บทที่ 140 พิธีแต่งงาน
เจียงหยุนเอ๋อหยุดชะงัก คิดไม่ถึงเลยว่าลี่จุนถิงจะใส่ใจต่อคำพูดของซูม่านลีจริงๆ
ตอนแรกทั้งสองคนได้เปลี่ยนบทสนทนาไม่คุยเรื่องนี้ต่อแล้ว เจียงหยุนเอ๋อยังรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า……
ลี่จุนถิงเริ่มคิดงานแต่งงานของพวกเขาสองคนขึ้นมาแล้วจริงๆ!
แต่ว่าเรื่องที่เธออยู่กับลี่จุนถิงก็โดนขัดขวางอย่างใหญ่หลวงแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว
คาดว่าคนตระกูลเจียงก็คงไม่อนุญาตให้พวกเขาจัดพิธีแต่งงานกันหรอก
ถ้าถึงเวลานั้นดื้อรั้นจัดงานแต่งขึ้นโดยไม่ฟังคำห้ามเตือนของคนตระกูลหลี่คงจะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่เชียว……
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เจียงหยุนเอ๋อจึงอดไม่ได้ที่จะต้องกังวลใจ คิ้วดกที่สวยงามก็ค่อยๆขมวดขึ้นมา
สองมือของลี่จุนถิงจับสองแขนของเจียงหยุนเอ๋อไว้ พูดอย่างจริงจังว่า“จะไม่ให้ใส่ใจได้อย่างไร?ผมรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกผู้หญิงก็คืองานแต่งงาน พวกเราได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว คุณเป็นคนของผมแล้ว ยังไงเสียผมก็ต้องจัดงานที่ยิ่งใหญ่อลังการให้คุณอยู่แล้ว ผมจะทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุขในโลกเลย”
เจียงหยุนเอ๋อเงยหน้าสบตาลี่จุนถิง
ต่างพูดกันว่าหากในใจใครสักคนมีอีกฝ่ายอยู่ สามารถดูออกได้จากแววตา
และในเวลานี้ เจียงหยุนเอ๋อก็เห็นภาพตนในดวงตาของลี่จุนถิง เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความรักที่ลี่จุนถิงมีต่อตน
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกอบอุ่นใจ แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ของทั้งคู่ เธอก็รู้สึกลำบากใจ“แต่ว่าฝ่ายคุณพ่อคุณแม่คุณ……”
เจียหยุนเอ๋อสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า คนบ้านตระกูลเจียงไม่ได้ชื่นชอบเธอเลย ซึ่งสาเหตุสำคัญก็คือตนมีถวนจื่อติดตัวมาด้วย
ซึ่งไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลเจียงของพวกเขา
ลี่จุนถิงยื่นนิ้วมือออกมาอันนี้ แล้วไปแตะบริเวณริมฝีปากของเจียงหยุนเอ๋อ “ชู่ววว——ผมเป็นคนแต่งงานกับคุณ ไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่ผมสักหน่อย และอีกอย่างตอนแรกพวกเขาขัดขวางไม่ให้เราอยู่ด้วยกันก็ไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”
เจียงหยุนเอ๋อเงียบกริบ เรื่องพวกนี้เธอรู้ดี แต่ว่าความเป็นจริงจะมีความวุ่นวายเกินกว่าที่ได้จินตนาการเอาไว้
ลี่จุนถิงเอาปฏิทินออกมาเล่มหนึ่ง ชี้ไปยังวันหนึ่งบนปฏิทิน“คุณดูสิ วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีขนาดไหน เป็นวันแห่งความรักพอดี พวกเราสามารถจัดงานแต่งงานวันนั้นได้ หากเป็นเช่นนี้ก็จะมีความหมายที่ดีมากสำหรับการรำลึกถึง”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า ในใจเริ่มจินตนาการถึงบรรยากาศภายในงานแต่งงานวันนั้นว่าจะโรแมนติกและอลังการขนาดไหน
ถ้าบอกว่าตนไม่อยากจะจัดงานแต่งงานก็คงเป็นไปไม่ได้ มันเป็นความฝันที่เหมือนกันของผู้หญิงบนโลกนี้เลยนะ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เจียงหยุนเอ๋อจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาถึงของงานแต่งงาน
และคิดถึงเรื่องเด็กในท้องขึ้นมา เจียงหยุนเอ๋อตัดสินจะบอกเรื่องตั้งท้องให้ลี่จุนถิงทราบก่อนจัดงานแต่งงาน เพราะอาจจะทำให้เขายิ่งดีใจที่ได้เพิ่มข่าวดีขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง
“อืม ดีมากเลย”เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ลี่จุนถิงเห็นเจียงหยุนเอ๋อเห็นด้วยแล้ว ระหว่างคิ้วจึงค่อยๆยิ้มขึ้นมา“ชอบยังไงก็บอกกับผมนะ หรือบอกจี้งยี้ก็ได้ ผมจะทำตามให้ได้เลย”
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่ามีคนหนึ่งที่ดีกับตนอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ นั้นเป็นเพราะการทำบุญมาแต่ชาติปานก่อนของตนแท้ๆ “เรื่องงานแต่งงานก็ยกให้คุณเป็นผู้ดูแลเลย สิ่งที่คุณเลือกฉันชอบทั้งนั้นแหละ”
อันที่จริงไม่ว่างานแต่งงานจะเป็นแบบไหน หากมีความจริงใจของลี่จุนถิงอยู่ก็รู้สึกเพียงพอแล้ว
“วางใจได้เลย ผมต้องทำให้คุณพอใจแน่นอน”ลี่จุนถิงยกมุมปากขึ้น
หลังจากที่ลี่จุนถิงมีเงินห้าล้านหยวนแล้ว เขาก็ยุ่งอยู่กับเรื่องของบริษัทมาโดยตลอด
ถึงแม้ลี่จุนถิงสามารถสั่งการได้ แต่มีบางเรื่องก็ยังจำเป็นที่จะต้องลงมือทำเองถึงจะดี
ครึ่งเดือนให้หลัง บริษัทของพวกลี่จีถองก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นมาแล้ว ในส่วนของพนักงานก็มีเพียงพอแล้ว จึงเริ่มเข้าสู่การเริ่มทำธุรกิจเสียที
เช้าของวันนี้ ลี่จีถองรู้สึกว่าตนจัดการงานได้พอสมควรแล้ว จึงนั่งดูละครโทรทัศน์อยู่ในห้องทำงาน
“ก๊อก……ก๊อก…”หน้าประตูมีเสียงเคาะประตูเกิดขึ้น
ลี่จีถองขมวดคิ้ว กำลังดูได้อรรถรสอยู่ในช่วงที่สำคัญของเรื่องอยู่พอดี แล้วจู่ๆก็มีคนมารบกวน จึงทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย“เข้ามา”
ผู้ช่วยเปิดประตูเข้ามา น้ำเสียงที่ไม่ค่อยชอบใจของลี่จีถองก็ดังขึ้นอีกครั้ง“มีเรื่องอะไร?”
“ผู้จัดการลี่ค่ะ เมื่อกี้พนักงานชั้นล่างบอกว่าได้รับหมายศาลของคุณหนึ่งฉบับค่ะ ฉะนั้นดิฉันจึงได้เอาขึ้นมาให้คุณค่ะ”ผู้ช่วยยืนพูดอยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม
“หมายศาล?”ลี่จีถองขมวดคิ้ว“เอามาดูสิ”
ผู้ช่วยยื่นหมายศาลให้อย่างมีมารยาท
ลี่จีถองนั่งตัวตรง เปิดหมายศาลดู เมื่อเห็นตัวหนังสือในหมายศาล เธอก็ต้องตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
ก่อนหน้านี้อวิ๋นเจิ้งซีไปทำผิดกฎแล้วติดหนี้สินไว้ยังไม่ได้ชดใช้คืนเลย
เดิมทีลี่จีถองคิดจะเบี้ยว พอให้ลี่จุนถิงลืมเรื่องนี้ไป หากภายหลังนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้อีกก็คงไม่ถือสาตนเท่าไหร่นัก
แต่ลี่จีถองคิดไม่ถึงเลยว่า ครั้งนี้ลี่จุนถิงจะเป็นปฏิปักษ์กับตนอย่างจริงจังเพื่อเจียงหยุนเอ๋อจริงๆ
ทันใดนั้นในใจของลี่จีถองก็ทั้งกระวนกระวายและโมโห
เสียใจที่ตนรับมือลี่จุนถิงไม่ได้เลย
ลี่จีถองเอาจดหมายศาลขยี้จนเป็นก้อนแล้วโยนทิ้งแรงๆ“ออกไป ไสหัวออกไป”
เสียงตวาดนี้ทำให้ผู้ช่วยต้องสะดุ้งตัวสั่น
ผู้ช่วยก้มหน้าแล้วรีบออกจากห้องทำงาน ตอนที่เดินมาถึงประตูยังเอามือตบหน้าอกของตนเบาๆอีกด้วย
หลังจากที่ผู้ช่วยไปแล้ว ลี่จีถองก็ได้กวาดสิ่งของทุกอย่างบนโต๊ะลงไปกองกับพื้นทันที
หลังจากที่ได้ระบายความโกรธแล้ว ลี่จีถองก็ยังคงไม่รู้วิธีแก้ไขปัญหาเหมือนเดิม ควรทำยังไงดีนะ เงินจำนวนมากมายเช่นนี้ตนไม่มีปัญญาเอาออกมาเลย
เวลานี้ลี่จีถองจึงได้แต่ร้องขอให้ผู้อื่นช่วยเหลือเท่านั้น
เธอกับเจียงหนิงเอ๋อต่างไม่ชอบใจกัน เธอจึงไปหาส้งหวั่นหวั่น
แต่ว่าตอนที่หาตัวส้งหวั่นหวั่นเจอ ส้งหวั่นหวั่นกับเจียงหนิงเอ๋อกำลังตีกอล์ฟกันอย่างเพลิดเพลินกันอยู่
ลี่จีถองเห็นทั้งคู่หัวเราะอย่างเบิกบานเช่นนี้ ส่วนตนกลับพบเจอแต่เรื่องปวดหัวมากมาย จึงทำให้ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจขึ้นไปอีก
เดินเข้าไปโดยตรง จากนั้นก็โยนกระเป๋าถือไปที่โต๊ะ
“อุ๊ย คุณลี่ ใครทำให้คุณอารมณ์เสียค่ะเนี่ย?”เจียงหนิงเอ๋อมองเธอแวบหนึ่ง เห็นเธอหน้าบึ้งตึงมาเชียว จึงอดไม่ได้ที่จะมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
ส้งหวั่นหวั่นเห็นลี่จีถองมาแล้ว จึงได้วางไม้ตีกอล์ฟในมือไว้ข้างๆ
“อาเล็กเป็นอะไรเหรอคะ?”เมื่อเทียบกับคำพูดเยาะเย้ยของเจียงหนิงเอ๋อแล้ว เห็นได้ชัดว่าส้งหวั่นหวั่นยังมีความจริงใจมากกว่า
เห็นลี่จีถองโกรธมากขนาดนี้ ยังเทน้ำให้เธอดื่มโดยเฉพาะอีกด้วย
ลี่จีถองเห็นส้งหวั่นหวั่นยังให้ความสำคัญกับตนอยู่บ้าง จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“หวั่นหวั่น”ลี่จีถองจับมือส้งหวั่นหวั่นไว้ พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า“ทำยังไงดี เช้านี้ฉันได้รับจดหมายจากศาลด้วย”
“หมายศาล?หมายศาลอะไร?”ส้งหวั่นหวั่นขมวดคิ้ว
ลี่จีถองถอนหายใจ“เฮ้อ เป็นหมายศาลของอวิ๋นเจิ้งซี ตอนแรกฉันคิดว่าจุนถิงจะไม่ถือสาหาความ ใครจะไปรู้ว่าเช้านี้ผู้ช่วยจะเอาหมายศาลมาให้ดู”
ส้งหวั่นหวั่นได้ฟังถึงตรงนี้ ยิ่งขมวดคิ้วลึกขึ้นมาอีก“อาเล็ก เรื่องนี้ต้องจัดการโดยเร็ว บริษัทของพวกเราพึ่งจะก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ยังไม่มีความมั่นคงเลย พึ่งเปิดบริษัทได้ไม่นานก็ได้รับหมายศาลแล้ว อีกหน่อยพวกเรายังต้องไปหาคนมาร่วมลงทุนอีก ถ้าคนอื่นรู้เข้า คงต้องแย่แน่นอน”