บทที่ 359 ฝึกคู่กันกับจูนจิ่ว
ยินหันเข้าใจแล้ว เพราะจูนจิ่วเจ้านายจึงต้องการดึงโซ่ผูกมังกรออก
โซ่ผูกมังกรเอาไว้ล่ามมังกร หากเป็นคนข้างๆที่ถูกโซ่ผูกมังกรล่ามไว้แม้แต่พลิกตัวก็ไร้ความสามารถจะทำได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนไหวอย่างอิสระเลย บนโลกอันกว้างใหญ่นี้ มีเพียงเจ้านายเท่านั้นที่มีพลังต่อกรกับโซ่ผูกมังกร แต่ภายใต้โซ่ผูกมังกร ก็กระทบต่อการควบคุมตนเองของเจ้านายด้วย จึงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าจูนจิ่ว
คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง โม่อู่เยว่แม้จะแค่กอดจูนจิ่วเอาไว้ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย แต่เขาก็กังวลว่าตัวเองจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ทำร้ายจูนจิ่วเข้า ด้วยพลังที่ห่างกันมหาศาล ทำให้การกระทำเพียงเล็กน้อยของเขา อาจก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างที่เรียกคืนมาไม่ได้อีก
ยินหันเปิดปากเอ่ยขึ้น “หากเจ้านายต้องการปลดโซ่ผูกมังกรออก ยังมีอีกวิธีหนึ่ง”
“พูด”โม่อู๋เยว่เหลือบมองยินหันอย่างเย็นชา
“โซ่ผูกมังกรสามารถผูกมังกรเอาไว้ แต่หากพลังของเจ้านายเพิ่มขึ้น โซ่ผูกมังกรจะผูกเอาไว้ไม่อยู่ เอ่อ ……”ยินหันถูกบีบคอกลางอากาศ โม่อู๋เยว่ขมวดคิ้วเต็มไปด้วยเลือด เขาจ้องยินหันด้วยสายตาเลือดเย็น เอ่ยออกมาทีละคำแฝงด้วยไอสังหาร “เจ้าว่าอะไรนะ”แรงที่โม่อู๋เยว่ใช้บีบคอ ทำให้ยินหันยากจะหายใจยิ่งยากจะเปิดปากพูดออกมาได้ ยินหันได้แต่ใช้ไหวพริบส่งกระแสเสียงรีบอธิบายว่า “เจ้านายฟังข้าพูดก่อน ข้าไม่กล้าให้ท่านกินนายหญิงในอนาคตหรอกนะ”
โม่อู๋เยว่ยกมือขึ้น ยินหันปลิวออกไปกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบจึงหยุดลง เขารีบลุกขึ้นมาคุกเข่าลงอธิบายทันที “จูนจิ่วเป็นยาของท่าน เป็นคู่วิญญาณของเจ้านาย เจ้านายเพียงต้องฝึกคู่กันกับจูนจิ่ว พลังจะเพิ่มมากขึ้น พอที่จะสามารถปลดโซ่ผูกมังกรได้”
โม่อู๋เยว่ไม่ได้ตอบ นิ่งขรึมไปชั่วขณะ
ฝึกคู่นั้นก็มีความหมายตามตัวอักษร เข้าใจได้ง่าย แต่โม่อู๋เยว่คิดถึงอายุของจูนจิ่ว ก็ปฏิเสธในใจ อย่าว่าแต่จูนจิ่วจะมีวิญญาณที่บรรลุนิติภาวะไปนานแล้ว แต่ร่างกายของนางยังอ่อนแอบอบบาง โม่อู๋เยว่ไม่อยากจะทำร้ายนาง
โม่อู๋เยว่โน้มตัวไปพิงกับเตียงหยกเย็นครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ฝึกคู่นั้นยังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ แต่นอกจากฝึกคู่แล้วยังมีวิธีอะไรอีก
นิ้วของเขาเคาะลงที่เตียงหยกเย็นอย่างเป็นจังหวะ โม่อู๋เยว่เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก เขามองไปทางยินหัน สั่งการ “เตรียมยาขังวิญญาณมังกร”
“ขอรับ”ยินหันรับคำสั่ง
ขังวิญญาณมังกรเป็นวิธีของเมื่อก่อน สามารถควบคุมโซ่ผูกมังกรได้ชั่วคราว แต่เวลามีจำกัด เมื่อผ่านไปช่วงหนึ่ง โม่อู๋เยว่ก็ต้องกลับมาที่เหวเย็นเก้าชั้นอีกครั้ง และต้องให้พระจันทร์เต็มดวง เขาต้องเก็บตัวเพื่อต่อกรกับโซ่ผูกมังกร
หยุดไปสักพัก โม่อู๋เยว่ก็พูดขึ้นอีก “ยินหัน หาเพลงวิทยายุทธฝึกคู่มา”
ยินหัน เมื่อครู่ปฏิเสธอย่างไร้เสียงอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้จะเอา ใจเจ้านายช่างเดายากเหลือเกิน
ฮึ โม่อู๋เยว่แสดงท่าทีเตรียมการไว้ก่อนย่อมดีกว่า เขาจะลองศึกษาดูก่อน เกี้ยวเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาตั้งหลายร้อยครั้ง หากมีวันใดเกิดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถามขึ้นมาแล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลย ได้ยินมาว่า ผู้หญิงต่างให้ความสำคัญกับทักษะของบุรุษเป็นอย่างมาก เขาต้องฝึกฝนให้ช่ำชอง ครั้งเดียวก็ต้องเอาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ให้อยู่หมัด
ความคิดเตลิดไปอยากจะรวบรวมกลับมาได้ โม่อู๋เยว่ต้องท่องคาถาสงบใจจึงจะกลับสู่ภาวะปกติได้ เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปที่บ่อน้ำหยกเย็นอีกครั้ง ขังวิญญาณมังกรครั้งนี้เสร็จก็จะได้กลับไปหาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แล้ว ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้รับตันจูที่เขามอบให้แล้ว ดีใจหรือไม่
……
ขณะที่โม่อู๋เยว่กำลังดำเนินการขังวิญญาณมังกร ยินหันเพิ่งจะนึกเรื่องหนึ่งออก เขาเอาม้วนหนังสือหยกออกมาส่งข่าวให้เหลิ่งยวน “เหลิ่งยวน เจ้านายจะไปโลกชั้นต่ำสามชั้นไม่ได้ระยะหนึ่ง ”
“อะไรนะ ยินหันเจ้าอำข้าหรือ เจ้าเองไม่ใช่หรือที่เพิ่งบอกข้าว่าเจ้านายจะกลับในไม่ช้า ”
“ออ”ยินหันเย็นชาหน้าไร้ความรู้สึก
ตรงข้ามของหนังสือหยกเหลิ่งยวนเกือบจะเต้นเร่าๆแล้ว เขาบ่นพึมพำพร้อมกัดฟัน “ข้าบอกแม่นางจูนไปแล้ว เจ้าก็ดูเอาเองเถอะว่าควรทำอย่างไร”
ยินหันคิด พูดว่า “ข้าไม่ได้ให้เจ้าพูดเสียหน่อย เจ้าพูดเองไม่เกี่ยวกับข้า ”
พูดจบ ยินหันก็ปิดแสงของหนังสือหยกด้วยความเย็นชา การสื่อสารขาดสะบั้น เหลือเพียงเหลิ่งยวนที่กลายเป็นใบ้อยู่ในโลกชั้นต่ำสามชั้น
ทำอย่างไรดี แม่นางจูนจะคิดว่าเขาเป็นพวกหลอกลวงหรือไม่ เขาคิดว่าเจ้านายจะกลับมาแล้วจริงๆ แม่นางจูนเองก็คงจะดีใจที่ได้ข่าวเจ้านายจะกลับมา อีกอย่างแม่นางจูนกำลังเตรียมของขวัญจะมอบให้เจ้านายมิใช่หรือ เขาบอกล่วงหน้า แม่นางจูนจะได้เตรียมตัวทัน
แต่คิดไม่ถึงว่า จะไม่กลับมาในเร็วๆนี้ เหลิ่งยวนนิ่งอยู่บนยอดไม้ หน้าตามู่ทู่ จบกัน
“เหมียว ”หูได้ยินเสียงแมวร้อง เหลิ่งยวนคลายมือออก มองเสี่ยวอู่ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาอย่างเย็นชา ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอู่กลายเป็นแมวฉลาดตั้งแต่ตอนไหน หรือว่าจมูกที่ไวของมัน ไม่ว่าเขาจะซ่อนอยู่ที่ไหน เสี่ยวอู่ก็หาเขาเจอเสมอ
เหลิ่งยวนลูบใบหน้าทีหนึ่ง “ทำอะไรน่ะ”
“เหมียวๆๆ”ข้าเพิ่งได้ยินที่พวกเจ้าคุยกัน ปีศาจโม่ไม่กลับมาแล้วฮ่าๆๆๆๆ เหมียวดีใจ สามารถได้รับความรักจากเจ้านายเพียงคนเดียวแล้วเหมียว
ไม่เข้าใจนักว่าเสี่ยวอู่กำลังพูดอะไร แต่เหลิ่งยวนเดาออกว่าเสี่ยวอู่กำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น อีกทั้งยังได้ใจอย่างมาก มุมปากเขากระตุก รีบแวบหนีไปจากต้นไม้ต้นนั้นอย่างรวดเร็ว เสี่ยวอู่เห็นเหลิ่งยวนหนีไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกโมโห ยืดอกเชิดหน้าอย่างหยิ่งพยอง ส่ายหางเดินกลับไป มันจะไม่บอกเจ้านาย ปีศาจโม่กลับมายิ่งช้ายิ่งดี
คืนนี้ดวงดาวสุกสกาวเต็มท้องฟ้า สงบและอันหนึ่งอันเดียวกัน เสี่ยวอู่กลับมาที่ข้างกายจูนจิ่ว ม้วนตัวเองเป็นครึ่งวงกลมนอนหลับตาอยู่ข้างกายจูนจิ่วอย่างสบายอกสบายใจ ที่นี่พวกเขาสงบและเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วนที่อื่นๆคงไม่ได้สงบเมื่อถึงเวลากลางคืนเช่นที่นี่
หยุนหนีแอบหลบลูกศิษย์ในกลุ่มออกมา มาถึงข้างทะเลสาบคนเดียว นางอ้าปากเลียนเสียงร้องของนกชนิดหนึ่ง ด้านหลังของนางมีลมเย็นที่แทงละทุถึงกระดูกพัดมา
ร่างนิ่งแข็งไป หยุนหนีหันกลับไปดู ใต้แสงจันทร์ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนโขดหินข้างทะเลสาบงดงามดุจปีศาจจำแลง กระโปรงตาข่ายสีแดงไม่สามารถบิดบังความอวบอิ่มข้างบนไว้ได้ และก็ปิดขาที่ขาวเนียนดุจหยกไว้ไม่ได้เช่นกัน เรือนร่างร้อนแรง เสน่ห์เร้าใจ นี่มันเป็นความดึงดูดที่แม้แต่หญิงสาวเองก็ยากจะปฏิเสธได้
แต่พอหยุนหนีประสานเข้ากับสายตาของนาง ก็ตัวสั่นไปชั่วครู่รีบคุกเข่าคำนับทันที“หยุนหนีคำนับท่านพี่หงยิง”
“เฮอะ จะคำนับทำไมกัน เจ้ากับข้าล้วนเป็นศิษย์ในสำนัก แม้จะไม่ได้อยู่ร่วมสำนักเดียวกัน แต่สถานะเท่าเทียมกัน ไม่ใช่หรือ”หงยิงเอ่ยปากพูด น้ำเสียงลื่นไหลน่าฟังนั้นประดุจงูตัวหนึ่ง คอยขู่ฟู่ๆ เลือกคนแล้วก็กัด
หยุนหนีส่ายหน้าและยิ่งก้มหน้าต่ำลง “หยุนหนีมิกล้า ”
แม้ว่าภายนอกจะเหมือนมีสถานะทัดเทียมกัน แต่ในเทียงฉิว หงยังนั้นอยู่ใต้เพียงหนึ่งแต่อยู่เหนือนับหมื่น นางไม่กล้าที่จะเทียบชั้นกับหงยิงอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่านางไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
ได้ยินหยุนหนีตอบกลับมา สายตาของหงยิงก็มีแววพอใจ นางก้าวเท้าที่แสนจะยั่วยวน กระโปรงที่ปลิวสะบัดปิดด้านหลังที่งอนเด้งกลมสวยไว้ไม่อยู่ หงยิงยืนอยู่ตรงหน้าหยุนหนี ปลายนิ้วแดงระเรื่อเชิดปลายคางของหยุนหนีขึ้น
นางพูดว่า “หยุนหนี เจ้ากับปู่เจ้าทำงาน ทำให้ข้าไม่พอใจนัก จูนจิ่วมาที่สำนักไท่ชูได้เดือนกว่าแล้ว ทำไมจึงไม่มีข่าวคราวสักนิด
“ท่านพี่หงยิงใจเย็นๆก่อน เพราะจูนจิ่วเจ้าเล่ห์มากจริงๆ และยังมีศิษย์พี่มู่คอยปกป้องอยู่ พวกเราลงมือหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลว และก็ไม่กล้าเปิดเผยตัว ก็เลยไม่มีความคืบหน้า”
“มู่จิ่งหยวนปกป้องนาง ”หงยิงสีหน้าขรึมลง รอบกายมีไอสีดำน่าตกใจ
หยุนหนีก้มหน้า “ใช่”