ซูซานพูดมาถึงขนาดนี้ ลี่จุนถิงเข้าใจได้ทันทีว่าเธอคงจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง อาทิเช่นเรื่องที่ตัวเขาเองติดต่อกับชิงโม่ แต่เขาก็ไม่ได้ยอมรับอะไร เขาไม่เชื่อว่าตัวเขาเองจะทนรอให้ถึงวันที่ซูซานมีธุระขึ้นมาไม่ได้หรอก
“ไม่นี่ ผมแค่อยากจะอยู่คนเดียว ในเมื่อคุณไม่ชอบ ผมก็เคารพคุณ แต่ก็หวังว่าคุณจะให้พื้นที่ส่วนตัวกับผมบ้าง”ลี่จุนถิงพูดเสียงนุ่มลง
เมื่อเห็นลี่จุนถิงมีอาการอ่อนลง ซูซานก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก:“ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
เพราะซูซานเกิดความสงสัย ลี่จุนถิงจึงไม่ค่อยได้ออกไปไหนในช่วงนี้
เมื่อซูซานเห็นว่าลี่จุนถิงอยู่ในโอวาทมากขึ้น การคอยเฝ้าสอดส่องของเธอก็น้อยลง เมื่อเห็นโรงแรมมีแนะนำเกี่ยวกับการทำสปา ซูซานก็มีความสนใจขึ้นมาทันที
เดิมทีได้ชวนลี่จุนถิงไปด้วย แต่ลี่จุนถิงบอกว่าเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ ซูซานจึงไม่ได้บังคับ เธอจึงไปเพียงลำพัง
เมื่อเห็นซูซานเข้าไปในศูนย์สปา ลี่จุนถิงก็ติดต่อไปหาชิงโม่ทันที นัดเขาออกมาเพื่อที่จะอยากพูดคุยธุระต่างๆ
ในเมืองที่คุ้นเคยและแปลกตาในเวลาเดียวกันแบบนี้ ลี่จุนถิงมีความรู้สึกเข้มแข็งและมีพลังอย่างมาก
ทางฝั่งนี้ เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซินก็จบการทำงานไปวันหนึ่งแล้วเช่นกัน
ท่านปู่ลี่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นมากเท่าไร แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายลงไปเช่นกัน นี่อาจจะเรื่องดีๆในเรื่องร้ายๆก็ได้
เบื้องหลังมีลี่หุยกับลี่หยูนห่วนที่คอยสร้างปัญหา เขาทั้งสองจึงค่อนข้างที่จะรับมือยากยิ่งกว่าตอนที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆเสียอีก
โชคดีที่สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ค่อนข้างที่จะนิ่งอยู่มาก
ดีที่วันนี้เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซินได้ช่วยกันแก้ไขโครงการหนึ่งเอาไว้ได้ และก็ถือว่าได้ช่วยป้องกันการสูญเสียที่อาจจะเกิดด้วย ลี่จุนซินจึงตั้งใจที่จะออกไปกินข้าวข้างนอกสักมื้อ
เจียงหยุนเอ๋อเองก็เห็นด้วย พอเวลาตั้งครรภ์ก็มีข้อห้ามอยู่มาก โดยปกติเจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่ค่อยได้ออกไปกินข้าวนอกบ้านเท่าไรนัก แต่วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ อยากจะฉลองสักหน่อย
บางครั้งชีวิตก็ต้องการความตื่นเต้นเล็กๆน้อยๆ ถ้ามันจะเหมือนเดิมอยู่ตลอดเวลา บางทีมันก็น่าเบื่อเกินไป
แต่เจียงหยุนเอ๋อก็ยังคงคิดถึงลี่จุนถิงที่ยังไม่กลับมา ความคิดนี้ของตัวเองใช่กำลังมีความสุขบนความทุกข์หรือเปล่า
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ได้แต่ยิ้มอย่างเจื่อนๆ
“เจียงหยุนเอ๋อ เราไปร้านที่ก่อนหน้านี้ที่พี่เคยพาไปดีไหม ? พี่คิดถึงเมนูขึ้นชื่อของที่นั่น ”ลี่จุนซินเอ่ยถาม
“ได้ค่ะ รสชาติอาหารของร้านนั้นฉันก็ชอบเหมือนกัน ”เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า
ที่สำคัญร้านนั้นบริการดี และดูแลลูกค้าได้ดีมาก
ทั้งสองนั่งรถมาถึงที่ร้านอาหารที่พวกเธอชอบมากันเป็นประจำ
สไตล์การแต่งร้านของที่นี่ค่อนข้างจะทันสมัย แต่ก็ให้ความรู้สึกไปในแนวชนบทและสดชื่น
ลี่จุนซินเลือกที่นั่งที่ติดกับริมหน้าต่างแล้วนั่งลง
เธอชอบนั่งริมหน้าต่าง มองผ่านกระจกใส เห็นเมืองจิ่งเฉิงในยามค่ำคืนดูการจราจรและผู้คนรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ไปมาบนท้องถนน ช่างเป็นอะไรที่โรแมนติกจริงๆ
เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนซินสั่งอาหารที่ตัวเองชอบ
“เจียงหยุนเอ๋อ ดูไปก่อนนะ ต้องการเครื่องดื่มอะไรอีก พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”ลี่จุนซินพูดจบก็ลุกขึ้นยืน
“แล้วพี่ดื่มอะไรคะ?”เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยถามลี่จุนซินที่เดินห่างออกไปสองสามก้าวแล้ว
“พี่อะไรก็ได้ เธอสั่งมาให้พี่เลย ”ลี่จุนซินหันกลับไปตอบ แล้วหันกลับเดินมุ่งตรงไปยังทางที่จะไปห้องน้ำ
ในจังหวะที่เธอหันกลับมานั้น เมื่อมองเห็นคนตรงหน้า ลี่จุนซินหยุดเท้าตัวเองลงทันที ร่างกายแข็งทื่อ
มือหนึ่งยื่นออกไป ชี้ไปที่ลี่จุนถิง :“จุน จุน ……”
เมื่อชิงโม่เห็นลี่จุนถิงหยุดเดิน เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นลี่จุนซินที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงหน้าของลี่จุนถิง ในใจก็กู่ร้องแย่แน่แล้ว
ชิงโม่ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เขาพูดเสียงเบากับลี่จุนถิงไปว่า :“คุณชายลี่ คุณยืนอยู่นี่ก่อนอย่าเพิ่งไหนนะครับ ”
จากนั้นชิงโม่ก็ดึงลี่จุนซินไปอีกทาง
ลี่จุนถิงมองดูหญิงสาวอ่อนช้อยงดงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อครู่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องจ้องมองตัวเองด้วยท่าทีที่ตกตะลึงอย่างนั้น หรือเพราะเธอรู้จักตัวเอง ?
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว แต่ในความทรงจำของตัวเองก็ไม่มีความรู้สึกอะไรกับคนคนนี้
แต่ชิงโม่บอกเขาว่าอย่าเดินไปไหน ลี่จุนถิงก็ยืนอยู่ที่เดิม มองไปยังบริเวณโดยรอบของร้านอาหาร
“ชิงโม่ นี่มัน……นี่มันจุนถิงนี่?”ลี่จุนซินก็มองไปที่ลี่จุนถิงอีกครั้ง
แต่กิริยาท่าทางของลี่จุนถิงเมื่อกี้มันคืออะไร ? ไม่รู้จักตัวเอง ? หรือเป็นวิธีการทักทายของคนที่ไม่เจอกันมานาน ?
“คุณหนูลี่ จุ๊ๆ……”ชิงโม่ยกนิ้วชี้ไปไว้ที่ปาก เพื่อบอกลี่จุนซินอย่าส่งเสียงดัง
ลี่จุนซินไม่เข้าใจว่าทำไมชิงโม่ต้องห้ามตัวเองไม่ให้พูดคุยกับลี่จุนถิง
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของลี่จุนซินสงบลง ชิงโม่ก็เอ่ยพูดว่า :“คุณหนูลี่ เขาคือคุณชายลี่”
“แล้วทำไมคุณไม่ให้ฉันเข้าไปหาเขา”ลี่จุนซินพูดแล้วสะบัดมือออก ตั้งใจจะเดินเข้าไปหาลี่จุนถิง
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณหนูลี่”ชิงโม่รีบดึงลี่จุนซินกลับมา “คุณฟังผมก่อน”
ลี่จุนซินขมวดคิ้วเล็กน้อย มองกลับไปที่ชิงโม่ผู้ชายคนนี้กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องห้ามเธอด้วย
เขาไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เธอดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นลี่จุนถิง ลี่จุนถิงกลับมาบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็มีความหวังแล้ว !
“ตอนนี้สถานการณ์ของคุณชายลี่ไม่สู้ดีนัก คุณอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังผมก่อน”ชิงโม่แอบมองไปที่ลี่จุนถิงแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มองกลับมา ก็ดึงลี่จุนซินไปที่ลับตาคน
“สถานการณ์ไม่ดี ? หมายความว่าไง ?”ลี่จุนซินสีหน้างุนงง
“อย่าพูดถึงมันเลยครับ”ชิงโม่หงุดหงิดและผิดหวังเล็กน้อย “ตอนนี้คุณชายลี่ความจำเสื่อม เขาจำอะไรไม่ได้เลย คุณก็เห็น ท่าทีของเขาเมื่อกี้ไม่ได้รู้จักอะไรคุณเลย อย่าว่าแต่พวกเราเลย ตอนนี้แม้แต่คุณนายเองเขาก็ไม่รู้จัก และตอนนี้ข้างกายเขาก็มีผู้หญิงอีกคนโผล่มาชื่อซูซาน และผู้หญิงคนนี้ก็รับมือยากจริงๆ”
สำหรับชิงโม่แล้วผู้หญิงนั้นรับมือยากทุกคน
“อะไรนะ?”ลี่จุนซินอุทานอย่างตกใจ เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ชิงโม่พูด
ชิงโม่รีบเอามือปิดปากลี่จุนซิน:“คุณหนูลี่ เบาๆหน่อย”
ลี่จุนซินพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเธอจะระวังตัวให้มากขึ้น
“จุนถิงความจำเสื่อม ? แล้วมีผู้หญิงโผล่มาอีกคน ?”ลี่จุนซินถามเพื่อย้ำความแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดไป
“ใช่ครับ ผู้หญิงคนนั้นยังแอบอ้างว่าเธอเป็นคู่หมั้นของคุณชายลี่ ”
“ผู้หญิงคนนี้จะมากเกินไปแล้ว!”ลี่จุนซินพูดอย่างหงุดหงิด
ลี่จุนซินได้ยินที่แม่บ้านพูด เจียงหยุนเอ๋อน้ำตาอาบแก้มเกือบทุกวันที่กลับไปบ้าน แต่เวลาที่ไปทำงานก็ยังคงแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง
ลี่จุนซินเองคิดถึงลี่จุนถิงอยู่ตลอด แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งไม่ต้องพูดเลย
ตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทก็มาเป็นแบบนี้ แต่ผู้หญิงที่ชื่อซูซานอะไรนั้น ยังกล้าที่จะรั้งตัวลี่จุนถิงที่สูญเสียความจำเอาไว้แบบนั้น มิหนำซ้ำยังหลอกลี่จุนถิงอีก เป็นใครก็ทนไม่ได้แน่นอน
“ใช่”ชิงโม่พยักหน้า “เพราะฉะนั้นตอนนี้เราอย่าเพิ่งวู่วาม สิ่งที่ต้องทำก็คืนช่วยฟื้นความจำให้คุณชายลี่ ขอแค่ฟื้นความจำเขาได้ คำพูดของซูซานก็จะไม่มีความหมายอะไร