ซูซานไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆลี่จุนถิงถึงอยากไปหวากั๋ว อาจเป็นเพราะลี่จุนถิงอยากรู้อะไรที่มากกว่านั้น อยากกลับไปหวากั๋วเพื่อตามหาคนในครอบครัวของเขา
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าลี่จุนถิงไม่ใช่คนเฉินกั๋วแต่ตอนที่เธอเห็นลี่จุนถิงครั้งแรก ซูซานก็รู้ว่าในใจของเธอนั้นกำลังถลำลึก และตกหลุมรักลี่จุนถิงตั้งแต่แรกเห็น
เธอไม่ต้องการให้ลี่จุนถิงจากเธอไป เพราะฉะนั้นจึงได้คิดหาวิธีและโกหกเขาเพื่อรั้งตัวเขาเอาไว้
ตอนนี้ลี่จุนถิงอยากกลับไปที่หวากั๋ว ซูซานจึงจำเป็นต้องคอยตามเขา เพราะจะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้
“แล้วทำไมคุณดูเหมือนไม่กระตือรือร้นที่จะไปหวากั๋วเลย ? ลี่จุนถิงสังเกตเห็นกิริยาท่าทางของซูซานที่ต่างไปทุกวัน
“ไม่ใช่ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เมื่อถูกลี่จุนถิงถามมาแบบนี้ ซูซานก็ร้อนรน และรีบอธิบายไปว่า “ก็เราเคยไปที่นั่นมาแล้ว สถานที่ที่ขึ้นชื่อเราก็ไปมาหมดแล้ว เราเปลี่ยนที่อื่นกันไหมคะ”
“เคยไปแล้ว?”ลี่จุนถิงเลิกคิ้ว บังเอิญจัง ?
“ใช่ค่ะ”ซูซานพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ลี่จุนถิงรู้ว่าตอนนี้ตัวเขาเองความจำเสื่อม และจำเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นไม่ได้ แต่ก็อยากจะลองถามดู ว่า ซูซานจะตอบเขายังไง :“แล้วทำไมผมถึงไม่รู้สึกคุ้นเคยอะไรเลยล่ะ ?”
“คือ……”ซูซานกัดฟันแน่น ก้มหน้าลง พยายามคิดว่าจะอธิบายมันยังไงดี “คุณได้รับบาดเจ็บ กระทบกระเทือนที่สมอง มันเลยทำให้คุณจำอะไรไม่ได้”
“แต่ถ้าหากผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมก็ควรยิ่งต้องไปในที่แบบนี้ เพื่อกระตุ้นความทรงจำของผมสิ มันจะทำให้จำอดีตของตัวเองได้ไม่ใช่เหรอ ? ” ลี่จุนถิงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอาการตื่นตระหนกในดวงตาของซูซาน
ซูซานสั่นไปทั้งตัว จ้องมองไปที่ดวงตาของลี่จุนถิง แล้วผละออก :“แต่หมอบอกว่าการฟื้นความทรงจำมันเจ็บปวด ฉันไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บปวด”
“ผมไม่กลัว” ลี่จุนถิงใบหน้ามุ่งมั่น “ผมอยากจะจำเรื่องราวในอดีตระหว่างเราได้ มันไม่ยุติธรรมเลยที่จะต้องเป็นคุณที่จำมันได้อยู่ฝ่ายเดียว ”
คำพูดเหล่านี้ก็เพื่อที่จะโน้มน้าวให้ซูซานเชื่อ
ลี่จุนถิงต้องการฟื้นความทรงจำ เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องถูกหลอกแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนทุกอย่างของเขาถูกเปิดเผย แต่ตัวเองกลับเหมือนคนโง่คนหนึ่ง
รู้จักกันมาระยะหนึ่ง ซูซานก็พอจะรู้ว่าลี่จุนถิงเป็นคนดื้อรั้น หากเธอยังคงคัดค้านต่อไป ไม่แน่อาจจะทำให้ลี่จุนถิงไม่พอใจก็เป็นได้
ซูซานบู้ปาก :“ก็ได้ค่ะ ตามที่คุณว่าก็แล้วกัน ไปหวากั๋ว”
“ตกลง”ลี่จุนถิงพยักหน้า “งั้นผมขอดูก่อนว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง เราจะได้วางโปรแกรมทัวร์ ”
“ดีค่ะ”จู่ๆ ซูซานก็รู้สึกหมดหนทาง ท่าทีของลี่จุนถิงนั้นมุ่งมั่นตั้งใจมาก ซูซานไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพื่อให้ลี่จุนถิงหยุดคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของเขาได้
เธอรู้ว่าหากลี่จุนถิงจำเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาได้ เธอก็คงจะไม่สามารถรั้งตัวเขาเอาไว้ได้อีก
เมื่อลี่จุนถิงเห็นว่าได้พูดคุยกับซูซานมาได้สักพักแล้วก็ขอตัวขึ้นไปยังชั้นบน เขาวางแผนเอาไว้ในใจ หากไปถึงที่หวากั๋วแล้วไปหาคนในครอบครัวของเขายังไง
มองแผ่นหลังของลี่จุนถิงที่เดินขึ้นไปยังชั้นบน ภายในใจของซูซานก็รู้สึกเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนไม่สามารถที่จะรั้งลี่จุนถิง เอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
ตั้งแต่ที่ลี่จุนถิงเอ่ยพูดถึงเรื่องหวากั๋วซูซานรู้สึกได้ว่าลี่จุนถิงจริงจังและให้ความสำคัญกับการไปหวากั๋วมาก
ซูซานก็ไม่กล้าที่จะบอกลี่จุนถิงให้เปลี่ยนสถานที่เที่ยวนั้นซะ ในใจรู้สึกกลัดกลุ้มและเป็นทุกข์แต่ก็ไม่สามารถระบายให้ใครฟังได้
สุดท้ายแล้ว ซูซานก็ไปพบพ่อแม่ของตัวเอง
“คุณพ่อ คุณแม่”ซูซานเดินไปหาคุณบราวน์กับคุณหญิงบราวน์ที่นั่งดื่มชายามบ่ายอยู่ในสวน
“ซูซานมาแล้วเหรอ มานั่งเร็ว นี่เป็นขนมที่เชฟทำขึ้นมาใหม่ แม่ว่ามันอร่อยมากเลย ลูกมาลองชิมดูสิ”คุณหญิงบราวน์พูดแล้วดึงเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างออกมา แล้วกวักมือเรียกซูซาน
ซูซานเดินไปแล้วนั่งลง หยิบขนมขึ้นมา
ขนมจานนี้ดูน่าอร่อยจริงๆ มองดูก็รู้ว่าเชฟตั้งใจรังสรรค์มันขึ้นมา หากเป็นเวลาปกติ ซูซานเห็นขนมพวกนี้ คงจะกินมันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อคิดไปถึงวันที่จะเดินทางไปหวากั๋วใกล้เข้ามาทุกทีแบบนี้ในใจของซูซานก็ไม่มีความสุข
ซูซานกัดเข้าไปคำหนึ่ง แต่ขนมที่กินเข้าไปนั้นเหมือนจะไม่มีรสชาติอะไรเลย แต่เพื่อตอบคุณหญิงบราวน์ ซูซานก็พยักหน้า
“อร่อยจริงๆด้วยค่ะ ”
คุณบราวน์เห็นดวงตาที่สิ้นหวังและโศกเศร้าของลูกสาว จึงเอ่ยถามไปว่า:“ซูซาน เป็นอะไรไป ? ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุขเอาซะเลย ?”
ซูซานขบริมฝีปากแน่น
“ใช่ แม่ก็คิดแบบนั้นลูกมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้น ?”คุณหญิงบราวน์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณพ่อคุณแม่ จุนถิงบอกว่าเขาอยากจะไปเที่ยว”ซูซานเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังทั้งสองคน
“ไปเที่ยว ?”เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวมันก็เป็นสิ่งที่คุณหญิงบราวน์ชื่นชอบมาก แววตาของเธอก็ตื่นเต้นขึ้นมา “ไปเที่ยวก็ดีสิ ไปสัมผัสธรรมชาติบ้าง ”
“แต่จุนถิงเขาอยากไปหวากั๋ว”ซูซานเบะปาก ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไปที่หวากั๋วแล้วมันทำไม ? พ่อจำได้ว่าหวากั๋วก็ไม่เลวเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงหวากั๋วคุณบราวน์ก็เห็นด้วยและชื่นชอบมันอยู่เหมือนกัน
ซูซานก้มหน้าลง นิ้วมือขยับเบียดกันไปมา “แต่หวากั๋วเป็นบ้านเกิดของเขา”
“แล้วมันยังไง ? ยังไงเขาก็ต้องกลับไปยังบ้านเกิดของตัวเอง ”คุณหญิงบราวน์ไม่ได้สนใจ
“แต่ลูกมีความรู้สึกว่า หากจุนถิงกลับไปที่หวากั๋ว เขาอาจจะไปจากลูกก็ได้ หากเขาเกิดนึกเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นที่หวากั๋วได้ เขาก็ต้องรู้ว่าที่ผ่านมาลูกพูดโกหกกับเขา ” ซูซานพูดด้วยความเสียใจ
นอกจากนั้นซูซานยังรู้สึกว่าเรื่องที่ลี่จุนถิงถามเขาในวันนั้นมันทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน
เมื่อซูซาน พูดแบบนี้ คู่สามีภรรยาบราวน์ก็เงียบไป
ในท้ายที่สุดก็เป็นคุณบราวน์เป็นผู้ทำลายความเงียบนั้น :“ซูซาน นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หมอเขาก็บอกแล้ว ความทรงจำที่หายไปของลี่จุนถิงก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ”
“แต่ลูกไม่อยากให้เขาไปจากลูก”
“ซูซาน แม่ขอแนะนำลูกว่าอย่ายึดติดมันให้มาก อะไรที่มันเป็นของเรามันก็จะเป็นของเรา ลูกห้ามมันไม่ได้หรอก ” คุณหญิงบราวน์ถอนหายใจ
ความชอบของลูกสาวที่มีต่อลี่จุนถิงพวกเขาทั้งคู่เองก็สังเกตเห็น ตั้งแต่ที่ลี่จุนถิงมาที่บ้านของพวกเขา ซูซานก็คอยดูแลเอาใจใส่เขามาโดยตลอด พวกเขามองออกว่า ลูกสาวของเขานั้นชอบลี่จุนถิงจริงๆ
สำหรับลี่จุนถิงแล้วนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็ชอบในตัวชายหนุ่มอยู่มาก แต่เรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้
“คุณแม่ ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงคะ”ซูซานก็ยังคงยืนกรานที่จะพยายามเพื่อคนที่เธอรัก
“ซูซาน ไม่ใช่ว่าพ่อกับแม่จะขัดขวางที่ลูกจะรักจะชอบใคร แต่เราไม่รู้ที่มาที่ไปของลี่จุนถิงคนนี้เลย และเราก็ไม่ไว้ใจที่ลูกจะใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาแบบนั้น” คุณบราวน์คิดว่าลูกสาวก็คงจะแค่ให้ความสนใจกับชายหนุ่มเพียงชั่วขณะก็เท่านั้น
เพราะยังไง บราวน์ก็เป็นตระกูลใหญ่ พวกเขาไม่ต้องการให้ลูกสาวไปมาหาสู่กับคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแบบนี้