บทที่ 180 ไม่ได้ทำ ทำไมต้องยอมรับ
“ฮ่ะ” หลี่หรูหยู้แสยะยิ้มออกมา “ระวังอย่าให้มันล้ำเส้นมากเกินไปเหรอ? ระวังอะไรล่ะ? ขโมยก็คือขโมย เธออยู่ตรงนี้จะเสแสร้งอะไรอีกล่ะ คิดว่าตัวเองเป็นดอกบัวขาวเหรอ? เหอะ ไม่ดูตัวเองเลยว่าสภาพตัวเองเป็นยังไง”
ตอนที่หลี่หรูหยู้พูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าท่าทางเหมือนตัวเองสวยที่สุด ถึงแม้ผู้ปกครองคนอื่นจะไม่เห็นว่ารูปร่างหน้าตาของหลี่หรูหยู้นั้นน่าชมเชย แต่เจียงหยุนเอ๋อที่ถูกตราหน้าว่าเป็นหัวขโมย ก็ไม่มีอะไรน่าชื่นชมเหมือนกัน
เจียงหยุนเอ๋อโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เธอรู้สึกว่าหลี่หรูหยู้รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว แต่เธอต้องอดทน เธอไม่สามารถทำเหมือนหลี่หรูหยู้ที่ด่าทอคนอื่นในที่สาธารณะ ปากสกปรกด่าว่าคนอื่น
เห็นเจียงหยุนเอ๋อไม่พูดจา หลี่หรูหยู้ก็คิดว่าเจียงหยุนเอ๋อขี้ขลาดตาขาว เลยพูดต่ออีก : “ฉันพูดให้ทุกคนฟังคำแนะนำของฉันไว้หน่อย พวกเราควรต่อต้านบริษัทที่แม่ของเจียงซิ่งหวีเปิด บริษัทอย่างนี้ ยิ่งล้มละลายได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้ไม่อยู่เอาเปรียบลูกค้า ทำร้ายผิวพรรณของทุกคน แล้วก็เจียงซิ่งหวี ก็ควรจะไล่ออกไปด้วย เด็กที่มีแม่แบบนี้ ก็คงไม่ใช่เด็กดีอะไรหรอก”
ผู้ปกครองจำนวนมากสีหน้าดูไม่ดี ไม่รู้ว่าควรอยู่ข้างใครดี
หลี่หรูหยู้ยังคงพูดบิดเบือนความจริงต่อไป : “ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันเรียนที่เดียวกับลูกของคนหลอกลวง กลัวจะถูกชักนำจนเสียนิสัย เด็กนั้นถ้าหากถูกสอนให้นิสัยไม่ดีตั้งแต่เด็ก ต่อไปก็เปลี่ยนแปลงยากแล้ว
ตัวเองถูกด่าว่า เจียงหยุนเอ๋อสามารถอดทนได้ แต่เมื่อได้ยินลูกของตัวเองถูกพูดถึงน่าเกลียดอย่างนี้ เธอไม่สามารถทนได้อีกเด็ดขาด ถ้าหากปล่อยให้หล่อนพูดตามใจชอบอย่างนี้ต่อไป หลังจากนี้จะมีเด็กคนไหนมาเล่นกับถวนจื่อล่ะ
เจียงหยุนเอ๋อเดินหน้าไปหนึ่งก้าว จ้องหลี่หรูหยู้อย่างโมโห : “เธอพูดว่าใครหลอกลวง?”
หลี่หรูหยู้ขณะที่พูดนั้นยโสโอหัง ไม่เห็นหัวใคร : “ฉันคิดว่าเจียงซิ่งหวีตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็นคนหลอกลวง ไม่แน่ในอนาคตอาจกลายเป็นขยะสังคมอีกด้วย คุณครูคะ รีบไปหาผู้อำนวยการโรงเรียนเถอะ ให้ผู้อำนวยการมาพูดกับทุกคนว่าจะเอายังไง เด็กแบบนี้จะให้เรียนต่อไปในโรงเรียนนี้ได้ยังไงกัน”
ลี่จุนถิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครสังเกตถึงเขา
ออร่าเขาเปล่งประกายขึ้นมา สายตาจ้องมองไปที่หลี่หรูหยู้อย่างเย็นยะเยือก เขาเงียบมาโดยตลอด เพราะเขาอยากดูว่าหลี่หรูหยู้จะพูดไปถึงขั้นไหน
แต่สุดท้ายกลับยังไม่รู้สำนึกว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ไม่รู้เลยหรือไงว่าพูดมั่ว ๆ ในที่สาธารณะจะได้รับผลอะไรตามมา
ลี่จุนถิงรู้เพียงว่าตอนนี้สีหน้าตัวเองบึ้งตึงถึงขีดสุด
เจียงหยุนเอ๋อโกรธจนตัวสั่นแล้ว
ตอนนี้คุณครูได้เดินออกมา ราวกับเป็นทูตสันติภาพที่พยายามพูดให้หลี่หรูหยู้สงบลง : “คุณนายหลี่ คุณอย่าเพิ่งกังวลไปเลย เรื่องนี้ต้องมีคนตรวจสอบอยู่แล้ว คุณอย่ากล่าวหาคุณแม่ของเจียงซิ่งหวีเลยนะคะ”
“กล่าวหางั้นเหรอ? เรื่องจริงก็เห็นอยู่ตรงนี้แล้ว ข่าวออกใหญ่โตไม่ใช่เหรอ? ทุกคนมีตากันทั้งนั้น ทุกคนดูเองได้” หลี่หรูหยู้คิดว่าตัวเองมีเหตุผลไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
คุณครูรู้สึกลำบากใจ มองไปทางเจียงหยุนเอ๋อ เธอรู้ดีว่าเจียงหยุนเอ๋อนั้นนิสัยดีใจเย็น : “คุณแม่เจียงซิ่งหวีคะ เรื่องนี้คุณลอง……”
“ไม่ได้ วันนี้ฉันต้องให้หล่อนขอโทษฉันกับลูกให้ได้” ยอมตายแต่ไม่ยอมโดนดูถูก
เจียงหยุนเอ๋อถึงแม้ปกติจะเป็นคนใจเย็นนิสัยดี แต่ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาหาเรื่องทำลายชื่อเสียงของลูกชายตัวเองเด็ดขาด
คุณครูมองทั้งสองฝ่ายอย่างลำบากใจ เธอก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เลยได้แต่วิ่งไปเรียกผู้อำนวยการมาที่นี่
ผู้อำนวยการเมื่อได้ยินว่ามีผู้ปกครองทะเลาะกัน ก็รีบมาทันที
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย?” ผู้อำนวยการมองไปทางผู้ปกครองที่อยู่รอบตัว อีกฝ่ายเป็นครอบครัวถวนจื่อที่โกรธหน้าดำหน้าแดง และอีกฝ่ายคือหลี่หรูหยู้ที่ทำท่าทางภูมิอกภูมิใจ
หลี่หรูหยู้หันคอไป แล้วพูดขึ้นมาช้า ๆ : “ผู้อำนวยการคะ ฉันจะยอมให้เด็กอย่างนี้เรียนอยู่ในโรงเรียนอนุบาลนี้ได้ยังไง?”
ผู้อำนวยการงงงวย ไม่เข้าใจว่าหลี่หรูหยู้หมายถึงอะไร
“คุณดูสิว่าแม่ของเจียงซิ่งหวีเป็นคนหลอกลวงนะ เธอหลอกคนตั้งมากมาย ทำไมถึงได้มีสิทธิ์อยู่ที่นี่ ซ้ำยังได้รางวัลที่หนึ่งอีกต่างหาก? ฉันคิดว่าคุณต้องไล่เจียงซิ่งหวีออก”
หลี่หรูหยู้พูดจบก็มีผู้ปกครองบางคนเห็นด้วยกับหลี่หรูหยู้
ผู้อำนวยการได้ยินดังนั้น ก็มองไปยังลี่จุนถิง เห็นสีหน้าโกรธจนเขียวปั้ดของลี่จุนถิง ก็นิ่งอึ้งไปทันที
เขาไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของลี่จุนถิงมาก่อน เลยกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง หัวก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี
ลี่จุนถิงแสยะยิ้มออกมา ถึงแม้จะเป็นเพียงน้ำเสียงเย็นชา แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงพลังโกรธของราชา : “วันนี้ฉันจะคอยดูว่ามีใครมีความสามารถขนาดนั้น กล้าไล่ลูกชายฉันออก?”
คำพูดของลี่จุนถิงเบามาก แต่กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจ
หลี่หรูหยู้ได้ยินคำพูดแบบนี้ ถึงแม้จะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ยังคงเชิดหน้าพูดต่อ : “พวกเธอดูสิ ดูสิ เขายังกล้าอวดดีขนาดนี้? ทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง? ทำผิดชัด ๆ แต่กลับไม่ยอมรับความผิด ซ้ำยังโยนความผิดให้คนอื่น ช่างทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย”
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องยอมรับผิด!” เจียงหยุนเอ๋อจ้องไปที่หลี่หรูหยู้
หลี่หรูหยู้ทำท่าทางรังเกียจ : “พอได้แล้ว เธอไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว อธิบายไปก็เหมือนปกปิด ยิ่งอธิบายก็เหมือนยิ่งปิดยิ่งฉาวโฉ่”
ผู้อำนวยการที่ได้ยินคำพูดของหลี่หรูหยู้ ก็รู้สึกเอือมระอา
สีหน้าเริ่มมีเหงื่อตก : “ผมว่าคุณนายหลี่ คุณพูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ปลาหมอจะตายเพราะปากเบานะ”
ผู้อำนวยการอยากให้หลี่หรูหยู้พูดน้อยลง ไม่เห็นหรือไงว่าบอสใหญ่กำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว?
“ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องกังวลปัญหานี้ ฉันเพียงแค่ชี้แจงข้อเท็จจริง ทุกคนว่าฉันพูดถูกไหม?” หลี่หรูหยู้พูดพลางมองไปยังผู้ปกครองคนอื่น ๆ
ผู้ปกครองคนอื่นพยักหน้า บางคนก็เหมือนกำลังคอยดูเรื่องราวอยู่ ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
“นี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แม่ของเจียงซิ่งหวีจะเป็นคนหลอกลวงได้ยังไง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ ๆ” ผู้อำนวยการรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองเริ่มสั่น อยากเช็ดเหงื่อให้ตัวเอง
“ฉันว่าผู้อำนวยการ คุณยังไงกันแน่เนี่ย?” หลี่หรูหยู้โมโหขึ้นมา “ทำไมคุณถึงได้ปกป้องผู้หญิงคนนี้ หรือช่วงนี้คุณไม่ได้ติดตามข่าว?”
“ผมได้ดูข่าวแล้ว” ผู้อำนวยการพยักหน้า
“งั้นคุณไม่รู้เหรอว่าหล่อนลอกเลียนแบบสูตรของบริษัทเซียวซื่อ?” หลี่หรูหยู้ชี้นิ้วไปทางเจียงหยุนเอ๋อ
ผู้อำนวยการยักไหล่ : “เรื่องนี้ไม่ใช่ว่ากำลังตรวจสอบอยู่เหรอ? ผลของเรื่องนี้ยังไม่ออกมา ก็ไม่สามารถให้คำตัดสินได้นี่”
หลี่หรูหยู้หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง : “ในเมื่อผู้อำนวยการปกป้องคนเลวพวกนี้ งั้นฉันคิดว่าฉันและลูกก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว ฉันจะพาลูกไปลาออกจากโรงเรียน”
หลี่หรูหยู้พูดออกมาแบบนี้ กลับทำให้ผู้อำนวยการรู้สึกโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีหลี่หรูหยู้ก่อกวนต่อไปอีก เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าลี่จุนถิงจะระเบิดอารมณ์ออกมา
“งั้นคุณก็ลาออกเถอะครับ” ผู้อำนวยการส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “อีกอย่าง ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องพูดกับคุณสักคำ ท่านนี้ คือผู้คุมอำนาจของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ท่านประธานลี่ ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาคือคุณนายลี่ คนหลอกลวงที่คุณกล่าวหาไม่หยุด มันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด”