บทที่ 176 จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
อีกด้าน เพราะชื่อเสียงของบริษัทเจียงหยุนเอ๋อได้ความเสียหายไปมาก ทำให้ตอนนี้มีคนเรียกร้องที่จะคืนสินค้ามากขึ้น
พูดได้ว่า หลายวันมานี้ชีวิตของเจียงหยุนเอ๋อผ่านไปได้แย่มาก ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเลี้ยงดูถวนจื่ออยู่ต่างประเทศเพียงลำพัง แต่เธอก็ไม่เคยต้องรุ่มร้อนใจเหมือนอย่างตอนนี้
ทุก ๆ วัน เธอนั่งอยู่ในห้องทำงาน อดกังวลใจไม่ได้ว่าจะได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนจากลูกค้าอีก
ถึงแม้เธอไม่ได้พบกับลูกค้าเหล่านั้นโดยตรง แต่เมื่อได้ยินข้อมูลแบบนี้ขึ้นมา เธอก็รู้สึกใจไม่ดี
ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป……ไม่รู้ว่าบริษัทจะขาดทุนมากมายขนาดไหน ตอนนี้บริษัทอื่นได้เริ่มฉกฉวยโอกาสนี้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
ถ้าหากไม่สามารถรีบแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้ทัน บริษัทของพวกเขาอาจจะถูกบริษัทอื่นเข้ามาแทนที่ได้ ในใจของผู้บริโภคคงไม่เหลือความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับพวกเรา
เห็นเจียงหยุนเอ๋อวุ่นอยู่กับเรื่องที่บริษัทจนผอมลงเรื่อย ๆ ลี่จุนถิงที่เฝ้าดูอยู่ ก็รู้สึกปวดใจมาก แต่ที่ทำให้เขาหัวเสียมากขึ้นไปอีกก็คือ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังช่วยอะไรไม่ได้สักนิด
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจียงหยุนเอ๋อก็ได้มาขอความช่วยเหลือด้วยตัวเองแล้วแท้ ๆ แต่ว่า……ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามลงมือได้อย่างแยบยลมาก จนเขาหาช่องโหว่ที่ผิดปกติไม่ได้เลย
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ต้องปล่อยให้เจียงหยุนเอ๋อสู้จนตายไปข้างหนึ่งเหรอ?
ขณะที่ลี่จุนถิงรู้สึกหงุดหงิดอยู่นั้น เขาก็ได้รับข้อมูลที่ผู้ช่วยส่งมาให้ ว่ามีบัญชีธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์บัญชีหนึ่งมีเงินเข้ามาจากบริษัทเซียวซื่อ
แต่ว่า หลังจากที่สืบหาแล้วพบว่าคนคนนั้นเป็นชาวต่างชาติ และบริษัทเซียวซื่อเองก็ปกปิดความลับอย่างดี
ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่สามารถสืบหาข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์มากนัก แต่ลี่จุนถิงก็ไม่ปล่อยข้อมูลที่หามาอย่างยากลำบากไปเฉย ๆ เขาให้ผู้ช่วยซู่จี้งยี้สืบหาประวัติของชาวต่างชาติคนนั้นต่อไป ห้ามพลาดข้อมูลใด ๆ ไปทั้งสิ้น
หลังจากที่ซู่จี้งยี้ได้รับคำสั่งก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบไปสืบหาข้อมูลต่อทันที
จากนั้น ซู่จี้งยี้ก็เริ่มสืบหาเรื่องนี้ต่อไป เป็นเพราะเสียใจกับเรื่องนี้มาก ลี่จุนถิงจึงได้เอาแต่สอบถามความคืบหน้ากับซู่จี้งยี้ตลอด ซู่จี้งยี้ก็คอยรายงานความคืบหน้าด้วยความอดทนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ในที่สุดวันหนึ่ง ลี่จุนถิงก็รู้สึกว่าตัวเองคอยเฝ้าถามอย่างนี้ทุกวันไม่ดีเท่าไหร่ ถึงแม้จะร้อนใจ แต่ซู่จี้งยี้ก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ตัวเองไม่จำเป็นต้องไปเร่งรัดเขาอย่างนี้
ถ้าหากได้เรื่องอะไร ไม่ต้องรอให้เขาถาม ซู่จี้งยี้ก็ต้องรีบมาบอกตัวเองอยู่แล้ว
ดังนั้น ลี่จุนถิงก็ไม่ได้ไปคอยถามเร่งรัดอะไรซู่จี้งยี้อีก ได้แต่บังคับใจตัวเองให้อดทนรอ
พูดถึงก็แปลก ก่อนหน้านี้บริษัทพวกเขาก็เคยผ่านวิกฤตอย่างนี้มาแล้ว แต่ลี่จุนถิงก็ไม่ได้ร้อนใจอะไรขนาดนี้ กลับนิ่งเฉยด้วยซ้ำไป
เพราะเขารู้สึกว่าความสามารถที่ตัวเองมีนั้น ไม่มีเรื่องไหนที่เขาจัดการไม่ได้
ปรากฏว่า ตอนนี้เมื่อได้เผชิญหน้ากับเจียงหยุนเอ๋อ เขากลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนตัวเขาเองแล้ว
อาจจะ……เป็นอย่างที่คนพูดกันว่าเป็นห่วงจนเกินไป?
ลี่จุนถิงไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ใจอะไร กลับคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวทีเดียว
แม้แต่ซู่จี้งยี้ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ถูกลี่จุนถิงเร่งรัดทุกวันอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดใจ กลับรู้สึกว่าลี่จุนถิงในตอนนี้ใช้ชีวิตติดดินมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย และมีน้ำใจมากขึ้นด้วย
เห็นลี่จุนถิงเปลี่ยนไปอย่างนี้ ซู่จี้งยี้ค่อนข้างรู้สึกดีทีเดียว
เจียงหยุนเอ๋อในตอนนี้ ไม่ได้พักผ่อนดีมาหลายวันแล้ว ทุกวันวิ่งเต้นจัดการเรื่องที่บริษัท ถึงแม้เลิกงานกลับมาบ้านแล้ว เธอก็ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการด้วยตัวเอง
นานวันเข้า เธอก็ไม่มีเวลาว่างไปรับถวนจื่อ ทุก ๆ วันได้แค่ให้คนขับรถคอยไปรับไปส่ง
เดิมทีถวนจื่อยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่ถวนจื่อนั้นก็ฉลาดเข้าใจอะไรได้ดี รู้ดีว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่ใช่ไม่มีเหตุผลที่ไม่มารับตัวเอง แต่มีเรื่องของตัวเองที่จำเป็นต้องจัดการ ดังนั้นจึงไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร
กลับมาถึงบ้าน บางครั้งถวนจื่อก็อยากออดอ้อนเจียงหยุนเอ๋อบ้าง แต่ว่า……
“หม่ามี้ ไม่เล่นเป็นเพื่อนถวนจื่อนานแล้วนะครับ นี่เป็นของเล่นที่แด๊ดดี้เพิ่งซื้อให้ถวนจื่อ หม่ามี้เล่นเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ?”
มองไปยังเจียงหยุนเอ๋อที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานกำลังตั้งใจอย่างมาก ถวนจื่อก็รู้สึกลังเลใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าเดินหน้าเข้าไป อยากให้เจียงหยุนเอ๋อเล่นกับตัวเองสักครู่
เพราะเขากับเจียงหยุนเอ๋อไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินเสียงถวนจื่อ ก็ค่อย ๆ เงยหน้ามามองเขาเล็กน้อย เอ่ยพูดเชิงขอโทษว่า : “ถวนจื่อ หม่ามี้กำลังยุ่งอยู่เลย เดี๋ยวอีกสักพักจัดการเรื่องงานเสร็จแล้วค่อยไปเล่นกับลูกนะ โอเคไหมครับ?”
พูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้รอให้ถวนจื่อตอบกลับ ได้แต่ก้มหน้าทำงานต่อไป
เมื่อเห็นดังนั้น แววตาของถวนจื่อก็มีความผิดหวังแฝงออกมา
ถึงแม้จะเดาได้ว่าเจียงหยุนเอ๋อน่าจะยังมีงานอีกมากมายให้จัดการ แต่ถูกปฏิเสธทันทีอย่างนี้ ถวนจื่อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจขึ้นมา
แต่ถึงแม้จะคิดอย่างนี้ ถวนจื่อก็ไม่ได้คิดจะรบกวนเจียงหยุนเอ๋อต่อ ในใจยังคงมีความคาดหวังอยู่
ไม่แน่ รอให้เจียงหยุนเอ๋อทำงานเสร็จแล้ว ก็อาจจะมาเล่นกับตัวเองก็ได้!
ถวนจื่อเฝ้ารออย่างใจเย็น สุดท้ายก็รอจนหลับไป ไม่สามารถรอจนเจียงหยุนเอ๋อทำงานเสร็จได้
เจียงหยุนเอ๋อยุ่งกับงานจนถึงกลางดึก นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองรับปากจะเล่นเป็นเพื่อนถวนจื่อ เพียงแต่ถวนจื่อในตอนนี้นั้นได้นานหลับไปนานแล้ว
มองถวนจื่อที่กำลังหลับลึกอยู่นั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา
ช่วงนี้ตัวเองหมกมุ่นกับเรื่องงานมากเกินไปแล้ว ไม่ได้ดูแลถวนจื่อให้ดี แม้แต่อยู่เป็นเพื่อนลูกตามปกติก็ทำไม่ได้
ตัวเอง……ช่างเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ
เจียงหยุนเอ๋อกัดปากตัวเอง สีหน้าดูว้าวุ่น
แต่ว่า เธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องที่บริษัทได้……แล้วควรทำยังไงดีล่ะ?
ทันใดนั้นเอง ลี่จุนถิงที่ยืนอยู่นอกห้อง ได้เดินช้า ๆ เข้ามาหยุดอยู่ที่ด้านหลังเจียงหยุนเอ๋อ แล้วตบไหล่เธอเบา ๆ
“หยุนเอ๋อ”
เจียงหยุนเอ๋อหันกลับไปมอง ฝืนยิ้มออกมา : “ทำไมนายยังไม่พักผ่อนอีกล่ะ?”
“ฉันรอนอนพร้อมเธอ” ลี่จุนถิงยิ้มแล้วพูดออกมา
ได้ยินอย่างนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็เงียบลงทันที
ผ่านไปสักพัก เธอถึงได้เอ่ยพูดเสียงต่ำ : “นายว่า……ช่วงนี้ฉันละเลยถวนจื่อเกินไปหรือเปล่า?”
ที่จริงลี่จุนถิงก็ไม่อยากให้เจียงหยุนเอ๋อทำงานหนักขนาดนี้ เลยพูดปลอบใจว่า : “เรื่องที่บริษัทน่ะ ที่จริงเธอไม่ต้องรีบร้อนเกินไป ยังไงซะ……บริษัทก็ไม่ล้มง่ายขนาดนั้นหรอก”
“แต่ว่า……ฉันวางใจไม่ได้จริง ๆ……กลัวว่าปัญหาจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ……” เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยพูดอย่างเป็นทุกข์
ลี่จุนถิงโอบไหล่ของเธอ ดึงเธอเข้ามากอด : “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ”
ได้ยินเสียงของลี่จุนถิง วินาทีนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมากทันที