จากนั้นบทสนทนานี้ก็ไม่ได้ดำเนินไปต่อ ลี่จุนถิงหาข้ออ้างที่จะ“ไล่”ซูซานออกไป
ซูซานรู้สึกไม่วางใจ เธอจึงคิดหาวิธีติดต่อไปหาชิงโม่
ชิงโม่มึนงงสงสัย ว่าทำไม ซูซาน ถึงได้ติดต่อมาหาตัวเอง หรือเพราะเธอรู้เรื่องที่เขาแอบติดต่อกับลี่จุนถิง
เมื่อคิดว่าซูซานกับลี่จุนถิงก็มีความสัมพันธ์ต่อกัน ชิงโม่ก็ตอบตกลง
ซูซานนัดเจอเขาในร้านอาหารร้านหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าคุณซูซานนัดผมมามีเรื่องอะไรเหรอครับ ?” ชิงโม่รู้ว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลี่จุนถิงแน่ๆ ก็เพียงแค่อยากให้การเจอกันครั้งนี้เริ่มและจบไปให้เร็วที่สุดก็เท่านั้น
“คุณรู้จักลี่จุนถิงใช่ไหมคะ ?”ซูซานมองไปที่ชิงโม่
ชิงโม่สูงประมาณ 180 เซนติเมตรเห็นจะได้ สวมชุดดำทั้งชุด และสวมเสื้อกันลมสีกากี ใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าอาการอะไร
“ครับ”ชิงโม่ตอบสั้นๆ
“คุณบอกฉันได้ไหมว่าคุณกับเขามีความเกี่ยวพันยังไงกัน ?” ซูซานไม่อยากจะพูดอ้อมค้อม เมื่อมองดูท่าทีของชิงโม่ก็รู้ว่าเขาก็คงจะไม่พูดอ้อมค้อมอะไรกับตัวเองเหมือนกัน
ชิงโม่เม้มริมฝีปากแน่น และจ้องมองไปยังข้างหน้า
“อืม?” ซูซานขมวดคิ้ว แยกไม่ออกว่าชิงโม่ไม่ได้ยินที่เธอถามหรือว่าไม่อยากตอบกันแน่
แต่ในห้องส่วนตัวนี้มีเพียงเขาสองคนเท่านั้น และไม่มีเสียงรบกวนอะไร เห็นได้ชัดว่าคำตอบของชิงโม่คืออย่างหลัง
แต่เพราะเพิ่งจะเจอชิงโม่เป็นครั้งแรก ซูซานจึงไม่อยากแสดงความไม่พอใจออกมา หากชิงโม่เป็นคนนิสัยดี ไม่แน่บางทีเธออาจจะได้รู้อะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอบ้าง แต่ถ้าหากชิงโม่นิสัยไม่ดี เธอแสดงอาการแบบนั้นก็อาจจะทำให้เขาไม่พอใจก็ได้ ถึงตอนนั้นอยากจะทำดีด้วยก็อาจจะกลายเป็นเรื่องแย่ไปแล้วก็ได้
“เพื่อน”ชิงโม่เปิดปากพูดเบาๆ พูดออกมาเพียงคำสั้นๆเท่านั้น
ตอนนี้ชิงโม่มั่นใจได้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของ ซูซานในครั้งนี้ คือต้องการรู้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับลี่จุนถิง
คงเพราะเธอรู้เรื่องที่เขาติดต่อกับลี่จุนถิง และที่ลี่จุนถิงติดต่อกับตัวเขาเองก็เพราะว่าเชื่อในสิ่งที่เขาพูด เพราะฉะนั้นตามนิสัยของลี่จุนถิงแล้ว คงต้องมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปกับซูซาน สิ่งนี้เลยทำให้ซูซานรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณชิงโม่ค่ะ คุณกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า ?”น้ำเสียงของซูซานดูไม่พอใจมากขึ้นไปอีก แต่เธอยังคงเก็บอารมณ์เอาไว้
คนสองคนจะยังคงติดต่อกันก็เพราะมิตรภาพของความเป็นเพื่อนเรื่องแค่นี้ซูซานจะไม่รู้มันเลยเชียวเหรอ ? ที่เธออยากรู้คืออะไรที่มันลึกซึ้งกว่านั้น อาทิเช่นความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองสนิทสนมกันมากแค่ไหน บางทีเพื่อต้องการที่จะรั้งตัวลี่จุนถิงเอาไว้ อาจจะต้องเริ่มจากที่ชิงโม่
“ไม่ครับ”
“คุณชิงโม่ ฉันเชื่อว่าคุณเองก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับจุนถิง ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาหาจุนถิง” ซูซานคิดว่าใช้วิธีพูดโน้มน้าวน่าจะดีกว่า
“พวกคุณไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน”
“เรา……”ซูซานไม่รู้จะตอบมันยังไง เพราะหากชิงโม่รู้อดีตของลี่จุนถิง ตัวเธอเองกับลี่จุนถิงก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันจริงๆ แต่ซูซานอยากที่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง “ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นคนช่วยชีวิตลี่จุนถิง และฉันคิดว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ความสัมพันธ์ของพวกคุณ ”
“ที่คุณช่วยคุณชายลี่มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น”ชิงโม่ซาบซึ้งในบุญคุณที่ซูซานได้ช่วยลี่จุนถิง หากเธอใช้วิธีนี้เพื่อจะผูกมัดลี่จุนถิง ชิงโม่ก็จะไม่ทนเธอเหมือนกัน “หากคำขอของคุณมันจะมากเกินไปแบบนี้ คุณเลือกที่จะไล่คุณชายลี่ออกจากบ้านคุณก็ได้”
ชิงโม่หวังที่จะให้ ซูซานปล่อยตัวลี่จุนถิง เพราะแบบนี้ลี่จุนถิงก็มีความชอบธรรมที่จะกลับไปหาเจียงหยุนเอ๋ออย่างเปิดเผย ซึ่งอาจเป็นการดีที่จะช่วยฟื้นความจำให้กับลี่จุนถิงได้ด้วย
“นี่คุณ!”ซูซานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ตัวเองพูดกับชิงโม่ด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่อ่อนโยนก็แล้ว แต่ก็เห็นได้ว่า เขาไม่ได้มีกิริยาท่าทางที่ดีกับตัวเองเลย งั้นซูซานก็จะไม่เกรงใจแล้ว :“ฉันคิดว่าคุณคงรู้สถานะตัวตนของฉันดี คุณไม่กลัวว่าฉันจะให้พ่อแม่ฉันมาจัดการคุณเหรอ?”
ชิงโม่ยิ้มเยาะ :“ไม่เป็นไร ผมจะลองดูก็ได้”
ชิงโม่รู้สึกไม่พอใจซูซาน เธออ้างหลักศีลธรรมมาบังคับตัวเอง และตอนนี้ใช้อำนาจของครอบครัวมาข่มขู่คุกคามตัวเอง ลำพังแค่
เรื่องนี้ เธอก็เทียบอะไรกับเจียงหยุนเอ๋อไม่ได้แล้ว
ซูซานสูดหายใจเข้าลึกๆ คิดว่าเธอคงจะใช้ไม้แข็งไม่ได้ น้ำเสียงก็นุ่มนวลลง :“คุณชิงโม่ หากคุณบอกฉัน ฉันจะให้คุณในสิ่งที่คุณต้องการ”
“คุณรู้ไหมว่าผมต้องการอะไร?”ชิงโม่เลิกคิ้ว
“คุณต้องการอะไร?”ซูซานมีความหวังขึ้นมา ไม่แน่ว่าเธออาจจะให้ในสิ่งที่ชิงโม่ต้องการก็ได้
“ผมต้องการให้คุณชายลี่ฟื้นความจำให้ได้ และกลับไปหาครอบครัวของเขาเอง”ชิงโม่รู้ว่าลี่จุนถิงรอที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเจียงหยุนเอ๋อมาเป็นเวลานานมากแล้ว
ในฐานะลูกน้องของลี่จุนถิง ความหวังของเขาคือการได้เห็นเจ้านายตัวเองได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเขาเองต้องการ
“เป็นไปไม่ได้”ซูซานปฏิเสธไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“จะเป็นไปได้หรือไม่ได้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ”ชิงโม่พูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองไปที่ซูซานด้วยสายตาที่เย็นชา สะบัดเสื้อแล้วเดินจากไป
ซูซานเองก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธ มองไปที่แผ่นหลังของชิงโม่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เพราะอะไรทำไมไม่ว่าเขาจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็ง ชิงโม่ก็ไม่ยอมที่จะปริปากพูด หรือเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขามันลึกลับซับซ้อนงั้นเหรอ ?
การพูดโน้มน้าวชิงโม่ล้มเหลว ซูซานกระทืบเท้า แล้วเดินกลับไป
ทันใดนั้นเธอก็คิดว่าจะหาคนมาลักพาตัวชิงโม่ ทำแบบนี้ลี่จุนถิงก็จะไม่สามารถติดต่อกับชิงโม่ได้อีก ไม่มีคนที่คอยช่วยเหลือลี่จุนถิง สุดท้ายลี่จุนถิงก็จะยอมแพ้ไปเอง
แต่แล้วซูซานก็ส่ายหัวไปมาอีกครั้ง วิธีนี้เป็นไปได้ยาก หากอยู่ที่เฉินกั๋วก็ยังจะพอทำได้ เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นหวากั๋ว คนที่รู้จักกับลี่จุนถิงมีมากมายจนไม่น่าเชื่อ เธอจะทำอะไรโดยพลการไม่ได้
ถึงตอนนั้นจะมีผู้คนจำนวนมากที่รู้ว่าลี่จุนถิงกลับมาแล้ว เกรงว่าสถานะของตัวเองก็อาจจะถูกคุกคามไปด้วย เพราะยังไงตอนนี้ก็มีแค่ชิงโม่
ในที่สุดซูซานก็คิดว่า วิธีที่ดีที่สุด ก็คือคอยตามประกบลี่จุนถิง หากตัวเองคอยจับตามองดูเขา เขาก็จะหาโอกาสไปเจอกับชิงโม่ไม่ได้อีก
ลี่จุนถิงก็กลุ้มใจ ในช่วงหลายวันมานี้ซูซานก็ยิ่งคอยตามเขามากขึ้น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนซูซานก็จะคอยตามอยู่ตลอดไม่ห่าง
“ซูซาน ทำไมช่วงนี้คุณเอาแต่คอยตามผมอยู่แบบนี้ ? ” ในขณะที่ทั้งสองยังกินอาหารมื้อเที่ยงอยู่นั้น ลี่จุนถิงก็เอ่ยถาม
ซูซานเงยหน้าขึ้นมองลี่จุนถิงด้วยท่าทีงุนงง:“เราออกมาเที่ยว ฉันไม่ตามคุณ แล้วฉันจะไปตามใครละคะ? ”
“แต่ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ บางครั้งผมก็อยากจะใช้เวลาอยู่คนเดียว คุณทำแบบนี้ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวให้ผมเลย”ในตอนที่อยู่เฉินกั๋ว ลี่จุนถิงเคยพูดกับซูซานไปแล้วหลายครั้งเกี่ยวกับปัญหาของความรัก ซูซานในตอนนั้นบอกว่าเคารพและให้เกียรติตัวเอง แต่ตอนนี้ก็กลับไปเหมือนเมื่อก่อนอีก
“แต่ว่า ฉันก็แค่อยากอยู่กับคุณ หรือคุณไม่ต้องการแบบนั้น ? คุณอยากจะออกไปตามใครตามลำพังอย่างนั้นเหรอ ? ” ซูซานจ้องมองไปที่ลี่จุนถิ