ถึงแม้เซียวจิ่งสือจะเกิดคำถามมากมายขึ้นในใจ แต่เขายังขับรถพา ‘อินเสี่ยวเสี่ยว’ มายังร้านอาหารที่เปิดให้บริการแบบส่วนบุคคลแห่งหนึ่ง
ร้านอาหารแห่งนี้ ตอนที่หลินหว่านยังไม่สูญเสียความทรงจำ เซียวจิ่งสือมักจะพาหลินหว่านมาทานที่นี่เป็นประจำ หลังจากหลินหว่านเสียความทรงจำไปแล้ว เพื่อช่วยให้หลินหว่านฟื้นความทรงจำ เขาก็เคยพาเธอมาที่นี่เช่นกัน
ตอนนี้สิ่งที่เขารอคอยอยู่ทุกคนก็คือเมื่อไหร่อินเสี่ยวเสี่ยวจะฟื้นความทรงจำ และจำเขาได้ซะที
เซียวจิ่งสือกับ ‘อินเสี่ยวเสี่ยว’ มาถึงห้องทานอาหารแล้ว เขาให้ ‘อินเสี่ยวเสี่ยว’ สั่งอาหารก่อนส่วนหนึ่ง จากนั้นเขาจึงสั่งเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง แล้วส่งเมนูคืนให้พนักงานบริการ
พนักงานบริการจากไปแล้ว อี้อวิ๋นฉังมองเซียวจิ่งสือแล้วแกล้งถามเหมือนมีลับลมคมนัยว่า “จิ่งสือ คุณยังจำได้ไหมคะ ว่าพวกเรามาทานข้าวที่นี่ด้วยกันครั้งแรกเมื่อไหร่”
ครั้งแรก? เซียวจิ่งสือคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขากับหลินหว่านมาที่นี่ครั้งแรก เป็นตอนที่หลินหว่านได้รับรางวัลดาราดาวรุ่งดวงใหม่ยอดเยี่ยมของทางโทรทัศน์ และเป็นรางวัลที่สำคัญมากรางวัลแรกในชีวิตของหลินหว่านอีกด้วย คืนนั้น เขาพาหลินหว่านมาที่นี่ครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่เขาบอกรักเธออย่างเป็นทางการ แต่ถูกเธอปฏิเสธ…
เซียวจิ่งสือหวนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ แล้วชะงักกึก ตามมาด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างเหลือเชื่อ เขามองดู ‘อินเสี่ยวเสี่ยว’ แล้วถามเธออย่างตื่นเต้น “เสี่ยวเสี่ยว ไม่สิ หว่านหว่าน…เธอ…เธอ เธอจำได้แล้วเหรอ”
อี้อวิ๋นฉังเห็นดังนั้นก็ผงกศีรษะอย่างดีใจ รับคำกับเซียวจิ่งสือว่า “ใช่ค่ะ จิ่งสือ ฉันจำได้ทั้งหมดแล้ว”
“จริงเหรอ คุณจำได้เมื่อไหร่กัน ทำไมคุณไม่บอกผม” เซียวจิ่งสือโพล่งคำถามเป็นชุดอย่างยินดีจนอดใจไม่อยู่
อี้อวิ๋นฉังเตรียมคำพูดมาอย่างดีแต่แรก เธออธิบายให้เซียวจิ่งสือฟังว่า “ฉันจำได้เช้าวันนี้เองค่ะ ฉันยังไม่รู้ว่าทำไม ตื่นขึ้นมาตอนเช้าจู่ๆ ก็ได้ความจำกลับคืนมา ที่ฉันไม่ได้รีบบอกคุณแต่แรก ก็เพราะอยากจะเซอร์ไพร์สคุณอย่างไรละคะ จิ่งสือ คุณไม่โกรธฉันใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอก ไม่มีทางเลย” เซียวจิ่งสือพอฟังว่าหลินหว่านความทรงจำกลับมาแล้ว ถึงแม้จะตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไปชั่วครู่ แต่พอมานึกใคร่ครวญดูแล้ว กลับรู้สึกว่า ‘หลินหว่าน’ ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอยู่บ้าง ดังนั้น จึงยิ่งสงสัยคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
อี้อวิ๋นฉังเห็นสีหน้าเซียวจิ่งสือผิดปกติไป ก็เลียนแบบน้ำเสียงของหลินหว่านพูดว่า “จิ่งสือคะ ขอบคุณที่ดูแลฉันมาตลอด ยิ่งหลังจากที่ฉันตกไปในทะเล คุณยังตามหาตัวฉันที่สูญเสียความทรงจำไปจนเจอ แล้วพาฉันกลับมา ฉันขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก หว่านหว่าน ผมชอบคุณ นี่เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้ว” เซียวจิ่งสือพูดพลางขมวดคิ้ว
ตอนนั้นเอง บริกรยกอาหารที่ทั้งสองสั่งไว้มาให้ จึงช่วยคลี่คลายบรรยากาศอึดอัดของทั้งสองลงไปได้ชั่วคราว
บริกรออกไปแล้ว อาหารเต็มโต๊ะอยู่ตรงหน้า เซียวจิ่งสือคีบกุ้งตัวหนึ่งให้ ‘หลินหว่าน’ ด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ เขาคีบใส่ถ้วยของเธอแล้วพูดว่า “คุณทานให้มากๆ นะ หว่านหว่าน”
อี้อวิ๋นฉังเห็นแล้ว รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเธอรู้ว่า ที่แท้แล้วเซียวจิ่งสือกำลังแอบทดสอบเธออยู่ ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างมั่นใจว่า “จิ่งสือ คุณลืมไปแล้วเหรอคะว่าฉันไม่ชอบทานกุ้งนะ”
“งั้นเหรอ งั้นเมื่อก่อนตอนเราทำกับข้าวด้วยกัน ทำไมคุณชอบทำแต่กุ้งล่ะ” เซียวจิ่งสือถามหยั่งดูอีก
“ก็เพราะคุณชอบทานน่ะสิคะ จิ่งสือ” อี้อวิ๋นฉังรับลูกจากเซียวจิ่งสือโดยไม่มีท่าทีลำบากเลยสักนิด
อี้อวิ๋นฉังรู้เรื่องพวกนี้จากความทรงจำของหลินหว่าน หลินหว่านไม่ชอบอาหารทะเล แต่เซียวจิ่งสือกลับชอบอาหารทะเล
ลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของหลินหว่านพวกนี้ เมื่อก่อนตอนที่เธอสืบเรื่องของหลินหว่าน ยังสืบไม่ได้เลย ถ้าเธอไม่ได้เห็นความทรงจำของหลินหว่านมาก่อน ไม่แน่ว่าตอนนี้เธออาจเผยพิรุธเข้าแล้ว!
แต่ว่าเธอไม่ได้สั่งกุ้ง เซียวจิ่งสือเป็นคนสั่งต่างหาก ซึ่งก็หมายความว่าเซียวจิ่งสืออาจเริ่มสงสัยเธอเข้าแล้ว!
อี้อวิ๋นฉังไม่เข้าใจเลย มีจุดไหนที่เธอเลียนแบบหลินหว่านได้ไม่เหมือนกันนะ ทำไมเซียวจิ่งสือจึงสงสัยเธออยู่เรื่อย?
เซียวจิ่งสือพอฟังคำพูดของ ‘หลินหว่าน’ ความรู้สึกสงสัยก็ลดลงไปไม่น้อย เพราะนอกจากหลินหว่านแล้ว คนอื่นก็ไม่น่าจะรู้เรื่องพวกนี้ของเขากับหลินหว่าน พอมาคิดดูแล้ว เซียวจิ่งสือก็พูดอีกว่า “งั้นเมื่อไหร่คุณจะทำให้ผมทานอีกล่ะ หว่านหว่าน”
อี้อวิ๋นฉังหน้าซีด เธอทำกับข้าวไม่เป็น ดูท่าว่าหากคิดจะแอบอ้างเป็นหลินหว่านต่อไป ยังต้องไปฝึกทำครัวซะแล้ว
“เอาไว้คราวหลังพอมีเวลาว่างแล้วกันค่ะ ใช่แล้ว จิ่งสือคะ คุณบอกว่าให้เลขาหาหนังให้ฉันแสดงเรื่องหนึ่งใช่ไหมคะ เป็นหนังอะไรคะ” อี้อวิ๋นฉังรีบทำเปลี่ยนเรื่องคุยเนียนๆ
“เรื่องนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ไว้พรุ่งนี้ ผมจะให้เลขาส่งข้อมูลหนังเรื่องนี้มาให้คุณ คุณก็อ่านดูดีๆ แล้วกัน ถ้ามีตรงไหนไม่พอใจ ก็ให้เขาเปลี่ยนเรื่องใหม่ให้คุณนะ” เซียวจิ่งสือตอบ
“ขอบคุณนะคะ จิ่งสือ แต่ฉันว่าไม่ต้องยุ่งยากแล้วละคะ” อี้อวิ๋นฉังต่อหน้าพูดอย่างซาบซึ้งใจกับเซียวจิ่งสือ แต่ในใจกลับริษยาหลินหว่านแทบลงไปดิ้นตายแล้ว
เซียวจิ่งสือดีกับหลินหว่านขนาดนี้เชียว หาหนังมาให้เธอเลือกแสดง! ไม่ได้แล้ว เธอไม่เพียงจะต้องสวมรอยแทนหลินหว่าน ยังต้องเข้าแทนที่หลินหว่านในใจของเซียวจิ่งสืออีกด้วย!
ตอนใกล้เสร็จสิ้นอาหารค่ำ จู่ๆ อี้อวิ๋นฉังดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอพูดกับเซียวจิ่งสือว่า “จริงสิคะ จิ่งสือ ตอนนี้ฉันก็ได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว คงไม่เหมาะที่จะอยู่กับฮั่วเทียนอวี่ต่อไปอีก คุณให้ฉันกลับไปที่บริษัทเถอะ นะคะ?”
เซียวจิ่งสือฟังแล้วขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เขาก็นึกถึงปัญหานี้อยู่เหมือนกัน
ให้หลินหว่านอยู่กับฮั่วเทียนอวี่ต่อไป จะอย่างไรเซียวจิ่งสือก็ไม่ยอมแน่ พอมาคิดดูแล้ว เขาพูดว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมจะให้กุญแจห้องที่เมื่อก่อนคุณเคยอยู่ไว้ คุณอยู่ที่นั่นต่อไปก็แล้วกัน ส่วนเรื่องบริษัทนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้คุณสูญเสียความทรงจำ ผมเกรงว่าคุณจะถูกทำร้ายอีก จึงให้คุณใช้สถานะของอินเสี่ยวเสี่ยว กลับไปแล้ว ผมจะประกาศสถานะที่แท้จริงของคุณให้คนในบริษัทรับทราบไว้ก็แล้วกัน”
ก่อนที่หลินหว่านจะสูญเสียความทรงจำ ตอนที่เธอยังเป็นนักแสดงอยู่นั้น ทางบริษัทของเซียวจิ่งสือช่วยจัดหาที่อยู่ให้เธอ หลังสูญเสียความทรงจำแล้ว ที่ที่เธอกับฮั่วเทียนอยู่เป็นห้องเช่าที่ฮั่วเทียนอวี่หามาเอง
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมอี้อวิ๋นฉังจึงขอให้เซียวจิ่งสืออนุญาตให้เธอกลับเข้าบริษัท เพราะเธอไม่อยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับฮั่วเทียนอวี่ แต่ถ้าจะกลับไปอยู่คอนโดของตัวเอง ก็จะเผยพิรุธได้โดยง่าย
อี้อวิ๋นฉังฟังคำของเซียวจิ่งสือแล้วพอใจมาก พูดอย่างสบายใจว่า “ขอบคุณค่ะ จิ่งสือ งั้นก็แล้วแต่คุณจะจัดการก็แล้วกันค่ะ”
“คุณไม่ต้องเกรงใจไปหรอก หว่านหว่าน” เซียวจิ่งสือยิ้มพลางพูดขึ้น เซียวจิ่งสือสงสัยว่า ‘หลินหว่าน’ ที่ตรงหน้านี้เป็นตัวปลอม เพราะบางครั้งคนที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกหน้าอย่างหนึ่ง แต่ในบางเวลาเธอก็ทำให้เขารู้สึกว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี
หลังอาหาร เซียวจิ่งสือมอบกุญแจห้องให้กับ ‘หลินหว่าน’ และจะส่งเธอกลับไป อี้อวิ๋นฉังรีบปฏิเสธ เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดหมายที่ทำให้เซียวจิ่งสือจับได้คาหนังคาเขา