้าหากว่าส้งหวั่นหวั่นฉลาดหน่อย ก็น่าจะรู้ตัวเองว่าต้องออกไป
แต่แล้วลี่จุนถิงกลับประเมินระดับความหน้าด้านของส้งหวั่นหวั่นต่ำไป ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่สนใจเธอเลยก็ตาม แต่ส้งหวั่นหวั่นก็ไม่ได้มีท่าทีจะออกไปเลยสักนิด
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง และแม้แต่สมิทธ์ที่อยู่ในสายก็ฟังออกได้ถึงอารมณ์ของลี่จุนถิง “จุนถิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?เสียงของคุณฟังดูแปลก”
“ฉันมีเรื่องทางนี้จะจัดการสักหน่อย แล้วค่อยโทรกลับไปหาคุณใหม่” ลี่จุนถิงกล่าว
หลังจากที่สมิทธ์ตอบรับแล้ว ลี่จุนถิงขมวดคิ้วแล้วก็วางสายโทรศัพท์ เขาหันกลับมาและมองไปที่ส้งหวั่นหวั่น แล้วเตรียมตัวเดินลงไปที่ห้องโถง โดยมีจุดประสงค์คือพาส้งหวั่นหวั่นออกจากห้องนอนของเขา
อย่างไรก็ตามความตั้งใจที่ส้งหวั่นหวั่นเข้ามาก็ไม่ได้คิดที่จะมีอะไรกับลี่จุนถิง และแน่นอน……ถ้าหากจะมีอะไรเกิดขึ้น มันก็จะดีมากกว่านี้
ทว่า จุดประสงค์แต่แรกของเธอแค่อยากอยู่ในห้องนอนของลี่จุนถิงนานยิ่งขึ้นเท่านั้น และในฐานะที่เป็นผู้หญิง เธอรู้ว่าควรจะจับจุดตายของเจียงหยุนเอ๋ออย่างไร เพียงแค่อยู่ในห้องของลี่จุนถิงนานขึ้น สำหรับเจียงหยุนเอ๋อแล้วมันเป็นการถูกโจมตีอย่างใหญ่โดยไม่ต้องสงสัย และเพียงพอที่จะทำให้เธออารมณ์สลายได้
เจียงหยุนเอ๋อก็เป็นผู้หญิง ต่อหน้าเหตุการณ์แบบนี้ ก็อดไม่ไหวที่จะเริ่มคิดมากแน่นอน และลี่จุนถิงเองก็ไม่ใช่คนที่จะเป็นคนเริ่มอธิบายให้เจียงหยุนเอ๋ออย่างแน่นอน เป็นแบบนี้ต่อไป เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเขาสองคนจะยิ่งมากขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว
และเธอ……เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถจับหัวใจของลี่จุนถิงไว้แน่นแล้วไม่ใช่เหรอ?
ในหัวใจของส้งหวั่นหวั่น นี้เป็นสงครามจิตวิทยาที่สวยงามอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่น่าเสียดายคือ ลี่จุนถิงไม่เดินตามทางของเธอเลย และเดินออกนอกห้องไปทีละก้าวไม่เคยหยุดเลย
นำพาด้วยความมึนเมา ส้งหวั่นหวั่นซบเข้าหาลี่จุนถิงด้วยลมหายใจจากปากที่แผ่วเบา ทั้งส่งสายตากะพริบ เจอสถานการณ์แบบนี้ ผู้ชายธรรมดาก็ทนไม่ไหวที่จะไม่ตกหลุมรักในตัวเธอ
แต่ทว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงทำหน้าเย็นชา และจ้องมองเธออย่างไม่มีปฏิกิริยาใด ๆทั้งสิ้น แล้วพูดว่า:“ที่นี่ไม่เหมาะกับคุยธุระ ถ้าคุณมีอะไรอยากจะคุย ก็ออกไปคุยข้างนอกเถอะ”
เมื่อเห็นลี่จุนถิงพูดจบและเดินออกไปอย่างไม่ลังเล ส้งหวั่นหวั่นมีความโกรธจนกระทืบเท้าไปสองสามที และรีบวิ่งตามไปเพื่อหยุดเขา แล้วเอาแก้วไวน์ในมือตัวเองยัดใส่ในมือของลี่จุนถิง แล้วพูดอย่างอ้อนตุ้งติ้งว่า :“จุนถิง คุณจะดื่มกับฉันอีกสักแก้วไม่ได้เหรอ?”
เผชิญหน้าส้งหวั่นหวั่นที่รังควานไม่หยุด สุดท้ายลี่จุนถิงก็เริ่มอดทนไม่ไหว และเรียกพ่อบ้านมาด้วยสีหน้าที่สงบ
และเมื่อทันทีที่ได้ยินลี่จุนถิงเรียกพ่อบ้านมา ส้งหวั่นหวั่นมีความรู้สึกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น และทันในนั้นเอง หลังจากที่พ่อบ้านมาถึง ลี่จุนถิงพูดขึ้นอย่างไร้ความปรานีว่า:“คุณหนูส้งเริ่มเมาแล้ว ส่งเธอกลับไปเถอะ”
ส้งหวั่นหวั่นไม่คิดไม่ฝันว่าลี่จุนถิงจะไร้ความรู้สึกแบบนี้ และเริ่มรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันที:“จุนถิง ฉันไม่ได้เมา!”
“ไม่ได้เมาแล้วทำไมพูดแต่เรื่องไร้สาระ?ช่างเถอะ คนที่ดื่มเหล้าไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองเมา วันนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ”
หลังจากพูดจบ ไม่ว่าส้งหวั่นหวั่นจะขัดขืนแค่ไหน แต่ลี่จุนถิงก็ออกคำสั่ง สั่งให้พ่อบ้านส่งเธอกลับไป
แม้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นตลอด แต่สายตาของเธอก็จ้องมองไปที่ห้องของลี่จุนถิงตลอดเวลา และคอยนับว่าส้งหวั่นหวั่นเข้าไปนานมากแค่ไหนแล้ว
เธอคาดเดาในใจว่าเมื่อไหร่ส้งหวั่นหวั่นจะกลับไป แต่คิดไม่ถึงว่าส้งหวั่นหวั่นเข้าไปได้ไม่นานก็ถูกลี่จุนถิงบังคับให้ส่งกลับไปแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ ในหัวใจของเจียงหยุนเอ๋อมีความรู้สึกโชคดีเล็กน้อย หลังจากที่ส้งหวั่นหวั่นกลับไป ลี่จุนถิงก็เดินมาที่ห้องนั่งเล่น
หลังจากที่ลี่จุนถิงเดินลงมาถึงห้องนั่งเห็น สายตาก็มองเข้ากับเจียงหยุนเอ๋อโดยตรง หรืออาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่คอยสังเกตแบบเงียบๆมาตลอด ดังนั้นเลยทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกอายเล็กน้อย และรีบหลบสายตาทันที
“ฉัน……ฉันไปชงชาแก้เมาให้คุณดื่ม”เจียงหยุนเอ๋อรีบพูดขึ้น และจากนั้นวิ่งไปที่ห้องครัว
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อส่งชาแก้เมาให้ในมือของลี่จุนถิง แล้วลี่จุนถิงดื่มไปคำหนึ่งแล้วก็วางแก้วชาลง หลังจากนั้นยืนมือออกมาจับเจียงหยุนเอ๋อไว้ให้อ้อมแขนของเขา
เจียงหยุนเอ๋อทำตัวไม่ถูกได้เพียงแต่มองไปที่ลี่จุนถิง ไม่รู้ว่าลี่จุนถิงต้องการจะทำอะไรกันแน่ แล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า“คุณ……คุณทำอะไร……คุณยังดื่มชาแก้เมาไม่หมดเลย……”
ลี่จุนถิงยิ้มร้ายเล็กน้อย แล้วโน้มตัวเข้าไปข้างหูของเจียงหยุนเอ๋อแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณหึงหรือเปล่า?”
คำพูดของเขาทำให้เจียงหยุนเอ๋อนึกถึงฉากที่ตัวเองแอบมองขึ้นไปที่ห้องของเขาตลอด และหน้าแดงขึ้นมาทันที และพูดอย่างติดขัดว่า“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร……คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ……”
ต่อให้เจียงหยุนเอ๋อจะดิ้นรนมากแค่ไหน แต่ลี่จุนถิงก็ไม่ปล่อยมือเธอเลย
ทันใดนั้นถวนจื่อออกมาเข้าห้องน้ำแล้วมองไปเห็นพวกเขาพอดี เมื่อเห็นท่าทางคลุมเครือของพวกเขาสองคน ก็อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นใส่พวกเขา:“ย๊า แด๊ดดี้หม่ามี๊ทำอะไรกันน่ะ!น่าอายจัง