บทที่397 พอใจกับลูกเขยคนนี้มาก
สุดท้ายAnthonyกับส้งหวั่นหวั่นก็ถูกกักขังจองจำเข้าแล้วจริงๆ
เมื่อเดินออกมาจากห้องขังของAnthony ลี่จุนถิงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ท่าทีของเขานั้นไม่เหมือนกับที่เป็นเมื่อหลายวันก่อนเลย
ก่อนที่จะจับAnthonyกับส้งหวั่นหวั่นได้ เขาใช้ชีวิตอยู่บนความเครียดทุกวัน เพราะกลัวว่าตอนที่ตัวเองไม่ทันระวัง จะทำให้สองคนนั้นมาทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อได้อีก
แต่ว่าตอนนี้มันต่างออกไป สุดท้ายทั้งสองคนก็ถูกจับขังคุกของใครของมันแล้ว ในช่วงเวลานี้ ก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรมากวนใจแล้ว
แต่ถ้ามองการณ์ไกล……ลี่จุนถิงเองก็ไม่น่าจะปล่อยวางความระแวดระวังของตัวเองไปได้ ทุกอย่างนั้นมีความปลอดภัยของเจียงหยุนเอ๋อเป็นหลัก
ถ้าเกิดว่าคนอื่นรู้ความคิดของลี่จุนถิง จะต้องอดนินทาไม่ได้แน่นอน ว่าเป็นถึงประธานของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แต่กลับรักภรรยาอย่างโงหัวไม่ขึ้น
แต่ว่า ถึงแม้จะฟังคนอื่นพูดมาแบบนี้แล้ว ลี่จุนถิงก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไร มันก็ไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ?
“คุณชายลี่” ซู่จี้งยี้มายืนรออยู่ด้านนอกสักพักแล้ว เหมือนกับแปลกใจเล็กน้อยที่ลี่จุนถิงมาคุยกับAnthonyนานขนาดนี้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าทั้งสองคนยืนคุยอะไรกันแน่
จะบอกว่าไม่สงสัยเลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่เท่าที่เห็น ก็เหมือนจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะจากที่เห็นอารมณ์ของลี่จุนถิง ก็รู้ว่าเขาเหมือนอยากจะทำอะไรบางอย่างด้วยความร้อนใจ
“เสียเวลากับเขาไปสักพักแล้ว ตอนนี้ส่งฉันไปหาเจียงหยุนเอ๋อเถอะ” ลี่จุนถิงขึ้นรถ ก่อนจะพูดออกมา
“ครับ” ซู่จี้งยี้พยักหน้า ก่อนจะขับไปบนถนนช้าๆ อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
ช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย ตอนที่อยู่ระหว่างทางนั้น ลี่จุนถิงก็อดรู้สึกง่วงเพลียขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
เขาค่อยๆ หลับตาลง แต่กลับไม่อยากให้ตัวเองหลับไปแบบนี้
ซู่จี้งยี้มองลี่จุนถิงผ่านกระจกมองหลัง ก็มองออกว่าตอนนี้เขาเหนื่อยล้ามากขนาดไหน เลยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง: “คุณชายลี่ หลายวันมานี้คุณเหนื่อยมากเลยนะ พักผ่อนบนรถก่อนสักพักเถอะ”
ลี่จุนถิงยื่นมือออกมาขยี้บริเวณเบ้าตาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น: “ไม่ต้องหรอก ฉันอยาก……จะเจอเจียงหยุนเอ๋อเร็วๆ กลัวว่าถ้ากลับแล้วจะไม่ตื่นมาน่ะ”
“คุณวางใจได้เลย เดี๋ยวถึงแล้ว ฉันจะปลุกคุณเอง” ซู่จี้งยี้พูดอย่างยืนหยัด
เมื่อได้ยินดังนั้น ลี่จุนถิงก็ถอนหายใจ เพราะรู้ว่าซู่จี้งยี้เป็นห่วงตัวเอง สุดท้ายเลยตอบตกลง
“ได้เลย”
เพียงไม่นาน ลี่จุนถิงก็ผลอยหลับไป
เขาไม่ได้หลับพักผ่อนแบบสบายๆ มานานแล้ว หลายวันมานี้มีเรื่องให้จัดการเยอะขนาดนั้น ยุ่งจนหัวแทบระเบิด ขนาดในฝัน ยังขมวดคิ้วเครียดเป็นปมอยู่เลย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ตอนที่ลี่จุนถิงลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเจียงหยุนเอ๋อนั่งอยู่แล้ว ส่วนตัวเองดันมีผ้าผืนบางๆ คลุมตัวอยู่
“คุณตื่นแล้วเหรอ?” เหมือนกับว่าสังเกตเห็นลี่จุนถิงขยับตัวอย่างรวดเร็ว เจียงหยุนเอ๋อเลยรีบหันไปมองลี่จุนถิง พลางยิ้มให้เขา
ลี่จุนถิงอึ้งงงไป จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ : “ฉันไม่ได้บอกให้ซู่จี้งยี้ปลุกฉันเหรอ?ทำไม……”
“คุณอย่าโทษเขาเลย ฉันเห็นว่าคุณเหนื่อยมาก อยากให้คุณพักให้เยอะๆ ถึงอย่างไร เรื่องทั้งหมดก็จัดการหมดแล้ว จากนี้พวกเราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนานเลยล่ะ ทำไมต้องสนใจเวลาเพียงนิดเดียวในช่วงนี้ด้วยล่ะ?”
เมื่อพูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงรู้สึกอุ่นใจ เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาเบาๆ เขายกมือขึ้นมาลูบหัวของเจียงหยุนเอ๋อ พลางพูดขึ้น: “เจียงหยุนเอ๋อว่าอย่างไรก็อย่างนั้นล่ะ”
ทั้งสองคนนัวเนียกันอยู่บนรถสักพัก จากนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็เคาะหัวของตัวเอง พลางพูดขึ้น: “อั้ยหยา ฉันลืมไปเลย คุณมาที่นี่ น่าจะหิวแล้ว ฉันให้คนเตรียมกับข้าวเอาไว้ให้แล้ว ไปกันเถอะ”
พูดไป เจียงหยุนเอ๋อพลางจูงมือของลี่จุนถิง จากนั้นก็หันตัวก่อนจะเตรียมจะเปิดประตูรถ
แต่เพียงไม่นาน ลี่จุนถิงก็ดึงเธอกลับมา
“เป็นอะไรไปเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
เจียงหยุนเอ๋อเพิ่งจะหันกลับมา ก็รู้สึกได้ถึงหัวของลี่จุนถิงที่มาซบไหล่ของเธอ พลางพูดด้วยเสียงออดอ้อน
“ฉันอยากจะอยู่กับคุณให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกใจหวานชื่น แต่ก็รู้สึกตลกขึ้นมาเหมือนกัน
ลี่จุนถิงเป็นแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นซะที่ไหน?แต่ว่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าตัวเอง เหมือนกับเด็กคนหนึ่งไม่มีผิดเลย
“คุณเป็นอะไรไป?ไม่ใช่เด็กซะหน่อย ยังจะเริ่มออดอ้อนเหมือนถวนจื่ออีกเหรอ?”
ลี่จุนถิงถอนหายใจออกมา พลางหัวเราะเสียงต่ำ จากนั้นสักพักใหญ่ๆ จากนั้นอารมณ์ก็นิ่งขึ้นมา
“ฉันกลัวว่าจะเสียคุณไปจริงๆ” จู่ๆ ลี่จุนถิงก็พึมพำขึ้นมา
เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไป เพราะไม่รู้ว่าตอนนั้นจะตอบอะไรไปดี
เมื่อคิดไปคิดมา เธอก็ยิ้มพลางมองลี่จุนถิง แล้วพูดขึ้น: “จุนถิง เรื่องอันตรายมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่ต่อหน้าคุณไม่ใช่เหรอ?คุณจะต้องกังวลอะไรอีกเหรอ?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงเบ้ปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นสักพัก เขาก็ยิ้มแฉ่งขึ้นมา: “นั่นสิ มันผ่านไปหมดแล้ว”
ทั้งสองคนลงจากรถ ซูม่านลีรอพวกเขาอยู่ในห้อง เมื่อเห็นลี่จุนถิงเข้ามา ตาของเธอก็เรืองรองขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปทักทาย: “จุนถิง มาที่นี่น่าจะเหนื่อยใช่ไหม?มาๆ รีบมากินข้าวเร็ว”
เจียงหยุนเอ๋อมองลี่จุนถิงด้วยความโกรธเล็กน้อย พลางพูดขึ้น: “คุณดูสิ แม่ฉันต้อนรับคุณดีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกชายของเธอหรือฉันเป็นลูกสาวเธอกันแน่”
ตาของลี่จุนถิงมีรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับเจียงหยุนเอ๋อ: “ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นแม่ฉันเหมือนกัน แล้วก็เห็นแก่คุณ เลยเป็นห่วงฉันขนาดนี้ไงล่ะ”
เมื่อได้ยินลี่จุนถิงพูดแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็คล้องแขนของลี่จุนถิง พลางพูดขึ้นอย่างออดอ้อน: “อือ ฉันชอบฟังคำนี้”
เมื่อเห็นท่าทีที่ลี่จุนถิงกับลูกสาวเถียงกันเล็กๆ แบบนี้ ซูม่านลีก็อดรู้สึกตลกขึ้นมาไม่ได้ เลยยิ่งพอใจในตัวลูกเขยอย่างลี่จุนถิงมากขึ้น
หลังจากที่เลิกกับเจียงเย่เฉิง อันที่จริงเธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพียงแค่ขอให้ลูกสาวได้มีชีวิตมีที่อยู่ดีๆ เท่านั้นเอง
ตอนแรกที่ได้รู้ตัวตนของลี่จุนถิงนั้น อันที่จริงซูม่านลีก็ยังร้อนรนไม่วางใจอยู่มาก เพราะถึงอย่างไรบ้านใหญ่อย่างตระกูลลี่ มันทำให้เธอผิดหวังเล็กน้อย
แต่เมื่อได้เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ซูม่านลีก็เห็นจิตใจของลี่จุนถิง ในใจก็เย็นใจได้มาก
และก็หวังเพียงให้พวกเขาได้มีชีวิตที่สงบสุขแบบนี้ ซูม่านลีแอบคิดอยู่ในใจเพียงเท่านี้
“โอเค ไม่ต้องพูดพร่ำเพรื่อแล้ว รีบไปกินข้าวเถอะ” ซูม่านลีพูดกับทั้งสองคนด้วยความขบขัน
เจียงหยุนเอ๋อรีบพาลี่จุนถิงมาอยู่ทางด้านหน้าของโต๊ะ เพราะเห็นใจความเหนื่อยยากของลี่จุนถิง เบนคีบกับข้าวใส่จานของลี่จุนถิงไม่หยุด