หลินหว่านจากมาด้วยความรู้สึกผิดหวังมากมาย รุ่นพี่ที่เธอเคยชื่นชอบทำไมจึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยเห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์จนหน้ามืดตามัวไปหมด
เย็นนั้น เซียวจิ่งสือเห็นท่าทีหลินหว่านดูไม่มีความสุขนัก จึงถามเธอว่าเกิดเรื่องอะไร หลินหว่านส่ายหน้า ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเซียวจิ่งสือ
หลังจากนั้นต่อมาอีกหลายวัน สวี่เหวินอีโทรหาหลินหว่านทุกวัน แต่หลินหว่านทำเหมือนไม่เห็น ไม่รับเลยสักสาย
สวี่เหวินอีคิดจะใช้ประโยชน์จากบ้านตระกูลเซียว ทำให้บริษัทของตัวเองเติบโตก้าวหน้าขึ้น ส่วนอันซิงก็อยากจะสร้างความลำบากให้กับเซียวจิ่งสือและหลินหว่าน ทำให้บ้านตระกูลเซียวอับจนสิ้นหนทาง
เป้าหมายของทั้งสองแม้จะไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็ไม่ขัดแย้งกัน ดังนั้น ทั้งสองจึงพูดคุยร่วมมือกันได้
วันนี้ หลินหว่านได้รับข้อความหนึ่งจากสวี่เหวินอี ข้อความว่า ‘หลินหว่าน ขอโทษด้วย วันนั้นผมผิดไปแล้ว เนื่องจากบริษัทเกิดวิกฤตขึ้น ผมร้อนใจมากจึงคิดแผนเลวร้ายเช่นนั้นออกมา ตอนนี้พอมานึกดูแล้ว เป็นความผิดของผมเอง อย่างไรก็ตาม บ่ายวันนี้เราจะพบกันสักครั้งได้ไหม ผมอยากจะกล่าวขอโทษกับคุณด้วยตัวเอง หวังว่าคุณจะยอมให้อภัยผม’
จากนั้น สวี่เหวินอีก็ส่งที่อยู่แห่งหนึ่งมาให้ พร้อมแนบข้อความว่า ‘หลินหว่าน ผมอยากจะขอโทษคุณด้วยใจจริง ถ้าคุณไม่มา ผมจะรออยู่นี่ไปตลอด’
หลินหว่านพอได้รับข้อความก็คิดว่า ถ้าหากเธอมีบริษัทของตัวเอง แล้ววันหนึ่งประสบวิกฤต เธอก็คงขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักที่มีอำนาจวาสนาเช่นกัน จะโทษว่าสวี่เหวินอีก็ไม่ได้
ตอนบ่าย หลินหว่านมาถึงสถานที่ที่นัดพบกับสวี่เหวินอี
หลินหว่านคิดในใจว่า นี่อาจเป็นการพบกับสวี่เหวินอีเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะเธอยังรู้สึกไม่ดีกับการที่สวี่เหวินอีให้เธอไปขโมยหนังสือโครงงานของเซียวจิ่งสือ เธอจึงไม่อาจรู้สึกกับรุ่นพี่ที่ตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ได้เหมือนกับเป็นรุ่นพี่คนเดิมที่สำรวมสุภาพได้อีก…
“หลินหว่าน ดื่มกาแฟสักแก้วก่อนเถอะ” เสียงพูดของสวี่เหวินอีดังขัดความคิดของหลินหว่าน เขายื่นแก้วกาแฟให้เธอ
หลินหว่านรับเอามาอย่างไม่ได้ตั้งแง่ระแวดระวังอะไร ดื่มคำหนึ่งแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
“หลินหว่าน คุณไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนี้หรอก” สวี่เหวินอีพูดเสียงเรียบ แต่พอเขาเห็นว่าหลินหว่านดื่มกาแฟแก้วนั้นลงไป ก็แอบรู้สึกดีใจไม่ได้
“รุ่นพี่คะ คุณมีคำพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะค่ะ” หลินหว่านไม่อยากพูดมากกับสวี่เหวินอี
สวี่เหวินอีหน้าหุบฉับ แต่เขายังพูดต่อว่า “หลินหว่าน เรื่องวันนั้นผมทำผิดเอง แต่เป็นเพราะบริษัทผมเกิดวิกฤตขึ้น เกิดร้อน่ใจก็เลยคิดวิธีการแบบนั้นขึ้นมา หลินหว่าน คุณยกโทษให้ผมได้ไหม?”
“รุ่นพี่คะ ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณค่ะ แต่ว่า…” หลินหว่านมองสวี่เหวินอี ถึงยังไงเธอก็พูดตัดเยื่อใยไม่ออก หลินหว่านชะงักไปวูบ แล้วถามขึ้นว่า “รุ่นพี่คะ สถานการณ์บริษัทของรุ่นพี่ยังดีอยู่ไหมคะ ภาวะวิกฤตเป็นยังไงบ้างแล้วคะ”
“ก็ยังพอไปได้อยู่” สวี่เหวินอีบอกปัดพอให้พ้นตัว อันที่จริงบริษัทเขามีวิกฤตที่ไหนกัน ทั้งหมดนี้ก็แค่เป็นข้ออ้างเพื่อให้หลินหว่านช่วยขโมยแผนโครงงานออกมาให้เขาเท่านั้นเอง
“งั้นก็ดีแล้วค่ะ” หลินหว่านเห็นว่าสวี่เหวินอีไม่อยากเล่าให้เธอฟัง จึงไม่ถามมากความ
แต่แล้วในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลินหว่านรู้สึกเวียนศีรษะ เธอวางแก้วกาแฟลง มือข้างหนึ่งกุมศีรษะอีกข้างจับโต๊ะไว้ พูดว่า “ฉันมึนหัวจังค่ะ รุ่นพี่ รบกวนช่วยส่งฉันไปโรงพยาบาลหน่อยได้ไหมคะ”
สวี่เหวินอีเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่ายาที่เขาใส่ไว้ในถ้วยกาแฟออกฤทธิ์แล้ว จึงเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมาในที่สุด บอกกับหลินหว่านว่า “ไปโรงพยาบาลทำไมกันล่ะ หลินหว่าน ผมจะบอกให้นะ วันนี้คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
หลินหว่านพอได้ฟังก็ตกใจมาก รู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว ที่แท้รุ่นพี่ที่เธอชื่นชอบสมัยมัธยม มีโฉมหน้าแท้จริงเป็นแบบนี้เอง
ตอนนั้น หลินหว่านก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “หลินหว่าน ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
หลินหว่านเห็นอันซิงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหน มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ หลินหว่านตกใจมาก เซียวจิ่งสือบอกกับเธอว่าอันซิงติดคุกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเธอยังมาอยู่ที่นี่ได้?
“อันซิง…ธ…เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไง?” หลินหว่านศีรษะมึนงงไปหมด เธอถามอันซิงอย่างระวังตัว
“ฮึ เพราะฉันจะแก้แค้นแกนะสิ! วันนี้ ฉันจะให้แกชดใช้ในสิ่งที่แกติดค้างฉันไว้ทั้งหมด!” อันซิงพูดเสียงเย็น พลางมองหลินหว่านอย่างเคียดแค้น/เกลียดชัง
“ธ…เธอ…” หลินหว่านคิดจะพูดอะไร แต่ยาออกฤทธิ์ ทำให้ตลอดร่างไม่มีเรี่ยวแรง พูดอะไรไม่ออกอีก
“คุณหนูอัน เราไปจากนี่กันก่อนเถอะ” สวี่เหวินอีพูดกับอันซิง เมื่อวานเขาเพิ่งได้รู้ว่าอันซิงเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลอัน เขาจึงมีท่าทีเกรงอกเกรงใจกับเธอ
สวี่เหวินอีอุ้มหลินหว่านขึ้น ยัดเข้าที่นั่งด้านหลังรถของเขา อันซิงนั่งที่นั่งข้างคนขับ ส่วนเขานั่งในตำแหน่งคนขับ ขับรถไปยังชานเมือง
ตอนนี้ในใจหลินหว่านเปี่ยมด้วยความสิ้นหวัง ใครจะไปนึกว่าอันซิงจะร่วมมือกับสวี่เหวินอีวางแผนทำร้ายเธอ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะพาเธอไปที่ไหนอีก
สวี่เหวินอีขับรถเป็นเวลานาน สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่โรงงานร้างแห่งหนึ่ง
พอถึงที่ สวี่เหวินอีลงจากรถ แบกร่างหลินหว่านจากที่นั่งด้านหลังออกมา มือเท้าของหลินหว่านถูกมัดไว้ได้แต่ปล่อยให้เขาแบกเข้าโรงงาน แล้วโยนร่างเธอไว้ที่ข้างกองสินค้าเก่า
“แค่ก…แค่ก…” หลินหว่านทนกับความเจ็บปวดที่ถูกโยนลงกับพื้น และสำลักฝุ่นที่กระจายฟุ้งขึ้นมา
เสียงอันซิงดังใกล้เข้ามา “หลินหว่าน แกคอยดูไปเถอะ วันนี้ทั้งแกกับเซียวจิ่งสือฉันจะไม่ปล่อยไปสักคน ฉันจะเอาคืนที่พวกแกทำกับฉันไว้ทั้งหมด!”
พูดจบ อันซิงก็หยิบมือถือขึ้นมา โทรหาเซียวจิ่งสือ
สัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น “ตู๊ด…ตู๊ด…” หลินหว่านมองดูแล้วพบว่ามือถือที่อันซิงใช้อยู่เป็นมือถือของเธอ
“หว่านหว่าน มีอะไรเหรอ?” ไม่นานนักก็มีคนรับสาย หลินหว่านได้ยินเสียงอบอุ่นนุ่มนวลของเซียวจิ่งสือดังมาจากปลายสายอีกด้าน
“เซียวจิ่งสือ ตอนนี้หลินหว่านอยู่ในมือฉัน ถ้าคุณอยากช่วยเธอ ก็มาที่โรงงานร้างแถบชานเมืองนี่คนเดียว จำไว้ คุณมาคนเดียวเท่านั้น ห้ามแจ้งตำรวจ ห้ามมีคนอื่น ไม่อย่างนั้น…”
“อันซิง? เธอทำอะไรหลินหว่านน่ะ?” เซียวจิ่งสือถามมาในโทรศัพท์อย่างโกรธเกรี้ยว
“ไม่อย่างนั้น คุณจะไม่ได้เห็นเธออีก!” อันซิงพูดเสียงเย็นเฉียบ
(เนื้อหาท่อนนี้ขัดแย้งกับตอนที่ 191– ผู้แปล)
พูดจบ อันซิงก็วางสาย ตอนนั้นเองหลินหว่านรวบรวมกำลังทั้งหมดร้องตะโกนออกมาว่า “เซียวจิ่งสือ คุณอย่ามานะ!”
หลินหว่านตะโกนสุดเสียง โทรศัพท์ไม่มีเสียงอะไรอีก เซียวจิ่งสือกำมือถือไว้แน่น โทสะพลุ่งพล่านอยู่ในใจ แต่เขายังขับรถออกไป มาถึงสถานที่ที่อันซิงบอกไว้อย่างรวดเร็ว
“หึหึ เซียวจิ่งสือ คุณมาจนได้นะ” สวี่เหวินอีพอเห็นเซียวจิ่งสือ ก็เหยียดยิ้มอย่างหมายมาด
เซียวจิ่งสือมาถึงโรงงานแล้วพบว่าที่นี่ไม่เพียงมีหลินหว่านที่ถูกจับตัวมากับอันซิง แต่ยังมีคนที่เขาเคยพบหน้ามาก่อน เพื่อนมัธยมของหลินหว่าน…สวี่เหวินอี
เซียวจิ่งสือเห็นดังนั้นก็คิดจะดึงความสนใจของพวกเขา จะได้ช่วยหลินหว่านออกมา