สมัยนี้นิยมหาคนบนเน็ตมาเล่นเกมด้วย ภายในห้อง VIP แห่งหนึ่งท่ามกลางเสียงเชียร์ดังลั่น อี้อวิ๋นฉังอยู่ที่นั่นแต่กลับไม่รู้สึกสนุกจนคิดอยากจะออกมา เนื่องจากเธอมีคลิปหลุดความประพฤติเลวร้ายที่แสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทำให้ถูกเพื่อนชาวเน็ตเยาะเย้ยถากถาง อี้อวิ๋นฉังแอบมานึกดูแล้ว คราวนี้หลินหว่านต้องเสร็จแน่ ถูกฉันสาดโคลนให้ซะขนาดนั้น ยังจะมีคำอธิบายอะไรอีก? คิดไม่ถึงขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวอีกเป็นกำมือ [1] แถมเรื่องมาแตกเอากลางวงตอนที่กำลังเล่นเกมอยู่กับเพื่อนบนเน็ตซะอีก ว่าคนที่รังแกไป๋เจี๋ยที่แท้เป็นฉัน ไม่! ฉันไม่ยอมหรอก!
อี้อวิ๋นฉังเดินออกจากห้องวีไอพีไปห้องน้ำ
ในห้องน้ำนั้นเอง เธอได้ยินคนที่อยู่นอกห้องด่าว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำเป็นแม่บัวขาวแสนบริสุทธิ์แต่แท้จริงแล้วเป็นนางอสรพิษร้าย อี้อวิ๋นฉังทนต่อไปไม่ได้จึงออกจากห้องน้ำมาเผชิญหน้ากับคนที่นินทาเธออยู่ที่นั่น คนคนนั้นไม่รู้ว่าเธออยู่ในห้องน้ำ จึงพูดว่า “แม่บัวขาวแบบเธอนี่น่าจะปล่อยให้เน่าตายอยู่ข้างทางให้หมามันเหยียบย่ำนัก!” เพียงเท่านี้ อี้อวิ๋นฉังก็ทนไม่ได้ตบฉาดเข้าให้ แล้วยังตอบกลับเธออย่างไว้ตัวว่า “ฉันจะเป็นยังไงก็ดีกว่าพวกเธอ อย่าคิดนะว่าพวกเธอนินทาว่าร้ายแล้วฉันจะไม่รู้ ฉันแค่ไม่อยากจะเอาผิดพวกเธอเท่านั้นหรอก! ” พวกคนที่นินทาพากันถลึงตาจ้องอีกฝ่ายอย่างกับจะเข้ามาฉีกทึ้งอี้อวิ๋นฉัง อี้อวิ๋นอวิ๋นฉังจึงเข้าไปตบปากคนที่พูดนินทา แล้วทำวางท่าไว้ตัวสูงส่งพูดว่า เรื่องนี้ฉันไม่ได้ทำ พวกเธออย่ามากล่าวหากันนะ! ส่วนอี้อวิ๋นฉังก็ล้างมือแล้วคว้ากระเป๋า LV ของเธอเดินออกมาโดยไม่เหลียวหลัง พวกคนที่พูดนินทาโกรธแทบตายบอกว่าเธอมันนังบัวขาวเจ้ามารยาไร้ค่า
เพื่อนชาวเน็ต “แค่เข้าห้องน้ำทำไมนานจัง?”
อี้อวิ๋นฉัง “นานเหรอ? เมื่อครู่ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยกลับมาช้าหน่อย ขอโทษด้วยนะ เลยทำให้ทุกคนเสียเวลาเล่นเกมไปด้วย พวกเธอเล่นกันไปก่อนนะ ฉันมีธุระต้องไปก่อนล่ะ”
เพื่อนชาวเน็ต “โอเค ในเมื่อเถ้าแก่อี้ไม่ค่อยสบาย งั้นก็กลับบ้านไปพักก่อน อีกสองสามวันค่อยมาร่วมเล่นกันใหม่ให้สะใจไปเลย!”
เธอคว้ากระเป๋าถือออกมาจากห้องวีไอพี หลังเธอออกมาไม่นานนัก เพื่อนชาวเน็ตก็หยิบมือถือมาโทรหาสายที่พวกเขาวางไว้ในห้องน้ำ ถามดูแล้วก็รู้ว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่ ที่แท้เรื่องทั้งหมดก็เป็นแผนของเธอ อี้อวิ๋นฉังต่างหากที่รังแกไป๋เจี๋ย! หารู้ไม่ว่าไป๋เจี๋ยเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ชาวเน็ตกลับไม่รู้เรื่อง ไป๋เจี๋ยคิดว่าตัวเองฉลาดโพสต์คลิปที่ตัวเองถูกรังแกขึ้นบนเน็ตแล้วจะส่งผลกระทบต่อหลินหว่าน แต่เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น มีคนไม่มากนักที่เชื่อว่าไป๋เจี๋ยถูกหลินหว่านรังแก ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของไป๋เจี๋ย เพื่อนสนิทใกล้ชิดกับไป๋เจี๋ยรู้เรื่องทั้งหมดที่เธอทำ ไป๋เจี๋ยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังโดยไม่รู้ว่า ‘เพื่อนสนิท’ คนนั้นเป็นเพื่อนเก่าแก่ของหลินหว่าน เพื่อนของเพื่อนย่อมเก็บความลับไม่อยู่ ตอนที่ไป๋เจี๋ยพูดเรื่องนี้กับ ‘เพื่อนสนิท’ เพื่อนคนนั้นก็กลัดกลุ้มใจอยู่ว่าจะบอกหลินหว่านดีหรือไม่ ถึงยังไงหลินหว่านก็เป็นคนสำคัญต่อเธอมากนี่นา!
ภายหลัง ‘เพื่อนสนิท’ อดไม่ได้กลัวว่าหลินหว่านจะถูกทำร้ายจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเธอ ในตอนนี้หลินหว่านกำลังทานข้าวกับคุณปู่ไม่สะดวกรับสายจึงปฏิเสธที่จะคุยด้วย คุณปู่ที่มีนิสัยระแวงจึงถามเธอว่าใครเป็นคนโทรมา
หลินหว่านมองดูแวบหนึ่ง “แค่เพื่อนคนหนึ่ง ไม่ค่อยได้ติดต่อหรอกค่ะ”
ปู่ขมวดคิ้วมองดูเธอ พูดว่า “ไม่ต้องคบหาเพื่อนพวกนี้ให้มากนัก! พวกเขาไม่มีประโยชน์ต่อการดูแลบริษัทในอนาคตของแก ถ้าจะคบหาก็คบพวกที่จะช่วยเหลือแกทางธุรกิจได้ก็พอแล้ว!”
หลินหว่านหัวเราะ ผงกศีรษะอย่างไม่สนใจนักว่า “ได้ค่ะ คุณปู่ฉันเข้าใจแล้วค่ะ! ทีมงานฉันเป็นชีวิตจิตใจของฉัน และรู้ว่าควรจะทำอย่างไร คุณปู่วางใจเถอะค่ะ!”
เธอรู้ว่าโทรศัพท์เมื่อครู่เป็นเรื่องอะไร จึงทานอาหารนิดหน่อยแล้วขอตัวกล่าวลาคุณปู่ออกมาจากบ้านพักตากอากาศ บอกว่ายังมีงานยุ่งให้จัดการอีกมาก
หลินหว่านหยิบมือถือจากกระเป๋าแล้วสั่งกับเลขาของเธอว่า “ฉันต้องออกไปคุยธุระกับลูกค้าสักหน่อย เธอกลับบริษัทไปก่อน ดูว่ามีงานอะไรต้องจัดการอีกบ้าง ถ้ามีก็จัดการไปก่อนได้เลย ถึงยังไงฉันต้องออกไปข้างนอกและฉันเชื่อว่าเรื่องเล็กๆ พวกนี้เธอแก้ปัญหาได้อยู่แล้ว” พูดจบเธอก็รีบร้อนวางสายไป
หลินหว่านโทรหาสายเมื่อครู่อีกครั้ง พูดว่า “มีอะไรหรือคะ? รีบร้อนไหมคะ?”
เพื่อนสนิทรีบพูดอย่างร้อนรนว่า “ในสายพูดคุยไม่สะดวก เธอออกมาสักครั้งเถอะ มาที่ร้านกาแฟหานซ่างกวน ฉันจะรอเธอที่นี่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หลินหว่านพูด “ได้ เธอรออยู่นั่นนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
เธอรีบขับรถออกจากบ้านพักตากอากาศ ไปพบคนพิเศษ ดูเหมือนเธอพอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไรจึงยิ้มออกมา เวลาค่อยๆ ผ่านไป หลินหว่านขับรถมาถึงร้านกาแฟเห็นเพื่อนเก่ารออยู่ที่นั่นก็ขอโทษที่ให้เธอรอนาน
พอถึงร้านกาแฟ เพื่อนสนิทนั้นพูดว่า “ในที่สุดเธอก็มาแล้ว ฉันร้อนใจแทบตายแน่ะ มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากบอกเธอ เธออยากฟังไหมล่ะ” เพื่อนแกล้งเย้าเสี่ยวหว่าน
หลินหว่านพูด “เอาเถอะ อย่ามัววกวนอ้อมค้อมอยู่เลย พูดมาเถอะ ฉันอยากรู้จะแย่แล้ว” แน่นอนว่าหลินหว่านดูจากท่าทีของเพื่อนสนิทก็รู้ว่ารออยากเล่าเรื่องด่วนให้เธอฟังอยู่
“งั้นฉันพูดละนะ เธอก็อย่าสะดุ้งตกใจไปล่ะ…”
“ฉันรอฟังอยู่นะ เธอรีบพูดเร็วสิ!”
“ไอ้หยา เสี่ยวหว่านเธอนี่ใจร้อนจริงนะ! เอาล่ะๆ ฉันพูดแล้ว! เกี่ยวกับเรื่องที่เธอถูกไป๋เจี๋ยใส่ร้าย ฉันมีหลักฐานว่าไป๋เจี๋ยส่งคลิปว่าตัวเองถูกเธอรังแกขึ้นเน็ตและแกล้งทำตัวน่าสงสาร บางทีสำหรับเธอแล้วไม่นับเป็นอะไรได้ แต่ฉันกับไป๋เจี๋ยถึงยังไงก็เป็นเพื่อน แต่ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ควรจะถูกไป๋เจี๋ยข่มเหงแบบนี้ ฉันจึงเลือกที่จะบอกเธอ” เธอรีบพูดออกมารวดเดียว ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตอบว่า “หลักฐานที่ฉันจะส่งให้เธอเป็นคลิปต้นฉบับที่ฉันมีอยู่ตอนนี้”
หลินหว่านพูด “ฉันก็รู้ว่าเธอลำบากใจ ถึงยังไงจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ผิดทั้งนั้น ฉันจึงรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่เจอกับเธอ” พูดจบประโยคนี้ มือถือของเธอก็ส่งสัญญาณดังขึ้น หลินหว่านขอโทษเพื่อนแล้วเดินเลี่ยงออกไปรับสาย
หลินหว่านเดินถึงริมหน้าต่าง หยิบมือถือขึ้น เห็นสายที่เข้ามาจากเลขาก็รีบรับสาย เลขาพูดว่า “คุณคะ เมื่อไหร่คุณจะเสร็จธุระ ตอนนี้ข้างนอกบริษัทมีแต่นักข่าว! บอกว่าอยากให้คุณชี้แจงข่าวลือเรื่องคลิปที่อยู่บนเน็ตว่าเกี่ยวกับคุณหรือไม่กันแน่ค่ะ!”
หลินหว่านพูดว่า “ไว้ฉันจะบอกเธอทีหลังนะ เธอรับมือกับพวกนักข่าวนั่นไปก่อน พวกเธออย่าเชื่อคำเล่าลือไร้สาระบนเน็ตนะ แล้วเธอต้องเชื่อฉัน เรื่องไม่ได้ทำฉันไม่มีวันยอมรับ แล้วฉันจะอธิบายกับพวกเขาเอง”
เลขาพูด “ได้ค่ะคุณ! ฉันจะพยายามไม่ให้พวกเขาก่อเรื่องขึ้นอีก”
หลินหว่านวางสายแล้วจึงกลับมาหาเพื่อน ยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้เธอส่งหลักฐานมาให้ฉันได้ไหม ฉันอาจมีเรื่องต้องใช้มัน เธอก็รู้คนอย่างไป๋เจี๋ยนั่น ใส่ร้ายฉันไว้สาหัสนัก ตอนนี้พวกนักข่าวไปหาเรื่องฉันที่บริษัทโน่นแน่ะ”
——
[1] ขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวอีกเป็นกำมือ หมายถึง ทำงานไม่สำเร็จไม่ได้อะไรแถมยังเข้าเนื้อตัวเองอีก