บทที่245 เรื่องเด็ก ต้องเก็บเป็นความลับ
ลี่จุนซินรีบกลับไปที่บริษัท ไปที่ห้องทำงานของลี่จุนถิง
ไม่แน่ถวนจื่ออาจจะเจอลี่จุนถิงแล้ว……
“จุนถิง”ลี่จุนซินร้อนใจจนลืมเคาะประตู ก็เปิดประตูห้องของลี่จุนถิงเลย
ทำให้ลี่จุนซินคิดไม่ถึงว่า ส้งหวั่นหวั่นก็จะอยู่ที่ห้องทำงานด้วย
เดิมทีลี่จุนถิงจะโมโห เพราะว่าเขาไม่ให้ใครมาอยู่ตอนที่เขาทำงาน แม้แต่เคาะประตูก็ไม่เคาะ เลขาก็ยังไม่แจ้งก็เข้ามาเลย
แต่ตอนที่เห็นว่าคนที่มาคือลี่จุนซิน แววตาที่โมโหเล็กน้อยก็กลายเป็นสงสัย
ลี่จุนซินไม่ใช่คนที่จู่ๆจะพุ่งเข้ามาที่ห้องทำงานของตัวเองเลยแบบนี้
ลี่จุนถิงเงยหน้าถาม:“พี่ เป็นอะไร?มีเรื่องอะไร ดูร้อนรนขนาดนี้?”
ลี่จุนซินมองไปทั่วห้องทำงานของลี่จุนถิงแล้ว ก็พบว่าไม่มีร่างของถวนจื่อ
“เอ่อ……”ลี่จุนซินลังเลที่จะพูด
เธออยากถามลี่จุนถิงว่าเห็นถวนจื่อหรือไม่ แต่ถ้าเธอถามเรื่องนี้ไป งั้นลี่จุนถิงก็จะรู้เรื่องที่ถวนจื่อหาย
แล้วก็จะรู้เรื่องที่ตัวเองขังเจียงหยุนเอ๋อไว้ด้วย
คิดแบบนี้จึงเอาคำพูดที่ติดอยู่ที่ปากกลืนกลับไป
“ไม่มีอะไร พี่แค่มาดูเฉยๆ”ลี่จุนซินพูดไปก็รีบเปลี่ยนสายตาทันที ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่คะ งั้นเที่ยงนี้พวกเราไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?ฉันรู้มาว่าช่วงนี้มีร้านสเต๊กเปิดใหม่ ได้ยินว่ารสชาติไม่เลว เราไปลองกันเถอะ”
ส้งหวั่นหวั่นเห็นลี่จุนซิน จึงเชิญ
ตอนนี้ลี่จุนซินจะมีอารมณ์อยากกินที่ไหนกัน จึงปฏิเสธไป:“พวกคุณไปกันเถอะ ฉันไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า ให้เวลาพวกคุณสองคนอยู่ด้วยกันสองคน”
ตอนนี้ลี่จุนซินไม่มีความคิดอยากกินข้าว หาถวนจื่อไม่เจอแค่หนึ่งนาที ในใจของลี่จุนซินก็ไม่สามารถโล่งอกได้
ลี่จุนซินพูดจบก็หมุนตัวออกไป
ลี่จุนซินกับลี่จุนถิงสองคนพี่น้องเหมือนกันมาก ตอนที่เจอเรื่องแบบนี้ ไม่เคยถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ จะมีสติสุดๆ
ออกไปจากห้องทำงานของลี่จุนถิงแล้ว ลี่จุนซินเลยไปที่ยามรักษาความปลอดภัย
ถ้าถวนจื่อมาที่บริษัท ก็ต้องปรากฏตัวในกล้องวงจรปิด
ลี่จุนซินไปที่ห้องวงจรปิด
“คุณหนูลี่ คุณมาได้ไงครับ?”คนที่ดูแลกล้องวงจรปิดเห็นลี่จุนซินก็ตกใจ เดินเข้ามา
คนดูแลกล้องวงจรปิดรู้สึกแปลกใจหน่อยๆ วันนี้คนเบื้องบนทำไมจู่ๆก็พร้อมใจกันมาบ่อยแบบนี้ รู้ว่าที่ของตัวเองนี้เมื่อก่อนไม่มีเรื่องใหญ่อะไรก็จะไม่มากันที่นี่
เกิดเรื่องใหญ่อีกแล้วหรือไง?
แต่ก็ไม่ได้ยินว่าใครพูดว่าวันนี้บริษัทเกิดเรื่องใหญ่อะไร
ลี่จุนซินเดิมทีก็หงุดหงิดเพราะเรื่องของถวนจื่อแล้ว แล้วยังโดนคนดูแลกล้องวงจรปิดพูดแบบนี้ใส่ ใบหน้าของลี่จุนซินก็หม่นลง:“ทำไม?ฉันมาไม่ได้เหรอ?”
คนดูแลกล้องวงจรปิดรีบยิ้มอย่างประจบ:“ที่ไหนล่ะครับ ยินดีต้อนรับคุณหนูลี่ตลอดเวลาแหละ”
“ไม่ต้องไร้สาระกับฉันแล้ว รีบเอากล้องของวันนี้ออกมาให้ เริ่มตั้งแต่เช้าเลย”ลี่จุนซินหาเก้าอี้มานั่ง
คนดูแลกล้องวงจรปิดจะกล้าละเลยได้อย่างไร รีบเอาภาพวิดีโอกล้องของวันนี้ออกมา:“คุณหนูลี่ นี่คือส่วนของกล้องวงจรปิดวันนี้ คุณจะดูช่วงไหนครับ?”
“เริ่มตั้งแต่เข้างานตอนเช้า”ร่างของลี่จุนซินถอยไปข้างหน้า มองกล้องวงจรปิดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างละเอียด
แต่มองอยู่นาน เธอก็ไม่เห็นถวนจื่อ จึงผิดหวังหน่อยๆ
“คุณหนูลี่ คุณจะหาอะไรไหมครับ?”มองสภาพลี่จุนซินที่ดูร้อนใจ คนดูแลกล้องวงจรปิดก็ถามอย่างแปลกใจ
รู้ว่าคุณหนูลี่กับลี่จุนถิงต่างเป็นคนหน้านิ่งไม่เปิดเผยใดๆ มีลักษณะท่าทางแบบนี้เกิดขึ้นได้ไม่ง่ายเลย
“เปล่า โอเคไม่มีอะไรละ คุณทำงานต่อละกัน”ลี่จุนซินทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยิบกระเป๋าออกไปจากห้องวงจรปิด
เหลือเพียงแค่คนดูแลกล้องวงจรปิดที่ยืนเกาหัวอยู่ที่เดิม ไม่เข้าใจว่าวันนี้พวกเบื้องเป็นอะไรกัน
ส่วนอีกด้าน ส้งหวั่นหวั่นย้อนคิดไปถึงเรื่องเมื่อครู่ ยิ่งคิดยิ่งผิดปกติ
ท่าทางของลี่จุนซินเมื่อกี๊เหมือนกำลังหาอะไรอยู่ชัดๆ ตอนนี้ส้งหวั่นหวั่นคิดอย่างละเอียด เป็นไปได้มากที่ลี่จุนซินกำลังหาถวนจื่อ
ถ้าไม่ได้หาถวนจื่อ เธอไม่เปิดประตูมาแล้วไม่พูดอะไรแน่ ต่อหน้าลี่จุนถิงเธอจะต้องรอบคอบ
ไม่ได้ เธอจะต้องไม่ให้ลี่จุนซินเจอถวนจื่อ ไม่งั้นแผนการก็จะเปล่าประโยชน์
ส้งหวั่นหวั่นก็ยืนขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและขอโทษ:“โอ๊ย จุนถิง จู่ๆฉันก็คิดขึ้นมาได้ ที่บริษัทฉันมีเรื่องนิดหน่อย ต้องกลับไปก่อน ตอนเที่ยงน่าจะไปกินข้าวกับคุณไม่ได้”
ลี่จุนถิงยังคงก้มหน้าทำงาน พยักหน้านิ่งๆ ขี้เกียจสนใจ
ส้งหวั่นหวั่นชินกับท่าทีของลี่จุนถิงที่มีต่อตัวเองนานแล้ว ยังไงซะไม่กี่วันนี้ลี่จุนถิงก็จะเป็นของตัวเองแล้ว
ส้งหวั่นหวั่นลงมาจากตึก ไปที่เคาน์เตอร์ทันที
“คุณหนูส้งจะไปแล้วเหรอคะ?”ผู้หญิงเคาน์เตอร์ทั้งสองพูดประจบส้งหวั่นหวั่น
“พวกคุณสองคนตามฉันมา”ส้งหวั่นหวั่นโบกมือเรียกทั้งสอง
ผู้หญิงเคาน์เตอร์ทั้งสองสบตากัน ไม่กล้าตามเข้าไป:“คุณหนูส้ง พวกเรากำลังทำงานค่ะ ถ้าถูกคนรายงานว่าออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจะโดนไล่ออกได้”
จู่ๆท่าทีของส้งหวั่นหวั่นก็โหดขึ้นมา:“ใครกล้าไล่พวกคุณออกให้เขามาหาฉัน ฉันจะดูสิว่าใครกล้าพูดกับฉัน”
ได้ยินส้งหวั่นหวั่นพูดแบบนี้ ผู้หญิงเคาน์เตอร์ทั้งสองก็เดินตามหลังส้งหวั่นหวั่นไป
ส้งหวั่นหวั่นพาทั้งสองมาที่ห้องน้ำ
พอเข้าไป ส้งหวั่นหวั่นก็ไม่พูดอะไรมาก พูดไปตรงๆ:“เรื่องเด็กคนนั้นวันนี้ พวกคุณต้องเก็บเป็นความลับ อย่าพูดถึงให้ใครฟังทั้งนั้น”
ผู้หญิงเคาน์เตอร์ทั้งสองสบตากัน รู้สึกแปลกๆ ไม่เข้าใจสาเหตุที่ส้งหวั่นหวั่นทำ
ส้งหวั่นหวั่นพูดต่อ:“ฉันไม่หวังว่าเรื่องนี้จะสร้างปัญหาให้จุนถิง พวกคุณก็น่าจะได้ยินว่าช่วงนี้บริษัทกำลังทำโครงการใหญ่ จะไปรบกวนเขาเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ ทำให้กวนใจเขาไม่ได้”
ทั้งสองคิดว่าส้งหวั่นหวั่นพูดมีเหตุผล ก็พยักหน้ากัน
ส้งหวั่นหวั่นกลัวทั้งสองคนเก็บความลับไม่อยู่ ก็ตัดสินใจเอาความจริงบางอย่างมาซื้อไป:“ถ้าพวกคุณรับปากฉันว่าจะเก็บเป็นความลับ ฉันเลื่อนตำแหน่งให้พวกคุณได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาเป็นผู้หญิงที่อยู่เคาน์เตอร์ทุกวัน”
ทั้งสองได้ยินก็ใจเต้น แต่ก็ยังลังเลเล็กน้อย:“แต่ยามที่หน้าประตูก็เห็น”
สีหน้าของส้งหวั่นหวั่นหม่นลงเล็กน้อย รีบกำชับไปว่า:“คุณช่วยพูดกับยามสองคนนั้นให้ฉันด้วย ประโยชน์มักจะขาดพวกคุณไม่ได้ด้วย”
ส้งหวั่นหวั่นพูดไปก็หยิบถุงเงินมากำหนึ่งจากกระเป๋า ส่งให้ในมือของหญิงสาวสองคน