ลี่จุนซินได้ยินข้อเสนอแนะของลี่จุนถิง ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร เวียร์ก็ตอบตกลงไปแล้ว เธอจึงไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธ
เมื่อพวกเขามาถึงที่จอดรถแล้ว ในที่สุดลี่จุนซินก็ทนไม่ไหว ตำหนิลี่จุนถิงออกมา :
“ลี่จุนถิง นายกำลังทำอะไรอยู่ห๊ะ? ถ้านายอยากหาคนพาเขาไปเที่ยว ก็มีคนให้เลือกตั้งเยอะแยะนี่ อยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้ใช้ให้ฉันไปเป็นเพื่อนเวียร์?”
“นายเห็นพี่สาวนายเป็นเครื่องมือทางธุรกิจไปแล้วใช่ไหม?”
ลี่จุนซินเท้าสะเอว จ้องเขม็งลี่จุนถิง
“พี่ครับ นี่มันในที่สาธารณะนะครับ ระวังภาพลักษณ์ของตัวเองหน่อย” ลี่จุนถิงพูดเตือน
“ฉันไม่สน วันนี้นายต้องพูดกับฉันให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นนายก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น ฉันรู้ว่านายอยากรีบกลับไปหาหยุนเอ๋อ”
ลี่จุนถิงมองลี่จุนซินด้วยท่าทางจะหัวเราะก็ไม่หัวเราะออกมา ลี่จุนซินรู้สึกขนลุกกับสายตาแบบนี้ขึ้นมา เลยผลักลี่จุนถิงเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “เฮ้ นายอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ ฉันจะอ้วก รีบพูดมา”
“พี่ พี่ไม่รู้สึกว่าเวียร์นั่นมีความรู้สึกดี ๆ ให้พี่เหรอ? ระหว่างที่พวกเราเจรจาหารือกัน ฉันเห็นเขาเอาแต่มองพี่ตลอด แถมยังเอาชา ผลไม้ ขนมยื่นให้พี่อีกต่างหาก ท่าทางใส่ใจพี่มากเลยนะ”
“อีกอย่าง พี่ก็มักจะเผลอจ้องมองเขาด้วย พี่ พี่เองก็มีใจให้เขาเหมือนกันใช่ไหม?”
“ไอเด็กบ้านี่ ถือว่าโตแล้วใช่ไหม ถึงได้กล้าแซวพี่อย่างนี้”
“พี่ ดูด้านหลังสิ เวียร์กำลังมองพี่อยู่นะ”
ลี่จุนซินรีบสำรวมท่าทางของตัวเอง จัดแจงเสื้อผ้าให้ดี แล้วหันกลับไป เตรียมจะยิ้มหวานให้ แต่พบว่าด้านหลังของเธอไม่มีใคร ในระยะห้าร้อยเมตรนี้ไม่มีใครสักคน
ลี่จุนซินโกรธจนหน้าแดง
“แก ไอเด็กบ้านี่ กล้าหลอกลวงพี่สาวแกเหรอห๊ะ”
ลี่จุนถิงเห็นท่าทางของลี่จุนซิน ก็ยิ้มหวานออกมา แล้วพูดกับเธออย่างจริงจังว่า :
“พี่ ผมแต่งงานแล้วนะครับ ตอนนี้พ่อกับแม่ก็อยากให้พี่หาแฟนสักคน คนฉลาด ๆ เขาก็มองออกทั้งนั้นแหละว่าพี่กับเวียร์รู้สึกดี ๆ ต่อกัน พวกพี่สามารถเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้ ไม่จำเป็นว่าต้องแต่งงานกับเขาตอนนี้”
“อีกอย่างเวียร์ก็เป็นคนมีความรู้มีการศึกษาสูง มีความสามารถในการทำงาน คู่ควรที่จะคบหาดูใจกัน”
ลี่จุนซินฟังที่ลี่จุนถิงพูดจบ ก็หน้าแดงมากขึ้นไปอีก เธอมองลี่จุนถิงอย่างโกรธ ๆ ด้วยความอาย แล้วพูดว่า :
“ฉันรู้แล้วน่า แต่ฉันไม่อยากดันทุรังอะไร ปล่อยให้เป็นไปตามพรหมลิขิตเถอะ อีกอย่าง ถ้าหากเขาชอบฉันจริง ๆ เขาจะเป็นฝ่ายเข้าหาฉันเอง ฉันเป็นผู้หญิงนะ ต้องรู้จักรักนวลสงวนตัวสิ”
ลี่จุนซินพูดประโยคนี้ไม่รู้ว่าบอกลี่จุนถิง หรือว่าบอกตัวเองกันแน่
ลี่จุนซินพูดจบก็รีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วดันลี่จุนถิงให้ไปนั่งฝั่งคนขับ ส่วนตัวเองนั่งข้างคนขับ
“ไป รีบกลับบ้าน ตอนมาฉันเป็นคนขับ ขากลับนายขับแล้วกัน เร็ว ๆ ๆ หยุนเอ๋อรอฟังข่าวดีจากพวกเราอยู่ที่บ้านนะ”
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ลี่จุนถิงเปิดประตูมา ก็เห็นเจียงหยุนเอ๋ออุ้มท้องโต เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจอยู่ในห้องรับแขก
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อได้ยินเสียงก็หันตัวมา เห็นลี่จุนถิงและลี่จุนซินกลับมาแล้ว ก็รีบเดินเข้าไปหาพวกเขา
“เป็นยังไงบ้าง จุนถิง? เรื่องความร่วมมือเจรจาเรียบร้อยดีไหม? คนคนนั้นทำให้พวกนายลำบากใจหรือเปล่า?”
ลี่จุนซินเห็นท่าทางที่ไม่ระวังตัวเองของเจียงหยุนเอ๋อ ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อหันไปดูอีกที ลี่จุนถิงก็ได้รีบเดินเข้าไปหาแล้ว
“ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าทำอะไรไม่ต้องรีบร้อน ทำไมเธอไม่รู้จักจำห๊ะ?”
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินลี่จุนถิงดุตัวเองอย่างอ่อนโยน ก็เข้าไปคล้องแขนเขา แล้วเงยหน้า ยิ้มตาหยีให้ลี่จุนถิงแล้วพูดว่า : “ฉันก็แค่เป็นกังวลเรื่องโครงการนี้ นายอย่าโกรธสิ ฉันรับปากว่าจะไม่มีครั้งต่อไปแล้ว”
ลี่จุนถิงมองเจียงหยุนเอ๋อที่ทำท่าออดอ้อน ก็รู้สึกชาไปเลย ความโกรธเมื่อครู่นี้ก็หายไปทันที
ลี่จุนถิงปัดจมูกเจียงหยุนเอ๋อแรง ๆ หนึ่งที แล้วพูดว่า :
“ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างราบรื่นดี”
ได้ยินลี่จุนถิงพูดอย่างนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกวางใจได้สักที
ลี่จุนซินเห็นพวกเขาสองคนหวานเลี่ยนกันขนาดนี้ ทำเหมือนตรงนี้มีพวกเขาแค่สองคน เลยยิ้มออกมา แล้วแอบกลับไปเงียบ ๆ
ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อนึกขึ้นมาได้ ลี่จุนซินก็ได้ขับรถกลับไปแล้ว
“เอ๊ะ? พี่ล่ะ?”
“กลับไปแล้ว”
“ทำไมถึงกลับไปแล้วล่ะ ฉันยังไม่ได้ทักทายเลย”
“พอแล้วน่า เธอนี่กังวลใจไม่จบไม่สิ้นเลยนะ พี่ก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง อยู่เป็นเพื่อนเธอไปตลอดไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างเธอมีฉันแล้วยังไม่พออีกเหรอ? ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำจริง ๆ ก็คือพักผ่อนให้เพียงพอ ตอนค่ำฉันจะพาเธอออกไปทานข้าว แล้วก็เดินเล่นด้วย”
“ไอหยา กับพี่สาวนายยังหึงอีกเหรอเนี่ย”
เจียงหยุนเอ๋อทุบลี่จุนถิงเบา ๆ
“นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้ออกไปข้างนอกตามลำพัง ไปหาซื้อของใช้เด็กอ่อนกันสักหน่อยดีกว่า แล้วก็ซื้อให้ถวนจื่อด้วย”
เจียงหยุนเอ๋อพูดด้วยความตื่นเต้น
ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อใช้ชีวิตกันอย่างสบายใจมาก แต่ทางด้านซูซานกลับไม่สบายเท่าไหร่
ซูซานถูกลี่จุนถิงเมินเฉยใส่อย่างไร้เยื่อใย หลังจากได้พบกันตอนกลับมาจากประเทศ H คราวนั้น ซูซานก็ไม่ได้เจอกับลี่จุนถิงอีกเลย แม้แต่โทรถามด้วยความห่วงใยหรือส่งข้อความมาสักนิดก็ไม่มี
ซูซานมีแต่ความโกรธแค้นเต็มอก โกรธจนทำลายข้าวของในห้องทิ้งลงบนพื้น หยิบแก้วเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มไม่หยุดหย่อน
อลันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซูซาน เห็นสภาพซูซานเป็นอย่างนี้ก็ปวดใจมาก
ก่อนหน้าที่จะพบกับลี่จุนถิง ซูซานใช้ชีวิตอย่างสุขกายสบายใจในทุก ๆ วัน น้อยครั้งที่จะเห็นเธอตกอยู่ในสภาพบ้าบอแบบนี้
“เป็นความผิดของลี่จุนถิงทั้งหมด” อลันโกรธจนขบกราม กำหมัดแน่น
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธอยู่ เขาต้องปลอบใจซูซาน ช่วยซูซานแย่งลี่จุนถิงกลับมา ลี่จุนถิงเป็นเพียงยาถอนพิษเพียงอย่างเดียวของซูซาน
อลันค่อย ๆ เอาแก้วเหล้าออกมาจากมือของซูซาน แล้วนั่งยองต่อหน้าซูซาน กุมมือของเธอ จ้องมองเธออย่างอ่อนโยน
“ซูซาน เห็นเธอในสภาพนี้แล้วฉันปวดใจมากจริง ๆ เธอหันกลับมามองฉันบ้างไม่ได้เหรอ?”
อลันเอามือของซูซานมาวางไว้ที่หัวใจตัวเอง สีหน้าเศร้าโศกเสียใจ
ซูซานดึงมือกลับมา การกระทำของเธอทำร้ายจิตใจของอลันเป็นอย่างมาก
“ขอโทษนะ อลัน นายก็รู้ใจฉันดี”
อลันถอนหายใจ แล้วพูดกับซูซานว่า :
“อืม ฉันรู้แล้ว ฉันจะช่วยเธอเอง ฉันเตรียมลงมือแล้ว ฉันจะขัดขวางการร่วมมือระหว่างพวกเขากับวาเทอร์ ถึงตอนนั้น งานของลี่จุนถิงก็จะตกอยู่ในภาวะวิกฤต เธอก็ออกหน้าช่วยเขาแล้วกัน”
“ถึงตอนนั้น ลี่จุนถิงจะต้องซาบซึ้งใจต่อเธอมาก เขาจะได้เห็นสักที ว่าใครสามารถช่วยเขาได้จริง ๆ แบบนี้ โอกาสของเธอก็มาถึงแล้ว”
ซูซานมองท่าทางของอลัน เธอมองเขาด้วยความรู้สึกผิด แล้วถามเขาว่า :
“อลัน นายทำเพื่อฉันอย่างนี้ มันคุ้มค่าจริงเหรอ?”
“เพื่อเธออะไรก็คุ้มค่าทั้งนั้น”
อลันจ้องมองซูซานอย่างลึกซึ้ง เหมือนจะดูดซูซานเข้ามาในดวงตาของตัวเอง
ซูซานรู้สึกขอบคุณอลันมาก เธอค่อย ๆ พยุงอลันที่นั่งยองอยู่ตรงหน้าตัวเองขึ้นมา แล้วให้เขานั่งข้างตัวเอง จากนั้นกอดอลันเบา ๆ
อลันมองซูซานที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเอง ก็รู้สึกพอใจมากแล้ว