“ใช่ ผู้หญิงแบบนี้จะให้อยู่ข้างกายของลี่จุนถิงไม่ได้เด็ดขาด”ลี่จุนซินกัดฟันแน่น ในใจก็นึกวาดภาพของซูซานขึ้นมา
ชิงโม่พยักหน้า
“คุณคิดว่าฉันไปเจอผู้หญิงคนนั้นดีไหม มันเกินไป คนฉวยโอกาส” ลี่จุนซินอยากจะไปกระชากซูซานแล้วตบสั่งสอนเธอสักหน่อย
บวกกับเรื่องของบริษัทในตอนนี้ ลี่จุนซินก็มีเรื่องให้กลุ้มใจอยู่ไม่น้อย พออารมณ์เสียก็อยากหาที่ระบายด้วยการตบตีคน
มือที่สามแบบซูซาน ลี่จุนซินไม่มีทางเห็นชอบเป็นอันขาด การปรากฏตัวของซูซานทำให้ลี่จุนซินคิดไปถึงจ้าวเฟยเฟย
เพราะมีมือที่สามแบบนี้ ทำให้ครอบครัวของตัวเองต้องมาบ้านแตกสาแหรกขาด ทำให้บริษัทมีบรรยากาศที่อึมครึม และตอนนี้ก็ยังจะคิดทำลายครอบครัวของน้องชายตัวเองอีก ไม่ว่ายังไงลี่จุนซินก็จะปกป้องมันด้วยชีวิต
ชิงโม่ริมฝีปากกระตุก เมื่อก่อนทำไมถึงไม่เคยเห็นพี่สาวของลี่จุนถิงเป็นคนแบบนี้มาก่อน พูดตามตรงชิงโม่เองก็เคยเจอลี่จุนซินไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งที่เจอ เธอเป็นผู้หญิงที่สุขุมลุ่มลึกหรือไม่ก็ฉลาดหลักแหลม ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ชิงโม่รีบส่ายหัว:“คุณหนูลี่ อันนี้คงไม่จำเป็นครับ สถานะของซูซานไม่ธรรมดา บ้านของเธอที่เฉินกั๋วค่อนข้างใหญ่โตและมีอำนาจพอตัว”
เมื่อได้ยินว่าเป็นคนมีเส้นมีสาย ลี่จุนซินก็รู้สึกไม่พอใจ :“ทำไม ? มีเส้นสาย ? มีอำนาจแล้วยังไง ? ลี่ซื่อของเราไม่มีอำนาจบารมีเลยหรือไง ? ฉันลี่จุนซินยังจะต้องกลัวผู้หญิงแบบนี้ด้วยเหรอ ? ”
พอพูดขึ้นมาลี่จุนซินก็เปลี่ยนท่าทีตัวเอง จากผู้หญิงที่สุขุมลุ่มลึกก็ถลกแขนเสื้อขึ้น
“คุณหนูลี่ ใจเย็นๆก่อนครับ เรื่องนี้เราต้องค่อยๆวางแผน อย่าเพิ่งวู่วามไป” ชิงโม่รีบพูดห้ามปรามลี่จุนซินทันที
“แล้วคุณคิดว่าเราควรทำยังไงกันดี ”ลี่จุนซินจ้องมองไปที่ชิงโม่
“เอาแบบนี้ คุณให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของคุณนายกับผม จากนั้นผมจะดูว่าพอจะพาคุณชายลี่ไปตามดูคุณนายได้ไหม ไม่แน่บางทีถ้าได้เห็นคุณนาย คุณชายลี่อาจจะจำอะไรขึ้นมาก็ได้”
ลี่จุนซินพยักหน้า:“ทำแบบนี้คือการกระตุ้นความจำหรือเปล่า? ”
ชิงโม่พยักหน้า:“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ครับ”
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันกินข้าวเสร็จกลับบ้านแล้วจะส่งให้คุณทันที”ลี่จุนซินพยักหน้า “มีอะไรที่อยากจะให้ฉันช่วยอีกไหม?”
ชิงโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยพูดว่า :“คุณหนูลี่ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ หากมีอะไร ผมจะติดต่อไป ”
ตอนนี้สิ่งที่ตัวเองพอจะช่วยน้องชายได้ก็คงจะมีเท่านี้
ลี่จุนซินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างลี่จุนถิงกับชิงโม่ก็ถือว่าดีใช้ได้ ไม่งั้นคงไม่มาอยู่ด้วยกันที่นี่ พอคิดได้แบบนี้ลี่จุนซินก็เบาใจขึ้นมาได้มาก
ไม่ว่ายังไงตอนนี้ชิงโม่ก็คงเป็นคนที่เข้าใจลี่จุนถิงที่สุด
“งั้นเรื่องนี้ฉันจะยังไม่บอกเจียงหยุนเอ๋อให้รู้ ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นกังวล” ลี่จุนซินมองไปยังเจียงหยุนเอ๋อที่นั่งเหม่อลอยมือเท้าคางมองไปยังนอกหน้าต่าง ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ คงจะคิดถึงลี่จุนถิงอีกแล้วแน่ๆ
เพียงแต่ว่า เธอมักจะแสดงตัวเองว่าเธอเข้มแข็ง คงไม่ต้องการให้คนอื่นมาเป็นกังวลก็เท่านั้น ?
“ผมก็คิดแบบนั้น ดังนั้นจึงไม่ได้ให้คุณชายลี่กับคุณนายได้เจอกัน เพราะกลัวว่าจะทำให้เรื่องมันยุ่งวุ่นวายมากไปกว่านี้ ”
“อืม ก็ถูก” ลี่จุนซินคิดว่าชิงโม่ก็ยังเป็นคนที่มีความคิด “แล้วคุณเคยคิดไหมว่าจะทำยังไงให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากชีวิตของลี่จุนถิง ? ”
ชิงโม่ส่ายหัว:“ผู้หญิงคนนั้นดูจะสนใจคุณชายลี่เป็นอย่างมาก และคอยดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ”
เมื่อลี่จุนซินได้ยินก็ขมวดคิ้ว :“แล้วจุนถิงรู้สึกยังไงกับเธอ?”
ชิงโม่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า:“ตอนแรก คุณชายลี่ก็ดูเหมือนจะดีกับคุณซูซานอยู่มาก คงเพราะคุณซูซานช่วยชีวิตเขาไว้ ยังไงก็เชื่อใจเธออยู่ไม่น้อย แต่ตั้งแต่ที่ผมบอกคุณชายลี่ว่าเขานั้นมีครอบครัวแล้ว เขาก็รู้ว่าคุณซูซานโกหกเขา คุณชายลี่คงไม่มีความรู้สึกดีๆอะไรกับคุณซูซานอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่ชิงโม่พูด ลี่จุนซินก็โล่งใจ ขอแค่ลี่จุนถิงไม่รู้สึกอะไรกับซูซาน และหากความรู้สึกของน้องชายยังคงมุ่งมั่นแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะถูกซูซานพาตัวไป
“แล้วตอนนี้พวกคุณมาทำอะไรที่นี่ ?”ลี่จุนซินก็เหลือบมองไปที่ลี่จุนถิงอีกครั้ง “มากินข้าว?”
“ครับ และมาคุยธุระกันนิดหน่อย ยังไงคุณชายลี่ก็เป็นที่รู้จักในเมืองจิ่งเฉิง ผมไม่กล้าออกไปกินข้างนอก เลยเปิดห้องส่วนตัว ไม่คิดว่ากินเสร็จออกมาก็จะมาเจอคุณ ”
“อืม งั้นคุณกลับไปก่อนแล้วกัน ฉันก็จะกลับไปกินข้าวแล้วเหมือนกัน”ลี่จุนซินถอนหายใจ
ลี่จุนถิงยืนอยู่ที่เดิมมองไปยังทิศทางที่ลี่จุนซินเดินมา เขารู้สึกที่ตรงนั้นเหมือนมีความคุ้นเคยอะไรบางอย่าง ความรู้สึกนั้นเต้นตามจังหวะของหัวใจอย่างรุนแรง เหมือนมันจะทะลุออกมาให้ได้
ลี่จุนถิงกวาดสายตามองไปทั่วร้านอาหาร สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงโต๊ะที่นั่งข้างหน้าต่าง
มองดูผู้หญิงที่พุงป่อง สวมใส่ชุดคลุมท้องหลวมๆ ผมสีดำเธอถูกมัดรวบแบบเรียบง่าย มีปอยผมกระจายอยู่รอบบริเวณลำคอขาว ซึ่งดูสวยงามยิ่งนัก
เห็นเธอวางแขนอยู่บนโต๊ะ เผยให้เห็นข้อมือขาวเล็กๆ คางเธอวางบนหลังมือเธอเบาๆ ดวงตามองไปยังนอกหน้าต่าง คล้ายกับภาพวาด
แต่เมื่อมองด้านหลังของเธอ ลี่จุนถิงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอารมณ์เศร้ามากในตอนนี้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลี่จุนถิงเองก็รู้สึกหัวใจเจ็บปวดเช่นกัน
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กัน ?
ยิ่งมองลี่จุนถิงก็ยิ่งรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เขาโหยหามานาน มีความรู้สึกอยากที่จะเข้าไปกอดเธอ ให้ความอบอุ่นช่วยคลายความเหงาและเศร้าที่เธอมี แต่แล้วลี่จุนถิงก็ห้ามตัวเองเอาไว้
ยังไงเสียผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยปรากฏอยู่ในความทรงจำของเขามาก่อน เพียงแต่แค่รู้สึกว่าคุ้นเคยกับเธอมากก็เท่านั้น
ลี่จุนถิงหันกลับไปมองที่ชิงโม่ ก็เห็นว่าชิงโม่กับลี่จุนซินคุยกันเสร็จแล้ว
“คุณชายลี่ครับ ไปกันเถอะ”
ลี่จุนถิงพยักหน้า แล้วมองไปที่ลี่จุนซินแวบหนึ่ง
ลี่จุนซินขยับปาก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป เกรงว่าตอนนี้จะจำกันได้ก็คงไม่เหมาะเท่าไร
ลี่จุนซินยืนอยู่ที่เดิมมองดูลี่จุนถิงเดินจากไป
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ?”ลี่จุนถิงเอ่ยถาม
“คุณชายลี่ คนนั้นเป็นพี่สาวของคุณ”ชิงโม่เริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าลี่จุนถิงจะฟื้นความจำได้เมื่อไร
“ออ?”
“ใช่ครับ วันนี้พี่สาวคุณพาภรรยาคุณออกมากินข้าว ผมคิดว่าพวกเขาคงน่าจะเพิ่งเลิกงานกัน”
“ออ”ลี่จุนถิงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ทำไมเขาถึงจำอะไรไม่ได้ จากการสังเกตและพิจารณาจากที่ผ่านมา ลี่จุนถิงเชื่อคำพูดของชิงโม่ทุกคำ
เขาไม่ได้หลอกตัวเอง และตัวเขาเองก็ความจำเสื่อมจริงๆ เขาสูญเสียคนสำคัญในชีวิต จนตอนนี้ก็ยังหาตัวเธอไม่เจอ
แต่ตอนนี้แม้แต่พี่สาวเองก็ยังจำไม่ได้ ความจำเสื่อมแบบนี้มันฝังลึกแค่ไหนกัน ?
ลี่จุนถิงอยากจะฟื้นความจำให้ได้โดยเร็ว เขาไม่อยากรู้สึกหดหู่เหมือนตอนที่อยู่ในร้านอาหารแบบนั้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลี่จุนถิงก็เร่งฝีเท้า :“ฉันกลับก่อนนะ”
ชิงโม่พยักหน้า และจากไปเช่นกัน
หลังจากที่ลี่จุนซินเข้าห้องน้ำเสร็จเธอก็กลับไปเหมือนกัน