บทที่ 421 อะไรที่ดึงดูด
ตามคำร้องขอของโม่เสี่ยวฮุ่ยลี่จุนถิงจึงไปส่งของแทนให้ แล้วก็เจอเข้ากับเคธี่ด้วยความบังเอิญที่นั่น
เพราะโม่เสี่ยวฮุ่ยได้บอกเคธี่ไว้ล่วงหน้าแล้ว และตัวเคธี่เองก็รออยู่มาสักพักแล้วเห็นจะได้ พอเห็นลี่จุนถิงปรากฏตัว ดวงตาเธอก็เป็นประกาย แล้วรีบเดินเข้ามาทักทายทันที
“จุนถิง บังเอิญจังเลยนะคะ”
ลี่จุนถิงเหลือบมองเธอไปแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยไปว่า:“ก็ไม่ถือว่าบังเอิญนะครับ มันถูกเตรียมการมาก่อนล่วงหน้าแล้วต่างหาก คุณเองก็รู้ดีนี่ครับ?”
ไม่คิดว่าลี่จุนถิงจะพูดออกมาห้วนๆแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเคธี่นั้นค้างแข็งไปเลยทันที ผ่านไปสักพักก็ฝืนยิ้มออกมา:“อืม……จุนถิงคุณนี่ช่างเป็นคนตลกจริงๆ”
เดิมทีเคธี่ตั้งใจจะหาเรื่องอื่นมาคุยกับลี่จุนถิง มันยากที่จะมีโอกาสได้อยู่กับเขาตามลำพังแบบนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า ลี่จุนถิงไม่เปิดโอกาสให้เธอเลย เขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นแล้วก็เดินจากไป
มองดูลี่จุนถิงที่เดินจากไปเคธี่รู้สึกไม่พอใจเธอกำหมัดแน่น รู้สึกผิดหวังที่ชายหนุ่มไม่สนใจและเมินเฉยกับเธอ
ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่ยอมแพ้มันง่ายๆแน่
เคธี่เป็นคนฉลาด หลังจากที่ได้เจอกับลี่จุนถิงมาแล้วหลายครั้งเธอก็สังเกตเห็นถึงอาการเอือมระอาที่ลี่จุนถิงมีต่อเธอ
เธอเองไม่ได้รีบร้อน การตามตื๊อใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกับผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างลี่จุนถิงแล้วนั้น
เธอยิ่งต้องใจเย็น
เห็นได้ชัดว่าลี่จุนถิงเป็นคนประเภทที่ไม่เข้าหาผู้หญิง สิ่งเดียวที่สามารถดึงดูดความสนใจเขาได้ก็คงจะมีแต่เรื่องงาน
และงานก็เป็นข้ออ้างที่ได้ผลดีที่สุด
หรือบางทีที่ลี่จุนถิงไม่สนใจเธอในตอนนี้อาจเป็นเพราะเขายังไม่ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเธอก็เป็นได้
มีเพียงการจัดการและบริหารเท่านั้นที่เราจะเข้าใจคนคนหนึ่งได้อย่างแท้จริง
เคธี่เป็นผู้หญิงที่มีทั้งความสามารถและความสวย เธอเองก็ยังมีส่วนร่วมในกิจการธุรกิจของครอบครัวอีกด้วยเช่นกัน
ตอนนี้บริษัทของเธอกำลังมีโปรเจคโครงการใหญ่ และได้ยินลี่จุนซินบอกว่าลี่จุนถิงพยายามอย่างมากที่จะให้ได้มาซึ่งโครงการนี้ สำหรับเคธี่แล้วมันจึงเป็นโอกาสที่ดี
ในวันนี้เอง เคธี่ได้ยินว่าลี่จุนซินกำลังจะเข้าบริษัทเพื่อคุยธุระกับลี่จุนถิง เธอเลยขอตามลี่จุนซินไปที่บริษัทด้วย
กับเคธี่แล้ว ลี่จุนซินเองก็หมดหนทางแล้วเช่นกัน
แม้ว่าเคธี่จะเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ และเธอก็เคารพคนที่หญิงสาวพึงพอใจ แต่น้องชายของเธอนั้นเป็นประเภทวัวที่ดื้อรั้นปักใจเชื่อในรักใครแล้วก็จะไม่เปลี่ยนแปลง
หากเป็นเมื่อก่อนลี่จุนซินคงไม่คิดแบบนี้ แต่หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิงผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย และทุกอย่างที่ลี่จุนถิงทำให้กับเจียงหยุนเอ๋อนั้น ลี่จุนซินก็รู้ว่าน้องชายของตัวเองนั้นไม่มีทางเปลี่ยนใจไปง่ายๆอย่างแน่นอน
โม่เสี่ยวฮุ่ยเองที่เป็นคนนอกอาจจะมองไม่ออกนัก แต่ลี่จุนซินสนิทกับคนทั้งสองอยู่พอสมควร เขาสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน
แต่ไม่ว่าจะช่วยเหลือใคร ลี่จุนซินก็ลำบากใจ มันจะดีกว่าที่เขาไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว แล้วดูว่าสุดท้ายแล้วมันจะพัฒนาไปในทางไหน
ถ้าหากเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงรับมือกับเคธี่ที่เข้ามาแทรกแซงพวกเขาไม่ได้ งั้นทั้งสองคนก็อาจจะไม่เหมาะกับการอยู่ด้วยกันจริงๆ
ลี่จุนซินมาถึงห้องทำงานของลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังลี่จุนซินเมื่อเห็นเคธี่ที่ยืนอยู่ข้างๆกับลี่จุนซินชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงทันที
นอกจากผู้หญิงที่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดกับเขาและเจียงหยุนเอ๋อแล้ว ลี่จุนถิงเองก็แทบไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนเลย
“จุนถิง วันนี้ที่พี่มาเพื่อจะพูดคุยกับนายสองเรื่อง” ลี่จุนซินไม่อ้อมค้อม พูดถึงจุดประสงค์ของการมาที่นี่ของเขาไปตรงๆ
ในแง่ของการทำงาน บุคลิกของลี่จุนถิงกับลี่จุนซินก็ยังคงคล้ายกันอยู่มาก อะไรที่พูดตรงๆได้ก็จะพูดมันตรงๆ ให้จบโดยเร็ว ไม่ให้เสียเวลางานการมากมายนัก
“อืม”ลี่จุนถิงเมื่อได้ยินก็มีท่าทีจริงจังขึ้นมา วางปากกาในมือลง พิงเข้ากับพนักเก้าอี้ สายตาที่มีเสน่ห์ก็จับจ้องไปที่ลี่จุนซิน
แววตาที่จริงจังแบบนี้ทำให้เคธี่หลงใหลมากขึ้นไปอีก ความชอบที่มีต่อชายหนุ่มก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เคธี่เองไม่ได้แสดงมันออกมา เป็นเพียงการคลั่งไคล้ที่แอบซ่อนอยู่ภายในใจก็เท่านั้น
ลี่จุนซินรายงานการทำงานของตัวเองให้กับลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงเองก็ได้บันทึกข้อควรระวังทั้งหมดไว้ในหัวสมองเรียบร้อยหมดแล้ว
เมื่อลี่จุนซินพูดจบ ก็พูดต่อไปว่า :“นี่คือเรื่องแรก?แล้วเรื่องที่สองละ?”
ลี่จุนซินมองไปยัง เคธี่แวบหนึ่ง :“เรื่องที่สองคือเคธี่ต้องการหารือเรื่องการร่วมงานกับนาย”
ลี่จุนซินพูดจบก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วเปิดโอกาสให้เคธี่ได้พูดต่อ
เคธี่เลิกคิ้วขึ้น แล้วยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ :“ใช่ค่ะ ฉันอยากจะหารือเรื่องงานกับคุณ”
“ร่วมงานอะไร เงื่อนไขแบบไหน”ลี่จุนถิงพูดเพียงคำสั้นๆ
เคธี่เดินไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของลี่จุนถิงแล้วนั่งลง:“ฉันได้ยินมาว่าคุณต้องการได้งานในโครงการของบริษัทฉัน หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วฉันคิดว่าบริษัทของคุณก็เป็นตัวเลือกที่ดีหากเราได้ร่วมงานกัน”
ลี่จุนถิงประสานมือกัน แล้ววางไปยังที่พักแขนบนเก้าอี้อย่างเป็นธรรมชาติ:“มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมอยากรู้อะไรดึงดูดความสนใจคุณ”
เคธี่ยิ้ม:“ฉันรู้ว่าบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมีชื่อเสียงได้รับการกล่าวขานถึงความเข้มงวดมีประสิทธิภาพและซื่อสัตย์มาโดยตลอด ก็ต้องเห็นความสำคัญตรงนี้เป็นหลัก คุณก็รู้ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ถึงจะดึงดูดให้คนสนใจอยากที่จะร่วมงานด้วยและก็คงจะมีเพียงบริษัทแบบนี้เท่านั้นที่ยิ่งทำก็จะยิ่งยั่งยืน”
หลังจากที่ฟังคำพูดของเคธี่ ลี่จุนถิงเองก็ประหลาดใจไม่น้อย
ตอนแรกก็คิดว่าทายาทอย่างเคธี่คงเป็นเพียงคุณหนูที่ดื้อรั้นไปวันๆก็เท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีทัศนะเกี่ยวกับบริษัทเขาได้ถูกใจชายหนุ่มนัก
ต้องรู้ว่าการจะร่วมงานกับลี่จุนถิงบางครั้งไม่ใช่แค่จะมีชื่อเสียงและฐานะทางครอบครัวเท่านั้น แต่ยังต้องดูอีกว่าบริษัทมีความสามารถและคุณสมบัติพอให้ร่วมงานด้วยหรือเปล่า
แน่นอนว่าบริษัทของคู่ค้าต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทและเข้าใจคุณภาพของบริษัทที่ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงอะไรแบบนี้ก็เป็นเพียงแค่การชื่นชมเท่านั้น
“พูดต่อ”ลี่จุนถิงก็นึกสนใจ อยากดูว่าหญิงสาวจะพูดมันยังไงต่อไป
“เพราะ ฉันคิดว่าบริษัทของคุณมีคุณสมบัติและความสามารถมากพอที่จะร่วมงานกับทางเราได้” เคธี่ในตอนนี้รู้สึกภูมิใจเหมือนนกยูงรำแพน
แต่ลี่จุนถิงก็ชื่นชมความมั่นใจในตัวเองของเคธี่ นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้กับเขา
ลี่จุนถิงพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายกับเห็นด้วยกับคำพูดของเคธี่
“หากคุณต้องการที่จะร่วมงานกับเราคุณเองก็ยังคงมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง” เคธี่พูดอย่างตรงประเด็น “คุณชายลี่คุณรู้ดีว่าโครงการที่คุณคุยอยู่ไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด เพราะฉะนั้นขณะที่คุณกำลังแข่งขัน ในด้านอื่นก็อ่อนกว่าคนอื่นอยู่มาก คุณต้องคิดหากลยุทธ์และวิธีการที่รอบคอบ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ อย่างไรก็ตามจุดอ่อนนี้ ฉันคิดว่าคุณชายลี่ก็น่าจะเข้าใจ ฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ ”
ลี่จุนถิงไม่ได้โต้แย้งคำพูดของเคธี่
แม้ว่าคำพูดของเคธี่จะตรงไปตรงมา แต่ก็ค่อนข้างตรงประเด็น เหตุใดที่ผ่านมาที่เขาถึงยังคงต่อสู้แข่งขัน ก็เพราะเขาไม่มีในสิ่งที่บริษัทนั้นต้องการ และยังมีข้อบกพร่องบางอย่าง มันจึงเป็นเหตุผลที่เขาทำมันไม่เคยสำเร็จ