บทที่ 262 อย่าแต่งงานกับเธอ
หลังจากที่ทั้งสองคุยกันอีกสักพัก ส้งหวั่นหวั่นก็ดูนาฬิกาบนข้อมือแวบหนึ่งและแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาเล็กน้อย
“นี่ก็ไม่เช้าแล้ว พวกเราวันนี้คุยกันแค่นี้ดีกว่ามั้ย?” ส้งหวั่นหวั่นพูดออกมาเสียงเบาพลางชายตามองลี่หยูนห่วน
ลี่หยูนห่วนก็ดูออกว่าส้งหวั่นหวั่นไม่อยากอยู่กับตัวเองแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ชอบท่าทีทำตัวสูงส่งของส้งหวั่นหวั่น แต่สุดท้ายก็ยิ้มพยักหน้า “ตามสบายครับ”
หลังจากที่ส้งหวั่นหวั่นไปแล้ว สีหน้าของลี่หยูนห่วนก็ขรึมลงทันที
เขาที่ฉลาดเฉียบแหลมมาโดยตลอด จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าส้งหวั่นหวั่นตั้งใจทำให้ตัวเองต้องรู้สึกอึดอัดใจ ถึงแม้ส้งหวั่นหวั่นจะพยายามกลบเกลื่อนแล้ว แต่ความรู้สึกที่ดูแคลนตัวเองราวกับว่าฝังลึกอยู่ในกระดูก ทำให้คนแค่มองแวบเดียวก็รู้
“เหอะ ส้งหวั่นหวั่น เธอคิดว่าตัวเองเป็นอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยังมีประโยชน์ ฉันคงฉีกหน้ากับเธอนานแล้ว” ลี่หยูนห่วนสีหน้าอึมครึมพูดพึมพำเสียงเบา
นั่งต่ออีกสักพัก ลี่หยูนห่วนก็ลุกออกไปจากที่นั่น
ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตว่าลี่จุนซินนั่งอยู่ข้างๆพวกเขาสองคนตลอด บทสนทนาที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่นี้ ลี่จุนซินก็ได้ยินชัดเจนไม่ตกหล่นไปแม้แต่คำเดียว
สีหน้าของลี่จุนซินตอนนี้ไม่ค่อยดีมากนัก
เดินที วันนี้อารมณ์ของตัวเองก็ถือว่าไม่เลวจึงมาดื่มกาแฟที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวที่เกินความคาดหมายแบบนี้
หลังจากที่คิดทบทวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว คนที่ฉลาดเป็นพิเศษอย่างลี่จุนซินก็เข้าใจได้ในไม่นาน
เรื่องของเจียงหยุนเอ๋อกับลี่หยูนห่วนในครั้งนั้น หลังจากนั้นเธอก็ไปตรวจสอบมาแล้ว พบว่าคือลี่หยูนห่วนใส่ร้าย แต่ลี่จุนซินยังไงก็คิดไม่ถึงว่าจะมีส้งหวั่นหวั่นเป็นผู้ผลักดันอยู่เบื้องหลัง
แค่ยังไงก็คิดไม่ถึงว่า เบื้องหลังจะยังมีผู้ผลักดัน——ส้งหวั่นหวั่น
ความประทับใจที่ลี่จุนซินมีต่อส้งหวั่นหวั่นนั้นดีมาโดยตลอด ทั้งสองก็ถือว่าโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เธอก็รู้ดีถึงความคิดของส้งหวั่นหวั่น
แต่ลี่จุนซินคิดไม่ถึงว่าเพื่อที่จะได้ครอบครองลี่จุนถิง ส้งหวั่นหวั่นจะเลือกวิธีแบบนี้
และอีกอย่าง ตอนที่ลี่หยูนห่วนพูดถึงอุบัติเหตุรถยนต์ในครั้งนั้น สีหน้าของส้งหวั่นหวั่นก็ไม่เป็นธรรมชาติจริงๆ
หรือว่า เรื่องนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับส้งหวั่นหวั่นด้วย?
ได้ยินที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่ อุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้นน่าจะเป็นฝีมือของส้งหวั่นหวั่น แม้แต่เรื่องที่ถวนจื่อโดนวางยาก็เป็นฝีมือส้งหวั่นหวั่น
ถ้าพูดถึงช่วงแรกๆ เธอก็จะแค่คิดว่าส้งหวั่นหวั่นไม่สนใจว่าจะใช้วิธีการแบบไหนก็จะให้ได้มา แต่ถ้าเธอมีส่วนข้องเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์จริงๆ นั่นเป็นถึงชีวิตคนเลยนะ!
คิดถึงตรงนี้ ลี่จุนซินก็รู้สึกหลังของตัวเองหนาวสะท้านขึ้นมา ตัวก็สั่นไปด้วยเล็กน้อย
พระเจ้า ภายนอกของส้งหวั่นหวั่นดูเหมือนจะเป็นคนที่อ่อนโยนมีคุณธรรม แต่คิดไม่ถึงว่าลับหลังจะมีจิตใจที่อำมหิตขนาดนี้ นี่สินะที่เรียกว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ
นึกถึงถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนซินก็รู้สึกผิดขึ้นมาเต็มอก
อดีตเธอมักจะหาเรื่องเจียงหยุนเอ๋อตลอด ตอนนั้นเธอก็คือฟังคำยุยงของส้งหวั่นหวั่น คิดว่าน้องชายของตัวเองถูกเจียงหยุนเอ๋อใช้เสน่ห์ทำให้ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
ฉับพลันนั้น ลี่จุนซินพลันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าผู้หญิงที่ตัวเองชื่นชมมาโดยตลอด ลับหลังจะน่ากลัวได้ขนาดนี้
ในขณะเดียวกันเอง ลี่จุนซินก็รู้สึกผิดต่อเจียงหยุนเอ๋อมากขึ้น
ถึงแม้เธอจะไม่ได้ชอบอะไรเจียงหยุนเอ๋อมากนัก แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะทำอะไรกับชีวิตของเธอ
คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายแล้วตัวเองจะเป็นคนที่ช่วยคนเลวทำเรื่องไม่ดี
ลี่จุนซินก้มหน้าเล็กน้อย มือกำแก้วน้ำแน่นโดยไม่รู้ตัว ครั้งก่อนเธอทำกับเจียงหยุนเอ๋อขนาดนี้เป็นเรื่องที่ถูกหรือเปล่า?
ตอนนี้ดูๆแล้ว น้องชายของตัวเองคือชอบเจียงหยุนเอ๋อจริงๆ ส่วนเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ไม่สมควรตั้งแต่แรก นอกจากพ่อแท้ๆของถวนจื่อจะไม่ใช่ลี่จุนถิง
ถึงแม้ตัวเองจะอคติต่อเจียงหยุนเอ๋อ แต่ก็ไม่เคยคิดจะให้เจียงหยุนเอ๋อตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ไม่ว่าอย่างไร คนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีอย่างลี่จุนซิน ก็ไม่มีทางวางแผนทำร้ายชีวิตของคนแบบนี้ได้อยู่แล้ว
แต่ว่า ส้งหวั่นหวั่นซ่อนได้ลึกขนาดนี้ มีจิตใจที่อำมหิตเช่นนี้ ลี่จุนซินเองก็ดูไม่ออกเลยเหมือนกัน
ถ้ารู้แต่แรกว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเธอจะไม่มีทางร่วมมือกับส้งหวั่นหวั่นทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อเด็ดขาด ตอนนี้ทำให้ตัวเองต้องมาเสียใจขนาดนี้ จะโทษใครได้?
ส้งหวั่นหวั่น…..ตอนนี้ก็ไม่ใช่ภาพลักษณ์แบบเดิมในใจเธออีกต่อไป เธอเพื่อที่จะทำให้จุดมุ่งหมายของตัวเองสำเร็จถึงขนาดที่ไม่สนใจวิธีการแบบนี้ ถ้าแต่งเข้าตระกูลลี่จริงๆ จะเป็นเรื่องดีหรือเปล่า?
ตอนนี้ลี่จุนซินเริ่มที่จะสงสัยการตัดสินใจของครอบครัวตัวเองแล้ว
ลี่จุนซินไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ คนที่จิตใจอำมหิตแม้แต่เด็กก็ไม่ปล่อยไปแบบนี้ให้มาแต่งเข้าตระกูลลี่ สำหรับลี่จุนถิงและตระกูลลี่แล้ว จะเป็นเรื่องที่ดีหรือเรื่องที่ไม่ดีกันแน่
ลี่จุนซินคิดถึงตรงนี้แล้วก็รีบเช็กบิลออกจากร้านกาแฟทันที
ลี่จุนซินมาถึงบริษัท ลี่จุนถิงกำลังอ่านเอกสารในห้องทำงานอยู่
“จุนถิง” ลี่จุนซินมาถึงห้องทำงาน เห็นในห้องทำงานไม่มีคนจึงเปิดปากพูด “นายยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
ปากกาในมือของลี่จุนถิงชะงักพลันเงยหน้าขึ้นมองลี่จุนซินอย่างสงสัย “พอได้ ทำไมเหรอ?”
ลี่จุนซินพินิจพิเคราะห์เรียบเรียงคำพูดอยู่ในใจถึงค่อยเปิดปากพูด “วันนี้ที่พี่มา ก็คือจะมาบอกนายว่าอย่าแต่งงานกับส้งหวั่นหวั่น”
ลี่จุนถิงเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “พี่ แต่ก่อนพี่เห็นด้วยมากไม่ใช่เหรอ?”
ลี่จุนซินฝืนยิ้ม “นั่นมันแต่ก่อน ช่วงนี้พี่ลองคิดดูแล้ว งานแต่งของนายพินิจพิเคราะห์ดีๆอีกทีจะดีกว่า”
ลี่จุนถิงเห็นลี่จุนซินหลบสายตาด้วยเล็กหน่อย ก็คิดว่าต้องมีเส้นสนกลในอะไรเป็นแน่จึงเปิดปากถาม “พี่เจออะไรมาหรือเปล่า?”
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ จู่ๆลี่จุนซินจะมาหาตัวเองคุยเรื่องแบบนี้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยได้อย่างไร
ลี่จุนซินนึกถึงคำพูดที่ส้งหวั่นหวั่นพูดในร้านกาแฟ สีหน้าก็ซีดลงเล็กน้อยและรู้สึกหวาดกลัว แต่เธอก็ไม่ได้พูดความจริงออกมา “ครั้งนั้นคือพี่ขังเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อเอง แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่ก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ผมจะแต่งงานกับส้งหวั่นหวั่น?” ลี่จุนถิงจ้องลี่จุนซินเขม็ง
ลี่จุนซินเห็นว่าตัวเองจะปิดไม่มิดแล้วจึงเล่าเรื่องที่ได้ยินในวันนี้ที่ร้านกาแฟให้กับลี่จุนถิงฟัง
“พี่คิดไม่ถึงจริงๆว่าส้งหวั่นหวั่นจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ ภายนอกจิตใจดีอ่อนโยน แต่ลับหลังกลับทำเรื่องแบบนี้” ตอนที่ลี่จุนซินพูดประโยคนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ ไม่ควรเชื่อส้งหวั่นหวั่นเลยจริงๆ
ลี่จุนถิงที่ได้ยินลี่จุนซินพูด ก็ไม่ได้แสดงอาการตกใจออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว