บทที่ 573 เหตุการณ์เริ่มสาหัสมากขึ้น
หลังจากที่ปล่อยตัวลี่จีถอง ก็สั่งให้คนตบเธอไปอีกครั้ง
ต่อจากนั้นเขาได้หันไปทางชิงโม่แล้วพูดขึ้นว่า
“จัดการเสร็จแล้ว ก็นำตัวเธอส่งให้ตำรวจ ดูเธอดีๆ ล่ะ ครั้งนี้อย่าให้เธอหนีไปได้อีก แล้วก็แจ้งให้สถานีตำรวจกับศาลได้ทราบข่าวด้วย ครั้งนี้ต้องให้เธอได้รับโทษประหารชีวิตให้ได้”
เมื่อลี่จีถองได้ยินว่าตนหนีไม่พ้นโทษประหารชีวิตแน่ๆ เริ่มรู้สึกลนลาน จึงร้องไห้ออกมาเพื่อให้ลี่จุนถิงเมตตา
“จุนถิง จุนถิง ขอร้องคุณล่ะ อย่าทำแบบนี้กับฉันเลย ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไปขอขมาเจียงหยุนเอ๋อ ครั้งนี้คุณยกโทษให้ฉันเถอะนะ จุนถิง ขอร้องคุณเลย”
“จุนถิง ฉันเป็นป้าของคุณนะ ฉันเป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณปู่คุณ คุณทำแบบนี้ คุณปู่ท่านจะเสียใจมาก จุนถิง ขอร้องคุณเลย ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”
“คุณปู่! คุณยังจะกล้าเอ่ยถึงคุณปู่ฉันเหรอ คุณปู่ท่านรักคุณเอาใจคุณขนาดนี้ ให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ สุดท้ายคุณกลับเอาแต่ทำร้ายคน จะตายแล้วยังไม่ยอมรับอีก หลายปีมานี้คุณไม่รู้สึกผิดกับคุณปู่หรือไงที่อุตส่าห์เลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนคุณน่ะ”
ลี่จีถองก็ยังคงร้องอ้อนวอนต่อไป พูดซ้ำๆ ไม่หยุด
ลี่จุนถิงไม่ได้ให้ความสนใจอีก และยังให้ชิงโม่นำคนพาตัวออกไป หลังจากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมา
ลี่จีถองที่ยังร้องโอดโอยไม่หยุดแต่ร้องไปก็เท่านั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ
ชิงโม่ได้สั่งคนไปพาตัวลี่จีถองส่งให้สถานีตำรวจเพื่อขังไว้ เมื่อลี่จุนถิงไม่อยู่ ลี่จีถองกลับมีท่าทีหยิ่งยโส
“พวกคุณรู้สถานะของฉันรึเปล่า พวกคุณกล้าจะล่วงเกินฉัน วันหลังฉันจะกลับมาเอาคืนพวกคุณให้หนักเลย!”
คนในสถานีตำรวจไม่เคยเจออุปสรรคที่ผ่านไปไม่ได้และแน่นอนว่าก็ไม่กลัวคำขู่ของลี่จีถองเลยสักนิด แม้กระทั่งสีหน้าทางอารมณ์ก็ไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เปลี่ยนได้
ลี่จีถองกัดฟันแล้วหันไปมองทางชิงโม่
“ฉันเป็นป้าของลี่จุนถิง เขาเพียงแค่หัวเสียครู่เดียว รอเขาหายโกรธ ฉันจะทำให้คุณต้องรับผิดชอบ”
ชิงโม่ไม่ได้สนใจเธอ มองแค่เธอเป็นเหมือนคนโง่คนหนึ่ง หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ว่า
“พวกคุณคงรู้ความต้องการของประธานลี่นะ ครั้งนี้ดูให้เข้มงวดหน่อย ไม่งั้นจะต้องเป็นเหมือนครั้งก่อนอีก”
ตอนที่ลี่จีถองถูกขังไว้ในคุกนั้น ร้องด้วยความทุกข์ทรมาน มองไม่เห็นลู่ทางที่จะหนีไปได้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นได้จ้องที่พวกเขาตะโกนออกไปว่า: “ต่อฉันเป็นผีก็ไม่ยอมปล่อยพวกคุณไปแน่”
ลี่จุนถิงได้เข้าบริษัทเพื่อไปหาลี่จุนซินบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้แก่ลี่จุนซิน
“คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ลี่จีถองเป็นคนมาหาฉันเอง เธอสมควรได้รับกรรม ถ้าหากว่าคุณปู่รู้เรื่องที่เธอทำเรื่องแบบนี้ ต้องเศร้าใจอย่างแน่นอนและไม่เข้าข้างเธอหรอก”
ลี่จุนถิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มถาม: “เวียร์ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”
ลี่จุนซินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยได้มองซ้ายแลขวาแล้วพูดขึ้นว่า: “คุณถามฉันเพื่ออะไร ฉันไม่เข้าใจเลย คุณควรจะไปถามเขาสิ”
ลี่จุนถิงมองลี่จุนซินที่ท่าทีไม่ค่อยเป็นตัวเองเลยหัวเราะออกมา
“ไม่รู้เลยว่าช่วงนี้ใครใกล้ชิดกับเวียร์ที่จะทำให้ฉันได้พบกับเวียร์ เพราะทุกครั้งเวียร์ชอบบอกว่าไม่มีเวลา”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” ลี่จุนซินบ่นพึมพำออกมา
“ได้ยินว่า เมื่อคืนมีคนไปกินข้าวกับเวียร์อยู่นะ เมื่อก่อนคนคนนั้นกับเวียร์เคยออกไปเที่ยวด้วยกันแถมทั้งคู่ก็ยังจูงมือกันอีกด้วย”
ลี่จุนซินเขินจนหน้าแดง พาลโกรธไปด้วยเลยใช้กำปั้นทุบใส่ลี่จุนซิน
“คุณกล้ามากนะ เดี๋ยวนี้กล้าจะเยาะเย้ยพี่สาวแล้วล่ะสิ คุณคิดว่าใครๆ ก็เหมือนคุณกับเจียงหยุนเอ๋อเหรอแทบจะตัวติดกันเกือบทั้งวันทั้งคืน เธอทั้งคู่สนิทกันขนาดนี้ คุณยังกล้าหัวเราะฉันอีก”
ลี่จุนซินมองดูลี่จุนถิงเยาะเย้ยตัวเองก็เลยหยอกล้อเขากลับ
“สะใภ้ฉัน ฉันพอใจแบบนี้ ฉันก็เลยชอบตัวติดกับเธอ ฉันรักเธอหัวปักหัวปำ”
ลี่จุนซินมองลี่จุนถิงที่มีท่าทีไร้ยางอายแบบนี้ ก็เกิดขนลุกขึ้นทั้งตัว
“เอ๊ะ คุณนี่หน้าไม่อายจริงๆ นะ คุณอยากจะสารภาพรักล่ะสิ คุณไปหาสะใภ้แล้วพูดออกไปสิ อย่ามัวแต่อวดฉันอยู่ที่นี่เลย”
ลี่จุนถิงคิดว่าพูดแค่นี้ก็พอแล้วแหละ ผ่อนคลายลงแล้วพูดกับลี่จุนซินอย่างจริงจังว่า
“พี่สาว ฉันคิดว่าเวียร์คนนี้ก็ไม่เลวเลยนะ ทั้งน่าเชื่อถือทั้งเป็นคนมีเหตุผล เป็นผู้ชายที่หายาก บนโลกนี้มีคนเหมือนฉันไม่เยอะแล้ว ถ้าหากคุณชอบเวียร์จริง คุณก็ควรจะไปพูดกับเขาตรงๆ อย่ามัวแต่พูดหยอกล้อ นี่พี่ ความสุขมันได้มายากนะ”
“ฉันเข้าใจแล้ว แต่ว่าเรื่องแบบนี้ผู้ชายต้องเป็นคนสารภาพรักไม่ใช่เหรอ ฉันกลัวว่าฉันจะคิดไปเองฝ่ายเดียว ถ้าหากว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้นจะทำยังไงดีล่ะ”
“พี่สาว ใครๆ ก็มองออกว่าเวียร์กับคุณต่างมีใจให้กัน ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ก็ศตวรรษที่21แล้ว ไม่มีขอบเขตว่าผู้ชายต้องตามจีบผู้หญิงแล้ว ถ้าคุณไม่ลอง คุณจะรู้ได้ไงว่าเวียร์ไม่ยอมรับคุณล่ะ”
ลี่จุนถิงอดทนกล่อมลี่จุนซินว่าเขาหวังให้พี่สาวได้มีความสุขสักที
“คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ลี่ที่ปกติเป็นคนเฉียบขาด พอพูดถึงความรู้สึกกลับขี้อายแบบนี้”
ลี่จุนถิงมองลี่จุนซินที่ยังไม่ยอมพูดอะไรอีก ทำได้แค่ยั่วโมโหเธอเท่านั้น
“คุณอย่ามายั่วโมโหฉันนะ คุณก็รู้ว่าถ้ายั่วฉันจะโมโหมากๆ ทั้งหมดที่คุณพูดฉันได้ยินหมดแล้ว ฉันจะเก็บไว้คิดก็แล้วกัน”
“ได้ ฉันเชื่อคุณ หวังว่าเร็วๆ นี้คุณจะพาเวียร์กลับมาด้วย แบบนี้อีกหน่อยธุรกิจครอบครัวเขาก็จะให้กับบริษัทพวกเราแล้ว ถ้าคุณเจอความสุขแล้ว บริษัทก็จะมีการค้าขาย ได้ผลดีด้วยกันทั้งคู่”
“เจ้าหมอนี่ แท้จริงแล้วคุณอยากใช้ประโยชน์ทางธุรกิจจากฉันนี่เอง”
ลี่จุนซินแกล้งโกรธขึ้น
ลี่จุนถิงก็จับไหล่ลี่จุนซินทันที มองตาเธอแล้วพูด
“พี่สาว ฉันแค่อยากให้คุณมีความสุขเท่านั้นเอง”
ลี่จุนซินพยักหน้าใส่แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกตอนนี้มั่นคงแล้ว เงียบสงบ เลยพอใจกับชีวิตช่วงนี้มาก ใจอยากมีความเงียบปลอดภัยทั้งชีวิตแบบนี้คงดีน่าดูเลย
แต่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้เลย
บ่ายวันนี้ลี่จุนถิงเพิ่งจะถึงบริษัท พนักงานที่เพิ่งรับสมัครใหม่จากแผนกการเงินก็ได้มาหาเขา
หลังจากที่ลี่จุนถิงเรียกคนกลับ ก็สั่งให้พวกเขาตรวจสอบอย่างละเอียดเริ่มตั้งแต่บุคคลที่หายไปจนถึงรายการในบัญชีทั้งหมดของบริษัทรวมทั้งบริษัทลูกด้วย
“ประธานลี่ ครึ่งปีนี้ ฉันได้ตรวจสอบเปรียบเทียบรายการบัญชีงบดุลของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปในช่วงนี้แล้ว รายการในบัญชีในจำนวนนั้นมีข้อผิดพลาดอยู่ไม่น้อย เกิดปัญหาที่เห็นได้ชัดเลย แล้วยังมีส่วนของบริษัทลูกที่ฉันยังตรวจสอบไม่เสร็จ แต่ดูผิวเผินแล้วมีช่องโหว่เยอะมาก ถ้าตรวจสอบลึกๆ ดูเป็นไปได้ว่าสถานการณ์อาจยิ่งแย่ลง”
ลี่จุนถิงหยิบสมุดบัญชีมาเปิด แล้วขมวดคิ้ว ไม่ต้องคิดเลยว่ามีคนต้องการจะเล่นชั้นเชิงด้วยแน่นอน และคนๆ นี้ต้องเป็นลี่หยูนห่วนและลี่หุย
บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปใหญ่ขนาดนี้ ส่วนของลูกน้องและบริษัทลูกก็มีตั้งเยอะ รับสินบนแค่เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำเงินได้มากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ตอนลี่จุนถิงไม่อยู่ พวกเขาต้องยักยอกเงินไปเยอะโดยไม่ละอายใจแน่นอน
ลี่จุนถิงหน้าเริ่มบูดบึ้ง ไม่คิดว่าลี่หยูนห่วนและลี่หุยจะกล้าทำขนาดนี้ ตัวเองกลับมาก็ยังกล้าจะเคลื่อนไหวบัญชีตามใจชอบ ดูแล้วแต่ก่อนตนลงมือกับพวกเขาเบาไป