วันต่อมา ซูซานตื่นแต่เช้า ตั้งใจแต่งตัวสวยงามเหมือนทุกวัน แต่วันนี้เธอไม่ได้ทำเหมือนวันก่อนที่ให้ลี่จุนถิงออกไปกับเธอ หลังจากที่ซูซานแต่งตัวเสร็จ มองดูตัวเองที่เพอร์เฟคในกระจก ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สวยที่สุดของตัวเอง แต่ว่าความโหดร้ายในสายตาของเธอบอกถึงความรู้สึกในใจของเธอ
“เจียงหยุนเอ๋อ เธอรอไว้เถอะ ชาตินี้เธอก็ไม่มีทางได้เจอลี่จุนถิง ลี่จุนถิง กำหนดไว้แล้วว่าเป็นของฉัน”
ลี่จุนถิงในตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เขาวางไว้ในใจถูกซูซานจ้องไว้แล้ว
ซูซานจัดผมเสร็จก็ออกจากห้องของตัวเอง เดินไปที่หน้าห้องของลี่จุนถิงแล้วเคาะประตู “จุนถิง นายตื่นรึยัง? เราไปทานข้าวเช้ากันเถอะ” แต่ว่าคนในห้องไปตอบอะไรเธอเลย ซูซานขมวดคิ้ว คิดในใจ หรือว่าเขาออกไปหาผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?
ในขณะนี้ เธอได้ยินเสียงจากห้องของลี่จุนถิง “ตึกๆๆ” เธอบิดลูกบิดประตู ประตูไม่ได้ล็อก ก็เลยดันประตูเข้าไป
หลังจากที่เธอเข้าไป ก็เห็นลี่จุนถิงที่ถอดเสื้อวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง หลังและไหล่ที่แข็งแรงและกว้างใหญ่ของลี่จุนถิง เพราะว่าวิ่งเลยมีเหงื่อเต็มตัวที่ทำให้ดูเซ็กซี่ ตาของซูซานก็จ้องหลังของลี่จุนถิงย่างไม่รู้ตัว ทำให้บวกความชอบลี่จุนถิงในใจไปอีก
ลี่จุนถิงได้ยินเสียงจากข้างหลังก็หันไปมอง เขาเห็นซูซานจ้องเขาอยู่ด้านหลังนิ่งไป หน้าของเขาก็บึ้งลง แล้วก็ยอมเสื้อเชิ้ตบนเก้าอี้ข้างๆมาใส่
เขาใสเสื้อเสร็จแล้วก็ยังเห็นว่าซูซานจ้องเขาไว้อยู่ ก็รีบพูดขึ้นเสียงต่ำ: “ซูซาน เธอมาทำอะไรที่นี่?” แต่ว่าซูซานยังคงลุ่มหลงอยู่กับความหล่อของลี่จุนถิงอยู่ ไม่ทันดึงสติกลับมา ลี่จุนถิงก็เรียกเธออีกครั้ง
ซูซานตั้งสติได้ คิดภาพที่ตัวเองเห็นเมื่อสักครู่ หน้าก็แดงขึ้นมา ก้มหน้าลง พูดอย่างอายๆและเสียงเบา: “ฉันมาเรียกนายไปทานข้าวเช้าด้วยกัน ฉันเห็นว่าประตูไมได้ล็อก ก็เลยเข้ามาเรียกนาย ฉัน …..” “โอเค ไม่ต้องพูดแล้ว คุณออกไปก่อน ผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะออกไป”
ตอนนี้เธอถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของลี่จุนถิงไม่พอใจ เงยหน้าขึ้น เห็นด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ในใจของซูซานหม่นหมองลง รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป แต่ว่าเธอก็ยังคงยิ้มต่อไป อยากจะพูดอะไรกับลี่จุนถิงสักหน่อย แต่ว่าเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของลี่จุนถิง ก็ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “งั้นฉันไปรอนายด้านนอกนะ”
ออกไปจากห้องของลี่จุนถิง สีหน้าของซูซานก็เปลี่ยนไป ขมวดคิ้วแน่น ความแค้นที่มีต่อเจียงหยุนเอ๋อในใจก็เพิ่มมากขึ้น
หลังจากที่รอลี่จุนถิงออกมา ก็ไปกินอาหารเช้าของโรงแรมด้วยกัน
ลี่จุนถิงเห็นซูซานที่ยุ่งกับการจัดอาหารให้ตัวเอง ไม่รู้ว่าซูซานคิดอะไรอยู่
หลังจากที่ซูซานทำเสร็จ ยิ้มให้ลี่จุนถิงด้วยรอยยิ้มที่หวานที่สุด พูดว่า: “จุนถิง สองวันก่อนฉันรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่มีความสนใจเหมือนฉัน วันนี้เธอนัดฉันออกไป วันนี้ฉันก็ไม่อยู่เป็นเพื่อนนายแล้ว นายไปเดินเที่ยว….คนเดียว ดีไหม?”
ลี่จุนถิงที่ดื่กาแฟอยู่พยักหน้าอย่างไร้สีหน้า แสดงว่าตัวเองรู้แล้ว
ซูซานเห็นลี่จุนถิงเป็นแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยึดไม่ไหว แต่ก็ยังฝืนยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า: “งั้นนายค่อยๆกินล่ะ ฉันไปก่อนนะ”
พอพูดจบ ซูซานก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางประตูใหญ่ ลี่จุนถิงเห็นเธอเดินออกไปจากประตูโรงแรม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อชิงโม่ หลังจากที่ชิงโม่มาถึง ก็ไปที่ด้านล่างของบริษัทกับลี่จุนถิง รอเจียงหยุนเอ๋อมาทำงาน จากนั้นก็สังเกตเจียงหยุนเอ๋ออยู่ไกลๆ
แต่ว่า ลี่จุนถิงไม่รู้ว่าห่างจากพวกเขาไม่ไกลมีรถคันหนึ่ง ซูซานเองก็กำลังจับตามองพวกเขาไว้
เป็นเเบบนี้ มาหลายวัน ซูซานก็ไม่ได้อยู่กับลี่จุนถิง ในใจของลี่จุนถิงก็สงสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ในใจของเขามีแต่เจียงหยุนเอ๋อและลูกในท้องของเขา
ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อก็ท้องได้5-6เดือนแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ท้องก็ขัดขึ้น บางทียังรู้สึกว่าท้องมีการตอบสนอง
ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าหลังจากที่ทำงานมาทั้งวันยิ่งอยู่ยิ่งเหนื่อย ด้านหนึ่งท้องนับวันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น อีกทางด้านหนึ่งก็การทำงานที่มากขึ้น
ตั้งแต่ที่ท่านปู่ลี่ป่วยหนัก เธอกับพี่สาวก็ยุ่งทุกวัน ถึงแม้ว่าลี่จุนถิงจะหายไป แต่ว่าการประชุมผู้ถือหุ้นก็ยังคงดำเนินต่อ
วันนี้ ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนซินเดินเข้าไปในห้องประชุม เห็นว่าลี่หุยและลี่หยูนห่วนนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ถือหุ้น ในใจก็หวั่น คิดว่าวันนี้คงจะเจอศึกหนักแล้ว
เป็นแบบนั้นจริงๆ เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนซินเพิ่งนั่งลง ก็มีผู้ถือหุ้นอยู่ไม่นิ่งแล้ว พูดขึ้นเสียงดัง: “ในเมื่อประธานลี่ไม่กลับมาสักที อีกอย่างก็อาจจะไม่กลับมาแล้ว งั้นเราก็เลือกประธานคนใหม่มาดูแล!”
ลี่จุนซินหน้าบึ้งตึง ดุคนคนนั้น: “ฉันก็คือประธานชั่วคราว หรือว่าฉันในฐานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลลี่ไม่เหมาะที่จะเป็นประธานเหรอ?”
คนคนนั้นตอบอย่างยิ้มๆ: “คุณหนูลี่ คุณก็แค่ผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง เรื่องการค้าคุณอย่ายุ่งเกี่ยวด้วยดีกว่า ตระกูลลี่ยังมีคุณชายอีก2คนนี้ ผมคิดว่าให้พวกเขาเป็นก็ดีนะ”
“จะบ้าเหรอ ตำแหน่งประธานจะให้ใครมาเป็นก็ได้เหรอ!”
“พี่ครับ พี่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ในมือผมมีหุ้นของบริษัทลี่ซือกรุ๊ปอยู่35% ผมยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นประธานอีกเหรอ?” ลี่หยุนห่วนยิ้มแล้วพูด
“ใช่สิ พี่สาว พี่รีบปล่อยตำแหน่งประธานออกมาเถอะ พวกเราก็จะได้จัดการให้พี่เป็นผู้จัดการเล่นๆ” ลี่หุยพู้ดย่างเย้ยๆ
ในที่ตรงนั้นมีผู้ถือหุ้นครึ่งหนึ่งที่ถูกลี่หุยและลี่หยุนห่วนซื้อไปแล้ว พอลี่หยุนห่วนพูดจบ ผู้ถือหุ้นส่วนมากก็แสดงว่าเห็นด้วยตรงนั้นเลย
ลี่จุนซินเห็นหน้าที่ได้ใจของลี่หุยและลี่หยุนหว่ย ก็โมโหไม่น้อย ก็เรียกผู้ช่วยและยามเข้ามาเลย
“ไปเรียกยามมาให้ฉัน ไล่ไอ้คนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนไปซะ!”
ผู้ช่วยออกไปได้ไม่ถึง1นาทีก็รีบวิ่งเข้ามา พูดกับลี่จุนซินอย่ารีบร้อนว่า: “ประธานลี่ แย่แล้ว ยามถูกพวกเขาเปลี่ยนทิ้งแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่ฟังเราแล้ว”
ลี่จุนซินโมโหจนยืนขึ้นตบโต๊ะ จริงๆแล้ว พนักงานในบริษัท ก็ถูกเปลี่ยนทิ้งหมดโดยที่เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนซินไม่รู้ ลี่หยูนห่วนและลี่หุยก็ได้เอาคนของพวกเขาเข้ามาหมดแล้ว
ในขณะนี้ ลี่หยูนห่วนพูดย่างได้ใจว่า: “พี่สาว ทุกคนก็ทำเพื่อบริษัท อีกอย่างตอนนี้พี่ชายอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ พี่ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง พี่แบกรับไม่ไหวหรอก อีกอย่างนะหุ้นในมือของพี่ก็สู้เราไม่ไหว พี่ก็ยอมออกจากตำแหน่งมาง่ายเถอะ”
“นายพูดผิดแล้ว ฉันคือคนที่มีหุ้นของบริษัทเยอะที่สุดในตอนนี้ ถ้าจะเปลี่ยนคนที่ดำรงตำแหน่งแทนประธานก็ต้องเป็นฉัน” และในขณะนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ลุกขึ้นพูดอย่างใจเย็น สีหน้าของลี่หยูนห่วนและลี่หุยเปลี่ยนไปทันที พูดเสียงดัง: “เป็นไปไม่ได้!”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จุนถิงได้โอนหุ้นในชื่อของเขามาให้ฉันและถวนจื่อตั้งนานแล้ว อีกอย่างของคุณปู่เอง ก่อนหน้านี้ก็ได้ร่างพินัยกรรมเรื่องหุ้นไว้แล้ว เอาหุ้นทั้งหมดของท่านไว้ในนานของถวนจื่อทั้งหมด พวกนายก็ยังไม่มีสิทธิ์มาแย่งตำแหน่งประธานกับฉันได้”
พอเตียงหนุนเอ๋อพูดเสร็จ ก็มองพวกเขาอย่างไร้สีหน้า