บทที่576 ทั้งหมดก็ไว้ให้คุณ
ก่อนชิงตำแหน่งชนะเลิศเริ่มต้น ทั้งสองฝั่งจับมือเพื่อเป็นการให้สัญญาณ
ถวนจื่อยิ้มให้คู่ต่อสู้แล้วพูดขึ้นว่า: “ดีใจมากที่ได้แข่งขันกับคุณ ครั้งนี้รางวัลชนะเลิศต้องเป็นของฉัน”
ฝั่งตรงข้ามยิ้มแล้วตอบกลับถวนจื่อว่า “ฉันก็เหมือนกัน”
รอบชิงตำแหน่งชนะเลิศเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ พอพิธีกรขึ้นเวทีมาก็ยังไม่ยอมพูดอะไร
“ทุกท่านคงรู้ว่าศิลปะพู่กันจีนของประเทศเราสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือพู่กัน หมึก กระดาษ จานฝนหมึก ก็คือสิ่งที่ทุกท่านปกติเรียกกันว่าสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ ในเมื่อทั้งสองท่านศึกษาศิลปะพู่กันจีนด้วยกันทั้งคู่ ถ้างั้นมาเริ่มคำที่หนึ่ง”
“ขอถามว่า สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือมีต้นกำเนิดมาจากราชวงศ์ใด เชิญตอบได้”
ถวนจื่อกดปุ่มตอบอย่างรวดเร็ว คำตอบคือ: “ช่วงสมัยราชวงศ์ใต้และเหนือ”
“โอเค ถ้างั้นเจียงซิ่งหวีผู้เข้าแข่งขันท่านนี้ตอบถูกหรือไม่ ยินดีด้วย คำตอบถูกต้อง”
เจียงหยุนเอ๋ออยู่ข้างล่างเวทีดีใจจนเด้งตัวลุกขึ้น แต่ถวนจื่อกลับดูใจเย็นมากๆ
“ลำดับต่อไป คำถามที่สอง คำถามนี้ง่ายมากๆ ขอถามว่าสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือสิ่งแรกคือชิ้นไหน เชิญตอบได้”
ครั้งนี้เป็นคนที่ชนะเลิศครั้งก่อนแย่งกดปุ่มตอบได้ คำตอบคือ: “จานฝนหมึก”
“โอเค ยินดีด้วย คำตอบถูกต้องตอนนี้เหลือคำถามสุดท้ายแล้ว ใครตอบถูกก็เป็นผู้ชนะเลิศเลย”
ถวนจื่อมองคู่แข่งตอบคำถามที่สองถูก ก็ไม่ได้รู้สึกท้อใจ ยังทำใจให้สงบได้อยู่ ใจจดจ่อรอคำถามที่สาม
“คำถามข้อสุดท้าย ขอถามว่า สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือสมัยราชวงศ์ถังใต้ที่พิเศษที่สุดคืออะไร เชิญตอบได้”
ช่วงที่ถวนจื่อเรียนศิลปะพู่กันจีนกับอาจารย์อยู่นั้น อาจารย์ได้ให้สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือหนึ่งชุดที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ถังใต้ ดังนั้น ถวนจื่อมั่นอกมั่นใจมากจึงรีบกดปุ่มตอบ
ที่จริงแล้วถ้าถวนจื่อไม่แย่งกด คู่แข่งของเขาก็ตอบไม่ได้อยู่ดี
ในช่วงราชวงศ์ถังใต้ สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือที่พิเศษสุดเป็นพู่กันจูเก่อจากมณฑลอานฮุยเมืองเชวี่ยงเฉิง หมึกหลี่ถิงเจียจากมณฑลอานฮุยเมืองฮุยโจว กระดาษเฉิงซินถังจากมณฑลอานฮุยเมืองฮุยโจว จานรองหมึกหลงเว่ยจากมณฑลอันอานฮุยเมืองฮุยโจวเขตหวูหยวน
“ยินดีด้วยคุณเจียงซิ่งหวี คุณตอบถูกต้อง เอาล่ะ ทุกท่าน พวกเราได้ผู้ชนะเลิศในการแข่งขันศิลปะพู่กันจีนแล้ว นั่นคือผู้เข้าแข่งขันเจียงซิ่งหวีของพวกเรานั่นเอง”
ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อตื่นเต้นดีใจอยู่ด้านล่างเวที เจียงหยุนเอ๋อถึงขนาดตื่นเต้นจนร้องไห้น้ำตาไหลเลย
พอกลับถึงที่พักก็พบพวกของลี่จุนซินก็กลับมาถึงแล้วเหมือนกัน เจียงหยุนเอ๋อบอกผลการแข่งขันให้แก่พวกเขา รู้สึกเบิกบานใจ
“ในเมื่อถวนจื่อชนะเลิศแล้ว ถ้างั้นพวกเราออกไปกินข้าวกันสักมื้อเถอะ น้องชายครั้งนี้คุณต้องเลี้ยงแล้วแหละ”
“ครั้งไหนๆ คุณก็กินของฉัน ไม่ต้องให้ฉันเลี้ยงแล้วนะ” ลี่จุนถิงพูดตอบโต้
“พวกเราไม่ต้องออกไปกินแล้ว หยุนเอ๋อกับถวนจื่ออยู่ข้างนอกเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พวกคุณทุกคนดูเลยว่าอยากกินอะไร เดี๋ยวให้โรงแรมจัดการส่งมาให้”
แม้ลี่จุนถิงจะพูดกับพวกของลี่จุนซิน แต่สายตากลับจดจ่อไปที่เจียงหยุนเอ๋อตลอด
ทุกคนต่างสั่งอาหารกันมาเยอะมาก จนลี่จุนถิงรู้สึกว่าถ้ากินไม่หมดก็ไม่ยอมเลิกรา
ตอนกลางคืน ลี่จุนซินกับเพื่อนๆ จะไปนั่งเล่นไพ่นอกกระจอกที่ห้องนั่งเล่น ลี่จุนถิงเลยต้องอยู่เป็นเพื่อนเจียงหยุนเอ๋อดังนั้นลี่จุนซินเลยยกถวนจื่อให้
ลี่จุนถิงอยู่ตรงระเบียงห้องนั่งเล่นกับเจียงหยุนเอ๋อชมวิวยามค่ำคืน เพราะสถานที่ที่พวกเขาพักนั้นอยู่ในทำเลดีมาก ดังนั้นสามารถมองเห็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองT
วันที่สอง คนกลุ่มนี้ไปนั่งชิงช้าสวรรค์ที่เจียงหยุนเอ๋อคิดอยากขึ้นอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าความสวยจะเทียบไม่ได้กับชิงช้าสวรรค์ช่วงตอนกลางคืน แต่พอเข้าไปนั่งแล้วมองลงไปข้างล่างก็เห็นวิวเมืองทั้งหมดเลย รู้สึกสบายอกสบายใจจริงๆ
ตอนบ่าย กลุ่มนี้ก็กลับไปยังเมืองจิ่งเฉิง โดยหารู้ไม่ว่ากำลังมีอันตรายใหม่ใกล้เข้ามา
ในฝั่งของซูซานและลี่หุยหลังจากได้ร่วมมือกันแล้ว กำลังคิดหาวิธีจัดการกับลี่จุนถิงแต่ว่าตอนนี้บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของลี่จุนถิง จึงยากที่ลี่หุยและลี่หยูนห่วนจะแย่งมันมา
ตอนนี้ ซูซานได้แนะนำบางอย่างกับลี่หุย
“วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือลองใช้วิธีอื่นดู ลองเปิดอีกบริษัทข้างนอกดูสิ ใช้ในนามเกลกรุ๊ป จากตระกูลอลันผู้เป็นเพื่อนฉัน ได้นะ ใช้เป็นที่แข่งทำกำไรกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป”
“ใช้ในนามบริษัทของเพื่อนคุณเหรอ”
“ใช่แล้ว คุณวางใจเถอะ เพื่อนของฉันไว้ใจได้แน่นอน หรือไม่คุณลองถามเกลกรุ๊ปดูได้ เพราะชื่อเสียงในต่างประเทศไม่น้อยไปกว่า Maxwell เลย”
ลี่หุยขมวดหัวคิ้ว คิดหนักไปสักพัก
“ฉันคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพื่อนคุณเชื่อถือได้ไม่ได้อันนั้นเรื่องหนึ่ง เป้าหมายหลักที่ฉันร่วมมือกับคุณคือต้องได้สืบทอดบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แต่ไม่ใช่ไปแย่งผลกำไรทำให้มันล้มละลาย”
เมื่อลี่หุยพูดขึ้น อลันก็เข้ามาพอดี
“ถ้าหากว่าเกลกรุ๊ปแย่งธุรกิจของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปได้ งั้นแสดงว่าหุ้นส่วนทั้งหลายก็จะเริ่มตั้งข้อสงสัยกับความสามารถของลี่จุนถิง อย่างนี้ลี่จุนถิงที่อยู่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็ค่อยๆ ไร้ความเชื่อใจถูกไหม”
“ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเกลกรุ๊ป ยังมีเบราน์กรุ๊ปของตระกูลซูซาน คอยสนับสนุน”
ซูซานมองสีหน้าลังเลของลี่หุย ก็ลุกขึ้นแนะนำแก่ลี่หุย: “คนนี้เพื่อนฉันเองอลัน”
อลันและลี่หุยต่างก็พยักหน้าให้กัน อลันนั่งลงแล้วพูดกับลี่หุยว่า:
“หากพูดถึงเบราน์กรุ๊ปของตระกูลซูซาน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากนะ ถ้าเป็นในฝั่งทวีปยุโรป ไม่ปรานีต่อบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแน่นอน พวกคุณสามารถให้บริษัทของเราทั้งสองช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่เลยนะ พวกคุณยังมีอะไรที่ยังมีพอใจอีก”
ซูซานมองสีหน้าลังเลไม่แน่ใจของลี่หุย ก็พูดเสริมขึ้นอีกเพื่อให้เขามั่นใจว่า
“หากพวกเราแย่งผลประโยชน์มาได้ด้วย ฉันยอมแบ่งกำไรให้พวกคุณครึ่งหนึ่ง”
พอลี่หุยได้ฟังอย่างนี้ ก็ใจเต้นทันที ในเมื่อมีคนช่วยตัวเองแย่งชิงมรดกจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแล้วยังได้ผลประโยชน์อีก ยังไม่ได้คุยกับลี่หยูนห่วนก็ตกลงทันทีเพราะเขารู้ว่าลี่หยูนห่วนก็คิดเหมือนกัน ได้ฟังเรื่องผลประโยชน์ใจก็เต้นเลย
ลี่หุยเรียกลี่หยูนห่วนและลี่เจี้ยนเย่ออกมากนัดเจอ แล้วนำสิ่งที่ซูซานและอลันพูดกับเขามาพูดซ้ำให้ลี่หยูนห่วนและลี่เจี้ยนเย่ฟังอีกรอบ หลังจากพวกเขาฟังจบก็ตอบตกลงทันที
ลี่หุยรู้สึกเบิกบานใจมากๆ ตอนกลางคืนไปฉลองกับลี่หยูนห่วนก่อนแล้วก็กลับบ้าน พอกลับถึงบ้านก็พบว่าลี่เจี้ยนหวาอยู่ด้วย ลี่หุยก็รินเหล้าให้แล้วพูดโอ้อวดต่อลี่เจี้ยนหวา
พอลี่เจี้ยนหวาฟัง ใบหน้าก็เคร่งขรึมลงทันที ไม่รอให้ลี่หุยพูดจบก็พูดว่าไม่เห็นด้วยกับที่พวกเขากำลังจะทำ
“ถ้าคุณอยากเข้าบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปฉันสามารถช่วยคุณจัดการได้ แต่คุณไม่ควรจะร่วมมือกับคนนอกในการจัดการบริษัท ฉันก็ไม่ชอบจุนถิงมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคุณเป็นคนที่ฉันรู้จักมาตั้งนาน หุ้นพวกนั้นฉันก็เก็บไว้ให้คุณ”
ได้ยินลี่เจี้ยนหวาพูดอย่างนี้แล้ว อารมณ์ของลี่หุยที่กำลังดีๆ กลับหายไป ใบหน้ากลับอึมครึม
“หุ้นงั้นเหรอ หึๆ คุณพูดว่าแบ่งหุ้นให้ฉันมาโดยตลอด คุณให้ฉันจริงๆ เหรอ ที่คุณถือมันไว้ในมืออยู่ตลอดเพราะกลัวว่าวันหนึ่งลี่จุนถิงจะไล่คุณออกจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่ได้มีโอกาสเยอะหรอกนะที่จะสามารถทำลายลี่จุนถิงได้ ฉันไม่ควรจะยอมแพ้แค่นี้ คุณขวางฉันไว้ไม่ได้หรอก อีกอย่างลี่จุนถิงก็ทนฉันไม่ไหวหรอก ถ้าหากคุณสนับสนุนฉันล่ะก็ คุณก็มาอยู่ข้างฉัน ไม่ต้องเสนอความเห็นอะไรอีกแล้ว”