บทที่260 ผู้หญิงคนนี้ ทรมานตัวเองเก่งจริงๆ
วันถัดมา จู่ๆ ซู่จี้งยี้ก็เข้ามาในห้องทำงานของลี่จุนถิง มองเขาด้วยท่าทีร้อนใจ ในใจของลี่จุนถิงก็รู้สึกเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
หรือว่า……มีข่าวของทางฝั่งเจียงหยุนเอ๋อแล้วงั้นเหรอ?
“คุณชายลี่ ข่าวดี!” หน้าของซู่จี้งยี้นั้นมีความดีใจ ถึงอย่างไรเขาพยายามมาหลายวันแล้ว ตรวจสอบดีๆ จะต้องเจอผลอะไรแน่นอน
หลายวันมานี้ ทุกๆ ครั้งที่ได้ยินว่าเจอข่าวคราวอะไรก็แล้วแต่ เขาไม่กล้าบอกกับลี่จุนถิงง่ายๆ เพราะกลัวว่าข่าวนี้มันจะไม่ถูกเท่าไหร่ สุดท้ายเองก็จะลงเอยด้วยความว่างเปล่า ความดีใจที่มีนั้นก็เลือนหายไป นั่นมันโหดร้ายเหลือเกิน
“ข่าวดีอะไรเหรอ?หาเจียงหยุนเอ๋อเจอแล้วเหรอ?” ลี่จุนถิงถามด้วยความร้อนใจ
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าลี่จุนถิงจะต้องมีท่าทีแบบนี้ แต่หลังจากที่ได้เห็นจริงๆ ซู่จี้งยี้ก็ยังรู้สึกเห็นใจ
ก่อนที่จะได้เจอเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงจะแสดงอาการแบบนี้ออกมาได้ที่ไหนกัน พูดได้เพียงว่า การปรากฏตัวของเจียงหยุนเอ๋อนั้นเปลี่ยนลี่จุนถิงไปมากเลยล่ะ
ซู่จี้งยี้เองก็ไม่อยากรีรอ เลยรีบตอบกลับไป:“หาเจอแล้ว พวกเราตามรอยที่เกิดอุบัติเหตุ จนสุดท้ายก็ได้เจอกับหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง คนในหมู่บ้านนั้นบอกกับพวกเราว่าก่อนหน้านี้พวกเขาช่วยคนสองคนบนรถเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือคุณนาย”
“จริงเหรอ?” แววตาของลี่จุนถิงนั้นเปล่งประกายขึ้นมา เขาที่ดูไม่มีชีวิตชีวาหลายวันที่ผ่านมา ดูแล้วมีชีวิตชีวากลับขึ้นมาแล้ว “งั้นตอนนี้เจียงหยุนเอ๋ออยู่ที่ไหนเหรอ?”
“พวกเราหาคนที่ช่วยเอาไว้ แต่ตามที่พวกเขาบอก พวกเขาให้ลูกชายส่งคุณนายกลับมาแล้ว แต่ว่า ตอนนี้ฉันยังติดต่อคนนี้ไม่ได้” ซู่จี้งยี้ค่อยๆ อธิบายให้ฟัง
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ ลี่จุนถิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเบาๆ :“คนคนนั้นคงไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับเจียงหยุนเอ๋อใช่ไหม?”
ซู่จี้งยี้เองก็รู้ว่าตอนนี้ลี่จุนถิงเป็นห่วงจนขาดสติแล้ว แต่เมื่อคิดดีๆ ก็น่าตลกดีเหมือนกัน
“คุณวางใจเถอะ ฉันไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว คุณนายกลับมาที่เมืองแล้วจริงๆ แถมเมื่อวานก็ยังไปที่โรงพยาบาลอีกด้วย เธอน่าจะไปหาถวนจื่อ แต่ดูเหมือนจะยังไม่เจอ”
ลี่จุนถิงเข้าใจขึ้นมาในทันที ตัวเองนั้นดูแลถวนจื่ออย่างรัดกุม การที่เจียงหยุนเอ๋อจะหาไม่เจอก็ไม่แปลก แต่ว่า เขาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนจะคลาดกันแบบนี้
เมื่อได้ยินว่าเจียงหยุนเอ๋อปลอดภัยดี ลี่จุนถิงเองก็ดีใจมาก แต่ ไม่นานเขาก็คิดขึ้นได้ ทำไมเจียงหยุนเอ๋อปลอดภัยแล้ว แต่ไม่กลับมาหาตัวเองล่ะ?
“ทำไมเธอ ถึงไม่กลับมาหาฉัน?” ลี่จุนถิงบ่นพึมพำ
เมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของลี่จุนถิง ซู่จี้งยี้ก็รีบพูดออกไป:“คุณชายลี่ คุณคิดดูสิ คุณนายเจอเรื่องร้ายแรงมาขนาดนี้ คงไม่กล้ามาเจอคุณโต้งๆ น่าจะหาโอกาสอยู่นั่นแหละ”
พูดจบ ซู่จี้งยี้ก็เหมือนกลัวว่าตัวเองจะพูดไม่ดีพอ เลยพูดออกไปอีก:“อุบัติเหตุก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าคุณนายจะหนีจากความตายได้ แต่ดูก็รู้แล้วว่ามีคนจงใจ เธอต้องกลัวว่าจะเจออันตรายอีกแน่นอนเลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลี่จุนถิงก็คิดอย่างรอบคอบ พลางคิดว่าซู่จี้งยี้พูดมีเหตุผล
เจียงหยุนเอ๋อเองก็เป็นคนฉลาด จะต้องคิดถึงมุมนี้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นแบบนี้ เลยไม่ได้มาหาตัวเองทันที ถือเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลยล่ะ
แต่ว่า เมื่อคิดถึงคนที่จงใจลงมือกับเจียงหยุนเอ๋อ แววตาของลี่จุนถิงก็ดูดุร้ายขึ้นมา
เขาไม่มีทางปล่อยคนนั้นไปแน่นอน
“หาคนขับรถที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในวันนั้นได้หรือยัง?” ลี่จุนถิงถามออกมาเสียงแข็ง
ซู่จี้งยี้ส่ายหัวอย่างไร้ทางเลือก: “ฉันพยายามหาแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้หาเจอเพียงรถที่ถูกทิ้งไว้ แต่คนขับรถนั้นหนีไปแล้ว อุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะถูกวางแผนมานานแล้ว”
“อือ แล้วผลที่หาต่อไปล่ะ?” ลี่จุนถิงถามต่อ
เขาไม่เชื่อ ว่าสุดท้ายจะหาคนบงการไม่เจอ
“ตอนนี้ตามสืบได้ทีละน้อย ดังนั้นเรื่องเลยเดินช้าไปหน่อยน่ะ” ซู่จี้งยี้ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะตอบกลับไป
เพราะเขารู้ ว่ามันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ลี่จุนถิงอยากฟัง แต่ถ้าจะให้เขาหาคนขับรถที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคนนั้นให้เร็วเกินไป มันก็ดูจะยากเกินไปสักหน่อย
ดีที่ลี่จุนถิงไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจเพราะเรื่องนี้ เลยพูดออกไป:“โอเค ฉันรู้แล้วล่ะ งั้นตอนนี้รู้หรือยังว่าเจียงหยุนเอ๋อพักอยู่ที่ไหน?”
ซู่จี้งยี้พยักหน้า ก่อนจะรีบเอาที่อยู่ที่เจียงหยุนเอ๋ออยู่บอกให้ลี่จุนถิงรู้
“โอเค ขอบคุณที่เหนื่อยขนาดนี้นะ” ลี่จุนถิงจดที่อยู่เงียบๆ พลางพูดออกมา
……
ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋ออยู่ที่บ้านของเหยนกวานซี ดังนั้นในใจของเจียงหยุนเอ๋อเลยรู้สึกเกรงใจ และคิดว่าคิดบุญคุณของพวกเขาเอาไว้มากเกินไปแล้ว
“พี่เจียงหยุนเอ๋อ คุณอย่ารู้สึกไม่ดีเลย นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ” เหยนกวานซียิ้มด้วยความซื่อๆ
เจียงหยุนเอ๋อเบ้ปากนิดหน่อย อันที่จริง เธอกับเหยนกวานซีเนี่ย อันที่จริงก็เป็นเพียงแค่คนที่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น เขาเองก็ไม่ต้องช่วยตัวเองขนาดนั้นก็ได้ แต่ว่า เหยนกวานซีก็ยังทำแบบนี้
“คุณเองก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สะดวกนะ คุณอยู่ที่นี่แบบสบายใจเถอะ ช่วงนี้ฉันพักที่หอพักของพนักงาน ดังนั้นคุณเองก็ไม่ต้องกังวลอะไรนะ” เหยนกวานซีพูดเสริมอย่างเป็นห่วง
เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไป เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าเหยนกวานซีจะคิดรอบคอบขนาดนี้
เมื่อเป็นแบบนี้ มันกลับทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่: “รบกวนคุณมากเกินไปแล้ว……”
“ไม่เป็นไร” เหยนกวานซีโบกมือด้วยความไม่ได้ติดใจอะไร ดูแล้วเหมือนไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ขยับปากนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร แต่รู้สึกขอบคุณอยู่ในใจเป็นอย่างมาก
ตกดึก เพราะเหยนกวานซีทำโอทีที่ทำงาน ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อเลยกินข้าวเย็นอยู่คนเดียว
ดีที่ก่อนหน้านี้เหยนกวานซีเตรียมอาหารเอาไว้ให้หมดแล้ว ทำให้เจียงหยุนเอ๋อไม่ต้องทุกข์มากเกินไป
หลังจากกินข้าวเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อก็ลงมาเดินเล่นสักหน่อย ถึงอย่างไรอยู่คนเดียวในห้องมันน่าเบื่อจะตายไป
พอลงมา ในใจของเจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกเศร้าใจ ตอนนี้ในใจของเธอมีเรื่องราวกดดันเต็มไปหมด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีความสุขขึ้นมาหรอก
มีเรื่องแบบนี้หนักใจเลยเดินไปเตะก้อนหินบนถนน เจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่ได้สนใจ ว่ามีรถคันหนึ่งจอดดูเธออยู่ไกลๆ
ในตอนนั้น ลี่จุนถิงกำลังนั่งอยู่บนรถพลางมองท่าทีของเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อผอมลงจากเมื่อก่อนมาก ดูไร้เรี่ยวแรง ในสายตาของลี่จุนถิง ทั้งน่าสงสารและยังโทษตัวเองอีก
ผู้หญิงคนนี้……ทรมานตัวเองเก่งจริงๆ เลย