บทที่ 177 หมาป่าเจ้าเล่ห์
ทั้งสองคนได้กลับมาที่ห้องของตัวเอง เจียงหยุนเอ๋อยังคงอิงซบอยู่ในอ้อมกอดของลี่จุนถิง
ก่อนที่จะรู้จักลี่จุนถิง เธอไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ที่จริงแล้ว……ไหล่ของอีกคน ก็สามารถให้เธอพักพิงได้เหมือนกันนะ
และไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกหนักใจใด ๆ ทั้งนั้น
ในตอนนี้เอง ที่เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่า ต่อให้ต้องผ่านไปอย่างยากลำบาก แต่การที่ได้รู้จักลี่จุนถิงถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากเหลือเกินจริง ๆ
วันถัดมา ขณะที่ถวนจื่อตื่นขึ้นมา ก็สะลึมสะลือนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้มาเล่นกับตัวเอง ก็รู้สึกโกรธงอนขึ้นมา
แต่ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อมาเรียกเขาไปทานอาหารเช้านั้น เห็นใบหน้าที่อ่อนโยนของเจียงหยุนเอ๋อ ถวนจื่อก็รู้สึกว่าเจียงหยุนเอ๋อนั้นยังคงห่วงใยตัวเองมาก
อาจจะเป็นเพราะเธอมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการจริง ๆ ดังนั้นช่วงนี้เลยสนใจตัวเองน้อยลงไปหน่อย
ถวนจื่อปลอบใจตัวเองอย่างนี้
เห็นท่าทางของถวนจื่อ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกเป็นห่วงที่เมื่อวานตัวเองผิดคำพูดจนทำให้ถวนจื่อเสียใจ เลยรีบเดินเข้าไป คุกเข่าลงแล้วมองตาถวนจื่อ
“ถวนจื่อ เมื่อวานหม่ามี้งานยุ่งมากจริง ๆ จนลืมมาเล่นเป็นเพื่อนลูก ต่อไปนี้จะไม่ทำอย่างนั้นแล้ว ดีไหมครับ?”
เห็นแววตาที่จริงใจของเจียงหยุนเอ๋อ ถวนจื่อก็เชื่อใจขึ้นมาทันที ครั้งนี้ เจียงหยุนเอ๋อคงไม่ผิดคำพูดกับเขาแล้ว
“ครับ ถวนจื่อเชื่อหม่ามี้ แต่ว่า ถ้าหม่ามี้ยุ่งจริง ๆ ล่ะก็ ถวนจื่อก็เล่นคนเดียวได้ครับ”
ถวนจื่อเอ่ยพูดเสียงเบา แต่น้ำเสียงยังคงมีความอาลัยอาวรณ์เจียงหยุนเอ๋อแฝงอยู่ เพียงแต่ไม่อยากให้เจียงหยุนเอ๋อลำบากใจ เลยพูดออกไปอย่างนั้น
ได้ยินถวนจื่อพูดออกมาอย่างนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกปวดใจ ขณะเดียวกันก็นึกคิดทบทวนตัวเอง
ถวนจื่ออายุยังน้อยขนาดนี้ กลับคิดคำนึงถึงตัวเองทุกเรื่อง แต่ตัวเองล่ะ? พองานยุ่งขึ้นมานิดหน่อย ก็เอาถวนจื่อทิ้งไว้ข้างหลัง
หากพูดกันขึ้นมาจริง ๆ แล้ว เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองยังทำไม่ดีเท่าถวนจื่อด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็ได้จูงมือถวนจื่อเดินไปยังโต๊ะอาหารด้วยกัน
ลี่จุนถิงก็เพิ่งเก็บของเสร็จ เลยได้ทานข้าวพร้อมพวกเขาพอดี
ทานไปเรื่อย ๆ ถวนจื่อก็เงยหน้าขึ้นมากะทันหัน แล้วเอ่ยพูด : “แด๊ดดี้ หม่าที้ พรุ่งนี้โรงเรียนพวกเราจัดกิจกรรมครับ ต้องให้พ่อแม่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย แด๊ดดี้กับหม่ามี้……มีเวลาว่างไหมครับ?”
ถวนจื่อกระพริบตาปริบ ๆ พลางเอ่ยถาม แววตานั้นแสดงออกว่ากำลังลองใจ
เขารู้ว่าพ่อและแม่ของตัวเองช่วงนี้งานยุ่งมาก ดังนั้นเลยไม่ได้คาดหวังอะไรเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นก็แค่มองดูเพื่อนคนอื่นเขาเล่นกันก็พอ
ยังไงเสีย ขอแค่เขารู้ว่า พ่อแม่ของตัวเองยังคงรักตัวเองอยู่ ก็เพียงพอแล้ว
เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไปสักครู่ ถึงแม้รู้ว่าอาจจะต้องสละเวลาของตัวเองสักช่วงไป แต่หลังจากที่เมื่อวานลี่จุนถิงพูดอย่างนั้นกับตัวเอง เธอก็คิดได้ เห็นความสำคัญของการอยู่เคียงข้างกัน เลยตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
“ไม่มีปัญหาแน่นอนจ๊ะ” เจียงหยุนเอ๋อยิ้มแล้วพยักหน้า
ถวนจื่อคิดไม่ถึงว่าเจียงหยุนเอ๋อจะตอบตกลงรวดเร็วอย่างนี้ แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที น้ำเสียงเอ่ยถามด้วยความเหลือเชื่อ : “จริงเหรอครับ?”
เห็นปฏิกิริยาของถวนจื่ออย่างนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกตลก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดใจอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ตัวเองละเลยไปแค่ไหนกันนะ ตอนนี้เพียงแค่ตอบตกลงคำขอเล็กน้อยของถวนจื่อ ถวนจื่อถึงได้ดีใจขนาดนี้
“แด๊ดดี้ก็ไม่มีปัญหาครับ” ลี่จุนถิงตอบออกมาอย่างเรียบ ๆ
ได้ยินดังนั้น ถวนจื่อก็ดีอกดีใจขึ้นมาทันที ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาคงกระโดดโลดเต้นไปแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของถวนจื่อ ปากที่กำลังเม้มอยู่นั้นก็ค่อย ๆ ยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่รอให้ถวนจื่อตื่นเต้นดีใจให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเอ่ยถาม : “จริงสิ ถวนจื่อ โรงเรียนของลูกมีกิจกรรมอะไรล่ะจ๊ะ?”
ถวนจื่อเอียงหน้าคิดสักครู่ แล้วเอ่ยพูด : “เป็นกิจกรรมการแสดงครับ ผมจับฉลากได้หนูน้อยหมวกแดง มีตัวแสดงสามตัว หนูน้อยหมวกแดง คุณยาย และก็หมาป่าเจ้าเล่ห์ครับ”
เจียงหยุนเอ๋อมองตัวเองกับถวนจื่อ คิดว่าหนูน้อยหมวกแดงกับคุณยายน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่กับหมาป่าเจ้าเล่ห์นี่สิ……
ทั้งสองคนหันหน้าไปมองลี่จุนถิงอย่างพร้อมเพรียงกัน เจียงหยุนเอ๋อจินตนาการถึงลี่จุนถิงที่รับบทเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ก็รู้สึกตลกมาก แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าลี่จุนถิงคงไม่ยอมเสียหน้าไปทำเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะกับตัวเองแบบนั้นแน่
ถึงแม้อาจจะทำให้ถวนจื่อผิดหวังไปบ้าง แต่เจียงหยุนเอ๋อที่นึกถึงตอนที่ลี่จุนถิงต้องแต่งตัวสวมบทเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์นั้นก็มองหน้าเขาตรง ๆ ไม่ได้อีก
ครุ่นคิดอยู่สักครู่ เจียงหยุนเอ๋อก็คิดว่าอย่าให้ลี่จุนถิงไปทำเรื่องอะไรแบบนี้เลย เลยเอ่ยปากพูดเสนอแนะถวนจื่อ : “เอาอย่างนี้ไหม……ให้ป้าจางไปแสดงเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์?”
ลี่จุนถิงแทบไม่ต้องคิดเลย เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเจียงหยุนเอ๋อกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดแบบนั้นออกมา เลยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยพูดว่า : “ทำไมต้องไปรบกวนป้าจางด้วย? เรื่องนี้ ฉันก็ทำได้”
เจียงหยุนเอ๋อมองลี่จุนถิงด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง : “นายแน่ใจเหรอว่านายทำได้?”
“อืม ฉันทำได้” ลี่จุนถิงตอบออกมาด้วยความมั่นใจโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ถึงแม้ในใจจะแอบรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่ในเมื่อลี่จุนถิงพูดออกมาอย่างนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรอีก ได้แต่พูดว่า : “งั้นก็ได้ วันนี้ฉันจะไปเตรียมชุดเอาไว้ก่อน”
เช้าวันต่อมา เจียงหยุนเอ๋อตื่นแต่เช้าเพื่อแต่งหน้าให้ถวนจื่อ แล้วแต่งตัวให้เขาเป็นหนูน้อยหมวกแดง
ถวนจื่อที่อายุน้อยยังน้อย แถมหน้าตาน่ารัก แต่งตัวออกมาแบบนี้ ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าเขาก็เหมาะที่จะเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกันนะเนี่ย
“ถวนจื่อ ลูกดูสิ ลูกน่ารักขนาดนี้ ถ้าหากเป็นเด็กผู้หญิง ต้องมีเด็กผู้ชายมากมายมาชอบลูกแน่นอน” เจียงหยุนเอ๋ออดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อ
ถวนจื่อที่ถูกเจียงหยุนเอ๋อพูดล้อแบบนี้ก็หน้าแดงระเรื่อ บ่นพึมพำเสียงเบา ๆ ออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ : “ผมเป็นเด็กผู้ชายนะครับ! ไม่ใช่เด็กผู้หญิง ผมต้องการปกป้องหม่ามี้นะครับ!”
ได้ยินอย่างนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกอบอุ่นใจ และกิริยาท่าทางก็อ่อนโยนขึ้นด้วย
ในส่วนของเจียงหยุนเอ๋อนั้นคงไม่ต้องพูด แต่งตัวนิดหน่อยก็กลายเป็นคุณยายอายุน้อยได้แล้ว
หลังจากที่ทั้งสองแต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปหาลี่จุนถิง เห็นการแต่งตัวของทั้งสองคน ลี่จุนถิงก็ตกตะลึง เพราะไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้สักเท่าไหร่นัก
จากนั้นก็หยิบเอาชุดหมาป่าเจ้าเล่ห์มาจากมือเจียงหยุนเอ๋อ เจียงหยุนเอ๋อเห็นว่าลี่จุนถิงยกปากขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ
ชุดนี้มีส่วนหัว เสื้อผ้า ถุงมือ ถุงเท้า แล้วก็ยังมีหาง……
“ฉัน……ต้องใส่ชุดนี้เหรอ?” ลี่จุนถิงพูดออกมาด้วยความคาดไม่ถึง