บทที่ 142 นี่เป็นการลักพาตัว
ลี่จีถองเห็นว่าเด็กคนนี้จัดการไม่ง่ายเลยจริงๆ : “แม่ของหนูป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว เลยบอกให้คุณป้ามารับหนูไปที่โรงพยาบาล”
“แต่ตอนที่คุณแม่ออกบ้านไปตอนเช้าก็ยังดูสบายดีอยู่เลย” ถวนจื่อรู้สึกสงสัยในคำพูดของลี่จีถองเป็นอย่างมาก
ลี่จีถองย่อเข่าลง แล้วพูดกับถวนจื่ออย่างอดทน: “นั้นก็เพราะคุณแม่ของหนูไม่อยากให้หนูเป็นกังวล เลยแกล้งทำเป็นสบายดี เพราะช่วงนี้แม่ของหนูงานยุ่งมาก ก็เลยล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล”
“คุณไม่ได้โกหกผมใช่ไหม?” ดวงตาใสแจ๋วของถวนจื่อจ้องมองไปยังลี่จีถอง
ลี่จีถองยิ้มเล็กน้อย: “คุณป้าหลอกที่ไหนกันล่ะ ป่วยจริงหรือเปล่า หนูไปดูก็รู้เองไม่ใช่เหรอ?”
ถึงแม้ถวนจื่อจะรู้สึกหวาดระแวงมาก แต่เขาก็เป็นห่วงเจียงหยุนเอ๋อมากด้วยเช่นกัน สุดท้ายจึงได้ขึ้นรถของลี่จีถองและออกจากสโมสรไป
ตกเย็น พอจัดการงานในมือเสร็จสีของท้องฟ้ายังดูเช้าอยู่ เจียงหยุนเอ๋อจึงเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่งและคิดว่าถ้าเธอไปรับถวนจื่อที่สโมสรตอนนี้ก็คงจะทันอยู่ จึงโทรศัพท์หาคนขับรถ
“ฮัลโหล วันนี้คุณไม่ต้องไปรับถวนจื่อแล้วนะคะ ฉันว่างพอดี เดี๋ยวจะไปรับเอง อืม ขอบคุณค่ะ”
หลังจากที่ขับรถมาถึงที่สโมสร ในตอนที่เจียงหยุนเอ๋อกำลังจะเข้าไปก็เห็นกลุ่มเพื่อนของถวนจื่อ
ทุกคนต่างก็รู้จักเจียงหยุนเอ๋อ เมื่อเห็นเธอจึงต่างพากันโบกมือทักทาย
เจียงหยุนเอ๋อยิ้มตอบกลับพวกเขา จากนั้นก็มองไปรอบๆ สักพัก แต่กลับไม่เห็นเงาของถวนจื่อ: “เอ๋ ทำไมถวนจื่อไม่อยู่ล่ะ?”
“ถวนจื่อ ถวนจื่อกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” มีคนถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“กลับไปแล้ว?” เจียงหยุนเอ๋ออดขมวดคิ้วไม่ได้
หรือจะเป็นเพราะวันนี้คนขับรถไม่ได้มารับ ถวนจื่อก็เลยกลับไปเอง?
แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ ถึงจะกลับบ้านเอง แต่ถวนจื่อก็น่าจะโทรศัพท์บอกตนเองก่อนล่วงหน้าสักคำสิ?
ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อมีร่องรอยความตื่นตระหนกวาบผ่าน ก่อนจะรีบบอกลาคนเหล่านั้นแล้วกลับบ้านไป
หลังจากที่มาถึงบ้าน เป็นดังที่เธอคาดการณ์ไว้ ถวนจื่อไม่ได้อยู่ที่บ้าน
“ถวนจื่อกลับมาหรือยัง?”เจียงหยุนเอ๋อคว้าตัวคนรับใช้คนหนึ่งไว้แล้วถาม
คนรับใช้ส่ายหน้าอย่างมึนงงเล็กน้อยและเอ่ยว่า: “ยังเลยค่ะ…วันนี้คุณชายน้อยยังไม่กลับมาเลยนะคะ”
ถ้าอย่างนั้น…ถวนจื่อไปไหนกันแน่?
“น่าชัง…มันเป็นอย่างไรกันแน่นะ…” เจียงหยุนเอ๋อกำหมัดแน่นด้วยความกังวล คิดไม่ออกไปชั่วขณะ
คนรับใช้ที่เห็นเหตุการณ์ ก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ จึงเดินมาหาด้วยความเป็นห่วงและถามว่า: “คุณชายน้อย หรือว่าคุณชายน้อย…จะเกิดเรื่องขึ้นแล้วคะ?”
เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วเตรียมที่จะตอบกลับ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนดังขึ้นเสียก่อน
คนที่โทรศัพท์เข้ามาก็คือลี่จีถอง พอได้เห็นชื่อนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
และก็ไม่รู้ว่า ลี่จีถองโทรมาหาตนเองในเวลานี้ทำไม
“ฮัลโหล” ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อกังวลใจมาก ดังนั้นตอนที่รับโทรศัพท์น้ำเสียงจึงดูไม่ค่อยดีเล็กน้อย
ส่วนลี่จีถองเองก็อยากจะเห็นเจียงหยุนเอ๋อร้อนใจแบบนี้
พอได้ยินน้ำเสียงของเธอ มุมปากของลี่จีถองก็ยกยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วเอ่ยว่า: “คุณหนูเจียง ตอนนี้คุณ…คงจะกำลังตามหาถวนจื่อสินะ?”
หัวใจของเจียงหยุนเอ๋อกำลังบีบแน่น จึงรีบเอ่ยถามเสียงดัง: “ถวนจื่ออยู่ในมือคุณ? คุณพาถวนจื่อไป?”
ลี่จีถองยิ้มบางๆ ไม่ได้ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? ถ้าคุณทำร้ายถวนจื่อล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
ดูเหมือนว่าในเวลานี้เจียงหยุนเอ๋อแทบจะสูญเสียสติสัมปชัญญะของตนเองไปหมดแล้ว อยากที่จะรีบพุ่งไปหาลี่จีถองเพื่อรับถวนจื่อกลับมา
“ถ้าอยากเจอถวนจื่อล่ะก็ เอาเงินมาให้ฉันห้าล้าน ไม่อย่างนั้น…ฉันจะไม่เกรงใจเขาแล้ว ฉันเชื่อว่า เธอคงไม่อยากเห็นฉากนั้นหรอก ใช่ไหม?”
น้ำเสียงของลี่จีถองนั้นนุ่มนวลมาก แต่ในคำพูดนั้นแฝงร่องรอยของการข่มขู่ไว้อย่างชัดเจน
เจียงหยุนเอ๋อกัดฟัน ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะโกรธมาก แต่พอคิดว่าถวนจื่อตกอยู่ในกำมือของลี่จีถองแล้ว เธอจึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลามมาก
“ลี่จีถอง คุณมีเรื่องอะไรก็มาลงที่ฉัน ทำร้ายลูกฉันจะนับว่าเป็นความสามารถอะไร?” เจียงหยุนเอ๋อพูดอย่างโกรธเคืองและดูถูกเหยียดหยามการกระทำของลี่จีถองมาก
แต่สำหรับลี่จีถองแล้วขอเพียงบรรลุเป้าหมายของตนเอง เธอก็ไม่เคยสนใจเรื่องอื่นมาตั้งนานแล้ว
“หึ ก็ไม่นับว่าเป็นความสามารถหรอก แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ต้องเชื่อฟังฉันนี่นา จริงไหม?” ลี่จีถองยิ้มเบาๆ แล้วเอ่ย
“คุณทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร! นี่มันเป็นการลักพาตัว รู้ไหม?”
เจียงหยุนเอ๋อพูดกับลี่จีถองอย่างเดือดดาล
ลี่จีถองจึงหัวเราะขึ้นมา แต่คราวนี้ยิ่งหัวเราะแบบไม่เก็บอาการแล้ว ดูเหมือนจะตั้งใจทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าเธอ
“จะเรียกว่าการลักพาตัวได้อย่างไรกันล่ะ? เขาเต็มใจตามฉันมาเอง เธออย่าพูดจาใส่ร้ายคนอื่นสิ”
ลี่จีถองพูดอย่างผ่อนคลายสบายๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับเจียงหยุนเอ๋อที่กำลังกังวลใจอยู่
“ตอนนี้ฉันก็แค่ให้เขามาเป็นแขกที่วิลล่าของฉัน ไม่ได้มีความหมายอื่นเลย เธอก็อย่าเข้าใจผิดสิ”
ในขณะที่ลี่จีถองพูดก็เหลือบมองถวนจื่อที่อยู่ข้างๆ ไปด้วย พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
หึ ตอนนี้คนที่สำคัญที่สุดของเจียงหยุนเอ๋ออยู่ในมือเธอแล้ว เธอไม่เชื่อหรอกว่าเจียงหยุนเอ๋อจะไม่ยอมประนีประนอมกับตนเอง
“คุณ!” เจียงหยุนเอ๋อร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดไม่รู้ว่าควรจะโต้แย้งอย่างไร
“ถึงอย่างไรก็…ไปดูกล้องวงจรปิดได้ ก็จะเห็นเองว่าฉันไม่ได้ลักพาตัวเขา ดังนั้น ถึงเธอจะไปบอกตำรวจก็คงไม่มีประโยชน์ ทางที่ดีฉันแนะนำให้เธอเชื่อฟังจะดีกว่า แล้วก็อย่าคิดจะเล่นลูกไม้อะไร เธอคงจะเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?”
ลี่จีถองพูดไปด้วยพร้อมเล่นกำไลข้อมือตัวเองไปพลางๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังสบายใจอย่างมาก
หลังจากที่วางสายเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อก็รีบไปที่วิลล่าของลี่จีถอง
ลี่จีถองเองก็คงรู้ว่าเธอจะมา เลยรีบเปิดประตูไว้ให้เธอ
พอเข้าไปในวิลล่า เจียงหยุนเอ๋อก็รีบเดินผ่านลี่จีถองไป จากนั้นก็เห็นถวนจื่อที่ถูกผู้คุ้มกันสองคนคุมตัวไว้
“ถวนจื่อ!” เจียงหยุนเอ๋อคิดที่จะเข้าไป แต่ก็มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หลายคนยืนบังเธอไว้
“หม่ามี้!” ถวนจื่อยืนอยู่ตรงนั้นแล้วร้องตะโกนเรียกเจียงหยุนเอ๋ออย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เป็นเพราะเธอไม่ดูแลถวนจื่อให้ดี ทำให้ถวนจื่อต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้อย่างไร้เหตุผล
“เงินล่ะ?” ลี่จีถองขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นว่าสองมือของเจียงหยุนเอ๋อนั้นว่างเปล่า ก็ทนไม่ไหวแล้วเอ่ยเร่งรัด
เจียงหยุนเอ๋อหันกลับมามองเธอ แล้วถามกลับ: “ฉันเอาเงินมาที่ไหนกัน?”
พอได้ยิน ลี่จีถองก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เธอให้เจียงหยุนเอ๋อมาที่นี่ก็เพื่อเงิน แต่ปรากฏว่าตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อบอกว่าเธอไม่ได้เอาเงินมา?
นี่หลอกตนเองใช่ไหม?