ลี่จุนซินได้ยินเสียงเคาะประตู จากที่ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเล็กน้อยแล้วก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มคนนั้นเห็นท่าทางตื่นกลัวของลี่จุนซินและเกร็งไปทั้งตัว ก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดปลอบเธออย่างอ่อนโยน แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองอ่อนโยนมากแค่ไหน
“คุณอย่าตื่นตระหนกไปเลยครับ มีผมอยู่ตรงนี้”
ลี่จุนซินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างตื่นตระหนก สายตาจ้องมองไปที่ประตูเป็นระยะ ๆ เสียงเคาะประตูด้านนอกยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง นอกจากเสียงเคาะประตูแล้วยังมีเสียงด่ากราดของวาเทอร์อีกด้วย
ลี่จุนซินไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ตอบกลับชายหนุ่มคนนั้น ชายหนุ่มคนนั้นเห็นลี่จุนซินตื่นตระหนกจนเหมือนถูกตอกติดกับโซฟา ก็ถอนหายใจออกมา แล้วค่อย ๆ พยุงลี่จุนซินขึ้น แล้วดันตัวเธอไปอยู่ด้านในสุดของห้อง เอ่ยพูดกับลี่จุนซินด้วยเสียงอ่อนโยนว่า :
“คุณหลบอยู่ในนี้ก่อน มีผมอยู่ตรงนี้ คุณไม่ต้องกลัว”
สีหน้าของลี่จุนซินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอมองเขาแล้วพยักหน้าให้กับเขา
ชายคนนั้นเดินไปที่ประตู แล้วหันไปมองจุดที่ลี่จุนซินอยู่แวบหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าตำแหน่งนี้จะมองไม่เห็นเธอ จึงได้เปิดประตูออก
ตอนที่วาเทอร์รีบขึ้นมาจากชั้นล่าง ก็เห็นคนของตัวเองป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณห้องนี้ตลอด ผู้ช่วยบอกเขาว่า เห็นลี่จุนซินเข้าไปในห้องนี้
วาเทอร์มองหมายเลขห้องนี้ ก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ด้านในต้องเป็นคนที่มีอำนาจหรือตำแหน่งใหญ่โต แต่เขาไม่สนอะไรมากมายอีกแล้ว เขาต้องจับตัวยัยลี่จุนซินบ้านั่นมาสั่งสอนให้ได้
วาเทอร์ออกแรงเคาะประตูอย่างหนัก ปากก็ด่าลี่จุนซินไม่หยุด
ขณะที่ประตูถูกเปิดออก วาเทอร์ก็ตกใจ เขาที่กำลังจะอ้าปากด่าคน เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง ก็อึ้งอยู่กับที่ มือที่ตั้งท่าเคาะประตูอยู่ก็ค้างไว้อย่างนั้น คำพูดหยาบคายที่กำลังจะพ่นออกมาก็ได้กลืนมันกลับลงไปหมด
“คุณเวียร์ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
วาเทอร์ร้องเรียกด้วยความตกใจ
“เคาะอีกสิ ทำไมไม่เคาะแล้วล่ะ?”
ชายหนุ่มพิงแขนไว้ที่ขอบประตู แล้วก้มมองวาเทอร์ เขายิ้มแล้วพูดกับวาเทอร์
“ขอโทษด้วยครับ คุณเวียร์ ผมไม่รู้ว่าห้องนี้เป็นห้องของคุณ”
วาเทอร์ก้มหน้า แล้วพูดกับเวียร์อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
ลี่จุนซินที่หลบอยู่ด้านในคอยฟังเสียงอยู่ตลอด สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น คิดในใจว่าสองคนนี้รู้จักกันงั้นเหรอ แล้วเธอจะหนีออกไปยังไงดีล่ะ
เวียร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูคิดไม่ถึงว่าตัวเองถูกลี่จุนซินมองว่าเป็นพวกเดียวกับคนชั่วไปแล้ว เขาถามวาเทอร์ต่ออีกว่า
“วาเทอร์ ทำไมนายมาอยู่ที่นี่? มาทำอะไรที่นี่? แถมยังเคาะประตูอย่างหยาบคายแบบนี้อีก”
วาเทอร์หัวเราะแห้ง ๆ
“ไม่มีอะไรครับ คุณเวียร์ ผมแค่มาตามหาคน แฮะ ๆ”
เวียร์พยักหน้า
“เดิมทีฉันตั้งใจว่าดึกหน่อยค่อยติดต่อนายไป ตอนนี้ดูท่าคงไม่ต้องติดต่อไปแล้ว พรุ่งนี้แปดโมงเช้า มาหาฉันเพื่อรายงานเรื่องงานให้ตรงเวลาด้วย”
วาเทอร์พยักหน้า ทำความเคารพแล้วจากไป
ที่แท้ ผู้ชายคนนี้ก็คือเวียร์·แชนด์เลอร์ เป็นหัวหน้าคณะสำรวจงานที่แท้จริงในครั้งนี้
ตอนนี้ลี่จุนซินรู้สึกโมโหมาก เธอไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าคนคนนั้นที่ลี่จุนถิงพูดถึงเมื่อสองสามวันก่อน ก็คือเวียร์ที่เพิ่งช่วยตัวเอง
เวียร์ปิดประตู แล้วเดินเข้ามา ตั้งใจจะบอกลี่จุนซินว่าปลอดภัยแล้ว แต่ก็เห็นลี่จุนซินจ้องมองตัวเองด้วยความโกรธ
“พวกคุณสองคนรู้จักกันเหรอ? พวกคุณเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า?”
เวียร์ได้ยินประโยคนี้ ก็ยิ้มหวานออกมา
“ร่วมกันทำผิดถึงจะเรียกว่าพวกเดียวกัน แต่ผมไม่ใช่ ผมกับเขาก็แค่เพื่อนร่วมงานธรรมดาเท่านั้น ที่คุณบอกว่าเขาลวนลามคุกคามคุณ คุณเล่ารายละเอียดให้ผมฟังได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ลี่จุนซินยังคงระแวดระวัง แล้วเอ่ยพูด :
“วาเทอร์นั่นไม่ใช่คนดีอะไรเลย นายก็คงเหมือนกัน”
เวียร์ยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาเอ่ยว่า :
“คุณอคติเกินไปหน่อยหรือเปล่าครับ ผมเพิ่งช่วยคุณเมื่อกี้นะ เอาคุณซ่อนไว้ ไม่ได้ส่งตัวคุณออกไป และไม่ได้แตะตัวหรือทำอะไรคุณเลย ทำไมผมถึงกลายเป็นคนเลวไปได้ล่ะ?”
ลี่จุนซินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็ผ่อนคลายลงนิดหน่อย รู้สึกว่าที่เวียร์ก็เป็นเรื่องจริง เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายเลย
ลี่จุนซินนึกถึงพฤติกรรมของวาเทอร์ ก็ยังคงรู้สึกขยะแขยง แต่เธอก็อดทนอดกลั้นเอาไว้ แล้วเล่าความเลวของวาเทอร์ให้เวียร์ฟัง
“พวกเรามาหาวาเทอร์เพื่อเจรจาเรื่องความร่วมมือในโครงการด้วยความจริงใจ แต่เขาเอาแต่บ่ายเบี่ยงออกนอกเรื่องเสมอ อีกทั้งยังมอมเหล้าฉันแล้วเอนตัวมาพิงฉัน แตะต้องเนื้อตัวฉัน ลวนลามฉัน พูดจากับฉันอย่างไร้มารยาทมาก ๆ”
“ก่อนหน้านี้ พวกเราไปพบเขาที่โรงแรม เขาไม่เพียงแต่ไม่ให้พวกเราเข้าพบ หลังจากที่พวกเรารอเขาอยู่ที่ล็อบบี้เป็นเวลาสองชั่วโมงกว่า เขายังเยาะเย้ยและเหน็บแนมพวกเรา ไม่ให้เกียรติกันเลยสักนิด คุณดูสิคุณเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมถึงได้มีเพื่อนร่วมงานขยะ ๆ แบบนี้ล่ะ”
เวียร์ได้ฟังที่ลี่จุนซินเล่า ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา
“คุณช่วยแจ้งให้เจ้านายของพวกคุณทราบหน่อยได้ไหมคะ ให้ไล่เขาออก มีคนแบบนี้อยู่ในบริษัทของพวกคุณ ก็มีแต่จะทำให้บริษัทพวกคุณเสียหาย”
ลี่จุนซินพูดจบ แต่ใบหน้ายังคงโกรธแค้นอยู่
“ขอโทษด้วยนะครับ คุณผู้หญิง ก่อนอื่นผมต้องขอโทษแทนวาเทอร์ด้วย ข้อเสนอของคุณผมจะแจ้งให้เจ้านายของพวกเราทราบครับ ได้ยินที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ว่า พวกคุณมาหาวาเทอร์เพื่อเจรจาเรื่องความร่วมมือ ขอถามหน่อยได้ไหมครับว่ามาจากบริษัทไหน?”
“บริษัทของพวกเราคือ……”
ลี่จุนซินกำลังจะอ้าปากตอบคำถาม โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นเจียงหยุนเอ๋อที่โทรเข้ามา เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิงเป็นห่วงความปลอดภัยของลี่จุนซินมาก
“พี่คะ เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“พี่ไม่เป็นไร ตอนนี้อยู่ที่ห้องหมายเลข 1208 พวกเธอมาที่นี่เถอะ ไว้เจอกันแล้วค่อยเล่ารายละเอียดให้พวกเธอฟัง”
หลังจากวางสาย ลี่จุนซินก็ขอบคุณเวียร์
“ขอบคุณนะคะที่คุณช่วยฉันไว้ ขอบคุณที่คุณยอมฟังฉันบ่นเมื่อกี้นี้ และต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่เมื่อครู่นี้เข้าใจคุณผิดไป”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ คุณไม่ต้องเรียกผมว่า คุณ หรอกครับ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะอายุพอ ๆ กัน”
เวียร์ยิ้มแล้วโบกปัดมือไปมา จากนั้นก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเองและชี้ไปที่ลี่จุนซิน
“ครอบครัวของฉันกำลังจะขึ้นมา ฉันต้องไปก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้ง”
ลี่จุนซินมองเวียร์ด้วยความจริงใจ เธอยิ้มแล้วพูดกับเขา พลางยื่นมือไปหาเวียร์
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะครับ คุณผู้หญิงคนสวยของผม”
เวียร์ยิ้มให้กับลี่จุนซินด้วยรอยยิ้มที่ชวนหลงใหล แล้วจับมือของลี่จุนซินเบา ๆ เวียร์มองดวงตาที่สวยงามคู่นั้นของลี่จุนซิน มองลึกเข้าไปจนลืมปล่อยมือของตัวเองออก
ลี่จุนซินขยับมือเล็กน้อย ทำให้เวียร์ได้สติขึ้นมา แล้วยิ้มให้ลี่จุนซินอย่างรู้สึกผิด
ทั้งสองคนเพิ่งปล่อยมือออก ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู
ลี่จุนซินเปิดประตูออกมาก็เห็นชิงโม่ เลยเอ่ยถาม :
“จุนถิงกับหยุนเอ๋อล่ะ?”
“คุณนายยังผวาอยู่ครับ ประธานลี่เลยอยู่เป็นเพื่อนคุณนายรอคุณอยู่ด้านล่างครับ”
ลี่จุนซินพยักหน้า แล้วหันกลับไปพยักหน้าให้เวียร์ เพื่อบอกว่าจะไปแล้ว
หลังจากปิดประตูห้อง เวียร์ยังคงจ้องอยู่ที่ประตู ราวกับหวังว่าลี่จุนซินจะเปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง
เมื่อเวียร์ตั้งสติได้ ก็เพิ่งนึกออกว่าลืมถามชื่อของเธอ และบริษัทของเธออีกด้วย
เวียร์ก้มหน้าแล้วยิ้มออกมา คิดว่าถ้าหากมีวาสนาต่อกันคงได้พบกันอีกแน่
หลังจากที่ลี่จุนซินเข้ามาในลิฟต์ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมถามชื่อของเขา