บทที่ 208 กล้าแตะต้องคนของฉัน สมควรตาย
เจียงหนิงเอ๋อไปถึงบริษัทเซียวซื่อนั้น เกือบจะเจอลูกหลงแล้ว
หลายวันที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องตั้งมากมาย เดิมทีเซียวอี้เฟิงก็อารมณ์ไม่ดีมากแล้ว จู่ๆเห็นเจียงหนิงเอ๋อมาหาถึงที่ เขาก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
“คุณมาได้ยังไง?” เซียวอี้เฟิงขมวดคิ้ว ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความอ่อนโยนและความหวานเหมือนตอนที่คบกับเจียงหนิงเอ๋อในตอนแรก
สำหรับสถานการณ์แบบนี้ เจียงหนิงเอ๋อรู้แต่แรกแล้ว แล้วเธอเคยรู้สึกรักเซียวอี้เฟิงด้วยเหรอ? หากพูดกันขึ้นมา ก็แค่ต้องคนต่างได้ในสิ่งที่ต้องการก็เท่านั้น
แม้ว่าตอนนี้เซียวอี้เฟิงกำลังมีปัญหา แต่เจียงหนิงเอ๋อก็อยากจะได้เงินจากเขาอีกสักก้อน ดังนั้นจึงได้ปรับโทนเสียงของตัวเองให้อ่อนลงเล็กน้อย
“อี้เฟิง บริษัทเครื่องสำอางของฉันเกิดปัญหานิดหน่อย ดังนั้น……คุณสามารถที่จะยืมเงินให้ฉันสักก้อนได้มั้ย ให้ฉันผ่านวิกฤตนี้ไปก่อน?” เจียงหนิงเอ๋อมองสีหน้าที่ดูไม่ได้ของเซียวอี้เฟิง จริงๆแล้วภายในใจกระวนกระวายมาก
เพื่อให้บริษัทสามารถผ่านวิกฤตนี้ชั่วคราว เจียงหนิงเอ๋อทำได้เพียงของความช่วยเหลือนี้กับเซียวอี้เฟิงอย่างหน้าด้านๆ
“สถานการณ์บริษัทของผมตอนนี้คุณไม่เห็นเหรอ? มีเวลาสนใจเรื่องไร้สาระของคุณที่ไหนกัน!” อารมณ์ของเซียวอี้เฟิงเดิมทีก็แย่มากแล้ว บริษัทเซียวซื่อกำลังเผชิญกับวิกฤตทางการเงินที่ใหญ่มาก เจียงหนิงเอ๋อคนนี้กลับมาที่นี่เพราะเรื่องเงิน
เจียงหนิงเอ๋อถูกคำพูดนี้ของเขาทำให้ชะงัก ก็พูดออกไปโดยสัญชาตญาณ: “แต่ว่า……บริษัทนี้คุณลงทุนไปไม่น้อยเลยนะ หรือว่าตอนนี้คุณจะทนดูให้มันพังไปต่อไปหน้าต่อตาเหรอ?”
“ตอนนี้ผมยังเอาตัวเองไม่รอดเลย เซียวอี้เฟิงพูดขัดเจียงหนิงเอ๋ออย่างเบื่อหน่าย จะมีเวลาที่ไหนไปสนใจบริษัทของคุณ หากคุณเข้าใจ ก็อย่ามากวนผมอีกเลย ได้หรือเปล่า?”
เจียงหนิงเอ๋อเม้มปาก สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย
หลังจากออกมาจากบริษัทเซียวซื่อ เจียงหนิงเอ๋อกลับบ้านอย่างจำยอม ได้เอ่ยเรื่องนี้กับฟู้ชูเหม่ยแม่ของตัวเอง
“แม่คะ บริษัทเครื่องสำอางที่หนูได้ทำเรื่องกู้เงินกับทางธนาคารไว้ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จู่ๆทางธนาคารก็มาทวงหนี้ เจียงหนิงเอ๋อพูดอย่างเบื่อหน่าย ทางบ้านพอจะมีเงินให้หนูไปใช้หนี้ก่อนมั้ยคะ?”
เจียงเย่เฉิงคิดไม่ถึงว่าเจียงหนิงเอ๋อกลับมถึงบ้านก็นำข่าวที่เลวร้ายแบบนี้กลับมาด้วย ขณะนั้นก็ถามด้วยความโกรธ: “เรื่องมันยังไง? อยู่ดีๆ ทำไมจู่ๆจึงเป็นแบบนี้?”
“ต้องเป็นฝีมือของเจียงหยุนเอ๋อแน่เลย!” ฟู้ชูเหม่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง “เธออาศัยที่ตอนนี้มีลี่จุนถิงหนุนหลัง? ดังนั้นจึงได้บังอาจเล่นงานเราแบบนี้ หนิงเอ๋อ ไป แม่จะพาหนูไปคุยกับเธอ!”
ขณะที่พูด ฟู้ชูเหม่ยก็ได้ดึงมือของเจียงหนิงเอ๋อมาโดยตรง เดินออกไปข้างนอก
เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงครั้งก่อน ตระกูลที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ต่างรู้กันแล้ว ฟู้ชูเหม่ยก็รู้ว่าตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อนั้นอยู่ที่โรงพยาบาล
แต่ว่าเธอที่อยู่ตรงหน้าเจียงหยุนเอ๋อไม่อยากที่จะไว้หน้าอะไรทั้งนั้น ต่อให้เจียงหยุนเอ๋ออยู่โรงพยาบาลก็เถอะ ไม่สะดวกที่จะถูกรบกวน แต่เธอก็จะไปหาเจียงหยุนเอ๋อเพื่อถามให้ชัดเจน
……
สองสามวันมานี้เจียงหยุนเอ๋อนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ว่ายังไงมันก็กระทบครรภ์ของเธอ เพราะเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงจึงให้เจียงหยุนเอ๋อพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล
แม้ว่าจะยังคงคิดถึงเรื่องงานในบริษัท แต่สำหรับตัวเองที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ เจียงหยุนเอ๋อก็ใส่ใจอย่างมาก จึงไม่ได้คัดค้านลี่จุนถิง ก็เลยอยู่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เดิมทีลี่จุนถิงวางแผนไว้ว่าจะอยู่เฝ้าเจียงหยุนเอ๋อที่โรงพยาบาล แต่ว่าซู่จี้งยี้กลับโทรเข้ามาในเวลานี้ “คุณชายลี่ ที่บริษัทมีเรื่องต้องให้คุณมาจัดการด้วยเองครับ”
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว: “ทำไมกะทันหันแบบนี้?”
ซู่จี้งยี้ก็รู้ว่าลี่จุนถิงกำลังอยู่เฝ้าเจียงหยุนเอ๋อที่โรงพยาบาล หากไม่ใช่เพราะมีเรื่องด่วน เขาก็จะไม่โทรไป: “คุณชายลี่……การประชุมครั้งนี้สำคัญมากครับ”
“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว” พูดจบ ลี่จุนถิงก็วางสาย
ฟังจากสนทนาของลี่จุนถิง ไม่มากก็น้อยเจียงหยุนเอ๋อก็พอจะเดาออกบ้าง เงยหน้ามองไปที่ลี่จุนถิง: “จุนถิง หากบริษัทคุณมีงานคุณก็ไม่ทำก่อนเลย ทางฉันยังมีคนดูแลอยู่ คุณไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าฉันตลอดเวลา”
สีหน้าของลี่จุนถิงมีความลังเลเล็กน้อย ก็ได้ยินเจียงหยุนเอ๋อพูดต่อ: “จุนถิง ฉันไม่อยากให้คุณต้องมาเสียงานเพราะฉัน………”
ได้ฟังแบบนี้แล้ว ลี่จุนถิงก็ถอนหายใจอย่างจำยอม: “โอเค งั้นผมไปบริษัทก่อน จัดการงานเสร็จก็จะกลับมาเลย”
“อืม แต่คุณไม่ต้องรีบนะ ขับรถระวังด้วย” เจียงหยุนเอ๋อไม่ลืมที่จะกำชับ
จากนั้น ลี่จุนถิงก็ออกมาจากห้องผู้ป่วย เจียงหยุนเอ๋อนอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างเบื่อหน่าย สักพักก็หลับไป
สุดท้ายเจียงหยุนเอ๋อก็ถูกเสียงเอะอะโวยวายทำให้ตื่น
ฟู้ชูเหม่ยกับเจียงหนิงเอ๋อเดินมาถึงหน้าประตูคนไข้อย่างโกรธเคือง ผลักประตูห้องของเจียงหนิงเอ๋อออกแล้วก็เริ่มด่ากราดขึ้นมาทันที
“เจียงหยุนเอ๋อ เธอลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” ฟู้ชูเหม่ยเดินไปถึงข้างเตียงเจียงหยุนเอ๋อยื่นมือไปดึงผ้าห่มของเธอ
เจียงหยุนเอ๋อลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงง เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับเป็นฟู้ชูเหม่ย อึ้งไปเล็กน้อย
“คุณมาได้ยังไง?” น้ำเสียงของเจียงหยุนเอ๋อมีความแข็งเล็กน้อย เห็นได้ชัด ว่าเธอไม่อยากที่จะเห็นพวกเธอสองคน
ฟู้ชูเหม่ยหัวเราะอย่างเย็นชา: “ฉันทำไมจะมาไม่ได้? เธอควรที่จะถามตัวเองก่อน ทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้!”
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่” เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้ว หมดความอดทนต่อสองคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
สำหรับเธอแล้ว สองคนนี้ก็เหมือนตัวตลกที่ไม่มีเรื่องแล้วชอบหาเรื่อง มันช่างตลกและไร้สาระ
“โอ๊ย? ยังจะมาแกล้งโง่ต่อหน้าฉันอีกเหรอ? นึกว่าฉันไม่รู้อะไรเลยเหรอ? เจียงหยุนเอ๋อ ดูเหมือนถ้าฉันไม่สั่งสอนเธอหน่อย เธอก็คงจะไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร!”
ฟู้ชูเหม่ยกำลังพูดอย่างโหดเหี้ยม ได้ยกมือของตัวเองขึ้นมา เตรียมตัวที่จะตบไปเจียงหยุนเอ๋อ
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้ตัวแล้วว่าเธอจะทำอะไร เสียดายตอนนี้ร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อยังอ่อนแออยู่ ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาปะทะกับฟู้ชูเหม่ย
พอดีเวลานี้ จู่ๆชายคนหนึ่งก็ได้มาขวางหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเอาไว้ ใช้มือจับแขนของฟู้ชูเหม่ยเอาไว้ แล้วก็ผลักไปด้านหลังอย่างรุนแรง
“กล้าแตะต้องคนของผม คุณไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่มั้ย?” สีหน้าของลี่จุนถิงเข้มขรึมมาก พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเลย
ฟู้ชูเหม่ยอึ้งไปทันที ไม่คิดว่าลี่จุนถิงจะปรากฏตัวเร็วขนาดนี้ เมื่อกี้พฤติกรรมของตัวเองทำให้เธอไม่สามารถที่จะแก้ตัวใดๆได้อีก ดังนั้น ชั่วพริบตาเดียวฟู้ชูเหม่ยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“เอาตัวพวกเธอออกไปเดี๋ยวนี้!” สีหน้าแววตาของลี่จุนถิงเต็มไปด้วยความดุดัน สั่งการบอดี้การ์ดที่อยู่นอกประตู
ไม่นาน ฟู้ชูเหม่ยกับเจียงหนิงเอ๋อก็ถูกขับไล่ออกไป ลี่จุนถิงจึงได้ถอนสายตากลับมาที่เจียงหยุนเอ๋อ
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัวเบาๆ: “ไม่เป็นไรค่ะ”
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ลี่จุนถิงได้จัดบอดี้การ์ดหลายคนเฝ้าไว้ที่หน้าประตู เพื่อป้องกันคนที่ไม่หวังดีเข้ามา