บทที่ 162 เอาให้ตายไปซะ
เจียงหยุนเอ๋อที่ถูกผู้ชายสองคนจับไว้นั้น คิดหาวิธีเอาตัวรอดไม่ออกเลย ในตอนนี้ ในใจเธอนอกจากรู้สึกสับสนกระวนกระวายใจแล้วก็ยิ่งยากที่จะคิดหาวิธีอะไรได้อีก
ทำยังไงดี……ตอนนี้ควรทำยังไงดี?
คราวก่อนที่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ สุดท้ายแล้วก็เป็นซู่จี้งยี้ช่วยตัวเองออกมาได้
แต่เจียงหยุนเอ๋อรู้ดีว่าครั้งนี้ ซู่จี้งยี้ไม่มีทางโผล่มายังที่นี่ตอนนี้แน่นอน
ส่วนลี่จุนถิง เมื่อกี้เพิ่งโทรศัพท์คุยกับเขา……
ก็น่าจะไม่มีใครคิดว่าตอนนี้จะเกิดเหตุการณ์อันตรายอย่างนี้ขึ้น แม้แต่ตัวเจียงหยุนเอ๋อเอง ก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
และเพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่วงหน้า ดังนั้น เจียงหยุนเอ๋อในตอนนี้ยิ่งหมดหนทางไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกกลัวจนก้าวถอยหลังออกไป แต่สองคนนั้นก็ยิ่งเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น
“เหอะ เหอะ จนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังคิดจะหนีอยู่อีกเหรอ?” หนึ่งในนั้นถูมือตัวเองไปมาด้วยท่าทางเฝ้ารอ แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาจ้องมองไปยังเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อข่มความกลัวตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แล้ว น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือขึ้นมา : “ฉันจะเตือนพวกแกเอาไว้นะ อย่าทำอะไรที่มันเกินไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางปล่อยพวกแกไว้แน่!”
“เหอะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ชายสองคนนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างดูถูกดูแคลน “คำพูดน่ากลัวแบบนี้ ฉันได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เธอคิดว่าฉันจะกลัวเหรอ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้วมั้ง?”
ขณะพูด ชายคนนั้นก็ยื่นมือไปเชยคางของเจียงหยุนเอ๋อ
ทันใดนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองสั่นระริกขึ้นมา เบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความอึดอัด
“พวกแกออกไปให้พ้นฉันนะ!”
เมื่อรู้สึกได้ว่าสองคนนั้นเข้ามาใกล้ นอกจากจะขยะแขยงและหวาดกลัวแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็แทบไม่รู้สึกอะไรอีกเลย
แต่ว่า ต่อให้เธอพูดออกไปแบบนั้น ชายสองคนนั้นก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด
สายตามองไปยังสองคนนั้นที่เริ่มลวนลามตัวเอง เจียงหยุนเอ๋อจึงได้เริ่มปัดป้องเป็นพัลวัน
ตอนแรกเธอยังพอมีความหวังว่าจะโชคดีอยู่บ้าง คิดว่าสองคนนั้นจะยอมปล่อยเธอ หรืออาจจะมีพลเมืองดีผ่านมาเห็นเข้าแล้วช่วยตัวเองเอาไว้
แต่ว่า ถึงตอนนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็รู้ว่าไม่มีทางเกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้นแน่นอน
ตอนนี้สิ่งที่เธอพึ่งพาได้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือตัวเธอเอง
ฉะนั้น เจียงหยุนเอ๋อจึงได้เริ่มปัดป้องตัวเองจากพวกนั้น
“พวกแกปล่อยฉัน! ปล่อยฉันนะ!”
เจียงหยุนเอ๋อผลักสองคนนั้นออกไป แต่ไม่ว่าจะยังไงก็สู้แรงสองคนนั้นไม่ได้
ถึงแม้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะอยากชนะแค่ไหน จะพยายามหนีออกไปจากตรงนี้ยังไงก็ตาม แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงพ่ายแพ้ ถูกสองคนนั้นดักเอาไว้ในตรอกนี้ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย
“ฮ่าฮ่า วันนี้พวกเราจะได้เสพสุขกับยัยผู้หญิงคนนี้แล้ว ค่ำมืดแบบนี้ ไม่ว่ายังไง พวกเราก็จะได้สุขสมกันแน่ แกว่าหรือเปล่า?”
หนึ่งในนั้นยิ้มชั่วร้ายออกมา หันไปพูดกับอีกคนหนึ่ง
สองคนสบตากัน แล้วค่อย ๆ หัวเราะออกมา เมื่อเจียงหยุนเอ๋อได้ยินเสียงหัวเราะนั้น ก็รู้สึกระคายหูเหลือเกิน
เธอหันไปมองรอบ ๆ ทิศทางด้วยความหวังสุดท้าย แต่กลับพบว่ารอบ ๆ ตัวไม่มีสิ่งของอะไรที่สามารถเอามาป้องกันตัวเองไว้ได้เลย
และเมื่อเธออาศัยพละกำลังของตัวเอง ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือสองคนนี้ไปได้
หรือว่า……คืนนี้เธอต้องพบกับความอัปยศอดสูอย่างนี้เหรอ?
ทำไมกันนะ ทำไมเธอต้องมาเจอกับเรื่องอย่างนี้ด้วย?
ในท้องของเธอ……ยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่นะ ถ้าหากถูกทรมานอย่างนี้ คงปกป้องเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้หลันเยว่เฉินเคยบอกไว้แล้ว ว่าเด็กคนนี้อ่อนแอมาก……ถ้าหาก……
หลังจากนี้ เจียงหยุนเอ๋อไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว แต่ว่าเธอในตอนนี้ ยังสามารถทำอะไรได้อีกล่ะ!
เจียงหยุนเอ๋อสับสนกระวนกระวาย บนหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาไม่น้อย ในใจก็ร้อนรนคิดหาทางรอด แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
และในขณะที่เธอกำลังเร่งรีบใช้ความคิดอยู่นั้น นักเลงสองคนนั้นก็ได้จับเธอไว้อีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ในสถานการณ์คับขัน เจียงหยุนเอ๋อที่คิดหาวิธีอื่นไม่ออกก็ได้ก้มหน้าลงไปกัดมือของพวกนั้นเข้าอย่างแรง
เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีกัดลงไป แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของผู้ชายพวกนั้นออกมา
“โอ๊ย!”
ถึงแม้มันจะปล่อยมือออกแล้ว แต่การที่เจียงหยุนเอ๋อทำแบบนี้ยิ่งทำให้ทั้งสองคนโมโหมากขึ้นไปอีก
“ยัยบ้านี่ อยากตายนักใช่ไหม?”
ผู้ชายคนนั้นจ้องเขม่นไปที่เจียงหยุนเอ๋อ คิดไม่ถึงว่าเจียงหยุนเอ๋อยังจะทำอย่างนี้
ต้องบอกว่าที่เจียงหยุนเอ๋อกัดนั้นค่อนข้างเจ็บมากทีเดียว เมื่อเห็นว่ามือตัวเองแดงแจ๋ ราวกับจะบวมปูดขึ้นมา
เมื่อเห็นดังนั้น ชายสองคนนั้นก็ยิ่งโมโหเกรี้ยวกราดทันที
ตอนแรกยัยผู้หญิงคนนี้ก็ทำลายแผนการของพวกเขา ตอนนี้ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีอีก ดูท่า พวกเขาก็คงไม่จำเป็นต้องออมมือให้แล้วล่ะ
หนึ่งในนักเลงนั้นยกมือตัวเองขึ้นสูง เห็นได้ชัดว่ากำลังทำท่าจะทุบตี
เมื่อเห็นท่าทางของเขา เจียงหยุนเอ๋อก็รีบป้องกันท้องตัวเองเอาไว้ เธอไม่ยอมให้ลูกในท้องของตัวเองได้รับอันตรายใด ๆ เด็ดขาด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ทันใดนั้น นิ่งเสวียนโม่ก็ได้โผล่เข้ามาราวกับปาฏิหาริย์
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกประหลาดใจ วินาทีที่หันหน้าไปมองแล้วเห็นนิ่งเสวียนโม่นั้นเธอก็รู้สึกตกตะลึงทันที
เห็นนิ่งเสวียนโม่เปรอะเปื้อนไปทั้งตัว มุมปากก็มีคราบเลือดติดอยู่ ดูก็รู้ว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
เจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าทางที่ได้รับบาดเจ็บของเขาก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน แต่ทว่านิ่งเสวียนโม่ที่บาดเจ็บสาหัสนั้น ก็ยังพุ่งเข้ามาโดยไม่ห่วงตัวเอง เพื่อจะปกป้องเจียงหยุนเอ๋อ
“พวกแกทำร้ายเธอไม่ได้นะ!” ถึงแม้จะบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แต่นิ่งเสวียนโม่กลับยังทำในสิ่งที่ผู้ชายควรจะทำ ยืนหยัดที่จะให้เจียงหยุนเอ๋อไปหลบอยู่ด้านหลังของตัวเอง
สายตาของนักเลงสองคนนั้นดูล่องลอยคาดเดาไม่ได้ แต่ว่า พวกเขากลับไม่สนใจนิ่งเสวียนโม่เลยสักนิด
“เจ็บตัวหนักขนาดนี้แล้ว? ยังจะทำเป็นกล้าหาญอีกเหรอ?” หนึ่งในนั้นหัวเราะออกมาอย่างดูแคลน
“ถ้าอย่างนั้น ก็เอาให้ตายไปซะดีไหม?” อีกคนหนึ่งยิ้มแล้วพูดออกมา
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกตกใจ มองไปยังนิ่งเสวียนโม่
แต่ทว่า นิ่งเสวียนโม่ทำราวกับไม่ได้ยินที่สองคนนั้นพูดออกมา เพียงแค่หันไปมองเจียงหยุนเอ๋อ
“คุณรีบวิ่งไป ไม่ต้องห่วงผม!”
นิ่งเสวียนโม่อุตส่าห์มาช่วยตัวเองเอาไว้ เจียงหยุนเอ๋อจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวแล้วทิ้งเขาไว้ที่นี่ได้ยังไง?
เจียงหยุนเอ๋อเลยส่ายหน้า เอ่ยพูด : “ไม่……ฉันไปไม่ได้……”
“อ๊ะ!” นิ่งเสวียนโม่ที่ยังไม่ทันได้ตอบกลับเจียงหยุนเอ๋อ ก็ถูกพวกนั้นเตะจนล้มไปกองกับพื้น
เมื่อเห็นเขาถูกสองคนนั้นรุมกระทืบ เจียงหยุนเอ๋อก็รีบตะโกนออกมา : “พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ขณะที่นิ่งเสวียนโม่กำลังจะถูกกระทืบจนตาย ถวนจื่อก็ได้พาตำรวจรีบเข้ามาทันที