TB:บทที่ 291 ท่านเคาท์
หากจะว่าตามคำที่พวกเขาบอก สิ่งที่เต๋ากวงหานได้แสดงไปช่างเหมือนกับ “ใบมีดแห่งปิศาจ” จากนรก พร้อมกับธรรมชาติอย่างปิศาจอันทรงพลังและมีอำนาจ
หลังจากที่ฆ่า “หมีมรณะ” ไปแล้ว เต๋ากวงหานยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ราวกับเขาได้ฆ่าหมูไปตอนที่เขาฆ่า “หมีมรณะ” คล้ายกับเป็นปิศาจเลือดเย็น
ในขณะนั้น หญิงเหล่านั้นไม่ได้คิดเรื่องเต๋ากวงหานให้มากความ พวกเธอขยิบตาให้เต๋ากวงหานบ่อยๆ ในตอนนี้ตราบใดที่เต๋ากวนหานตอบสิ่งที่พวกเธอส่งไป พวกเขาจะสามารถชื่นชมกับพลังของ “ใบมีดแห่งปิศาจ” ได้
อย่างไรเสีย เต๋ากวงหานก็เมินพวกเธอไปราวกับเขาไม่มีดวงตาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าเต๋ากวงหานไม่ได้สนใจในตัวพวกเธอ เหล่าหญิงพวกนั้นยังคงทำต่อไปอย่างกล้าหาญและไม่ย่อท้อ ราวกับว่าพวกเธอเกิดมาเพื่อจะชอบการโดนเมินแบบนี้ เป็นดั่งที่เฉินหลงว่า คนพวกนี้เกิดมาอย่างต่ำต้อยและชอบที่จะโดนรังแก
“ผู้ช่วยกัปตัน” พูดใส่หน้าเจ้าหน้าที่บางคนว่าควรจะปล่อยเขาไป เต๋ากวงหานจึงออกมาจากสังเวียนช้าๆ
เมื่อผ่านพวกหญิงสาวเหล่านั้น คนพวกนั้นลูบเต๋ากวงหานอย่างแรงโดยไม่สนใจอะไรเพื่อให้เต๋ากวงหานจะรู้สึกถึงความพยายามแรงกล้าและความตื่นเต้น
อย่างไรเสียเต๋ากวงหานยังคงมีสีหน้าอับจนหนทาง เขาเดินไปช้าๆทางเฉินหลงและพวกของเขา ราวกับเต๋ากวงหานไม่เหมือนคนๆหนึ่งที่มีความรู้สึกรู้สา
แม้ว่าหญิงสาวผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นอยากจะทำอะไรสักอย่างกับเต๋ากวงหาน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกนั้น พวกหล่อนทำเพียงมองเต๋ากวงหานเดินออกไปคล้ายกับเป็นภรรยาที่ขุ่นเคือง
“เจ้านาย” เต๋ากวงหานเดินไปหาเฉินหลงและเรียกเขา
“เอาล่ะ ใจเย็นไว้ ผู้หญิงพวกนั้นสนใจคุณ คุณเลือกมาสักคนได้เลยนะ อย่าทำตัวให้ดูเย็นชาเหมือนติดหนี้ใครมาสิ คุณแจ้งเกิดในโลกนี้แล้วนะ เมื่อเป็นเวลาจะสนุก คุณก็ไม่ควรจะปฏิบัติกับตัวเองแย่ๆ” เฉินหลงตบไหล่เต๋ากวงหาน
“ตอนนี้ เจ้านายครับ ผมคงต้องหาเวลาทำตัวให้ชินก่อน” เต๋ากวงหานพยักหน้า
หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าความหมกหมุ่นของเขาที่ลงที่ครอบครัวจะผ่อนคลายไปบ้างเมื่อเขาผ่านพ้นมายังระดับสภาวะธรรมชาติ แต่เขาก็ทำเช่นนั้นได้ไม่ไวนัก
“ได้สิ”
เต๋ากวงหานกล่าวไป เฉินหลงจึงไม่บังคับอะไรเขาต่อ อย่างไรก็ตามจะยังมีโอกาสอีกมากเมื่อเขาไปถึงอังกฤษ
แล้วแอนเดสก็โผล่มาหาคาร์ลและพูดไปว่า “คุณคาร์ล ผมเชื่อว่าคุณได้เห็นแล้วว่าใครชนะใครแพ้ อย่าลืมสิ่งที่เราพนันกัน อีกสองวันเราจะไปยังเมืองท่า แล้วคุณก็ต้องแสดงการกระโดดน้ำสุดวิเศษให้ผมดู หากว่าคุณลืม บางทีจุดจบของคุณอาจจะเหมือนกับนักมวยที่คุณเลือกก็ได้นะ” เมื่อคาร์ลได้ยินที่แอนเดสว่า ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัด แล้วเขาก็จากไปโดยไม่กล่าวคำใด้กับพวกของเขาที่มาด้วย
เขาเป็นคนแพ้ เขาไม่มีคุณสมบัติพอจะพูดอะไร
“อีกอย่างหนึ่ง คุณไม่ต้องอยากหนีไปเลยนะ ผมจะจ้องมองคุณไว้ตลอดเวลาและทุกๆที่” หลังจากที่คาร์ลออกไปแล้ว แอนเดสก็พูดตามหลังเขาไป
เมื่อได้ยินคำของแอนเดส คาร์ลเกลียดเขาจนต้องกัดฟันแล้วจึงเร่งฝีก้าวของตนไปต่อ หากว่าเขาอยู่ในเขตแดนของตนตอนนี้ เขาคงให้คนบดแอนเดสทิ้งไปแล้ว
หลังจากการต่อสู้ พวกเฉินหลงทั้งสี่คนก็กลับห้องไป
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เฉินหลงถือแก้วไวน์แดงและเพลิดเพลินกับซิการ์สุดนุ่มนวลอยู่นั้น แขกที่ไม่คาดคิดจู่ๆก็มาเยี่ยมเยือนเฉินหลง
หลังจากที่เฉินหลงเปิดประตู เขาเห็นคนยืนอยู่ข้างนอกจึงอดจะสงสัยไม่ได้ คนคนนั้นสูงราวร้อยแปดสิบเซนติเมตร เขามีผมทองยาวประบ่า สวมแว่นตากรอบทองหน้าตาดูดี บนใบหน้าหล่อเหลามีหนวดแสนเย้ายวน อีกสิ่งหนึ่งคือเขามีชุดอุปกรณ์ของสุภาพบุรุษที่น่าจะทำโดยช่างตัดเสื้อชาวอิตาเลี่ยนชั้นต้นๆด้วย
ทั้งหมดที่ว่ามาทำให้ชายคนที่ยืนอยู่นอกประตูนั้นดูสง่างาม เขามีไท้เท้าฝังอัญมณีอยู่ในมือ ชายยุโรปคนนี้อายุราวๆสามสิบปี
เขามีไม้เท้าสุดหรูหราฝังทับทิมอย่างวิจิตรที่ยิ่งขับเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครออกมาจากตัวชายคนนี้
“นายคือ” เฉินหลงมองชายคนนี้ด้วยความใคร่รู้แล้วจึงถามไป
“สวัสดี ตัวผมชื่อชาลส์ ผมเป็นทายาทแห่งตระกูลชาร์ลแห่งอังกฤษ ผมยังสืบทอดตำแหน่งเอิร์ลจากตระกูลด้วย” ชาลส์พยักหน้าให้เฉินหลงอย่างสง่างาม
“ท่านเคาท์หรือ ให้ผมช่วยอะไรไหม” หลังจากที่รู้ตัวตนของชาลส์ เฉินหลงยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก เคาท์จากอังกฤษจะมาทำอะไรได้อีกกัน
“เอาเป็นว่า ผมมีธุรกิจที่อยากร่วมมือกับคุณเฉิน หากว่างานทั้งหมดนี่สมบูรณ์แบบ เราจะร่วมมือกับคุณต่อในอนาคต จะว่าไปแล้ว ผมขอเข้าไปแล้วพูดธุระต่อได้ไหม” ใบหน้าของชาลส์ยังคงประดับยิ้มสง่างาม เขาพูดกับเฉินหลงด้วยสำเนียงอังกฤษ
“ได้สิ”
หลังจากที่เฉินหลงให้ชาลส์เข้ามา เขาจึงถามต่อไป “ร่วมมือ ร่วมมือกัน อะไรนะ”
“ก็ ผมไม่ได้มาที่นี่เอง แต่มาในนามขององค์กรที่เป็นเบื้องหลังผม องค์กรของผมเป็นองค์กรระดับโลกที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการจัดเก็บข้าวของที่มีค่าทางวัฒนธรรม วัตถุประสงค์ขององค์กรเราคือการปล่อยให้งานศิลปะที่ฝังหรือซ่อนอยู่กลับมาจัดแสดงความงดงามและแวววาวต่อโลกนี้ได้อีกครั้ง คุณเฉินโปรดอย่าคิดว่าเราเป็นกลุ่มโจร พวกเราไม่ใช่โจร พวกเราเป็นแค่ศิลปินที่งดงาม พร้อมกับเป้าหมายเพื่อทำให้งานศิลปะพวกนี้กลับมาปรากฏได้อีกครั้ง พวกเราจึงมาที่นี่ด้วยกัน ผมรู้ว่าคุณเฉินไม่ใช่คนธรรมดา ผมจึงอยากจะร่วมมือกับคุณเฉิน” เมื่อชาลส์กล่าวถึงศิลปะ ตาของเขาพลันเป็นประกาย จนมองได้ว่าเขาหมกหมุ่นกับงานศิลปะ
“เคาท์ชาลส์ คุณอยากจะดื่มไหม ที่นี่ผมมีไวน์แดงปีหนึ่งเก้าแปดสองอยู่จากคฤหาสน์ลาฟิตในฝรั่งเศส คุณอยากจะลองชิมดูไหมครับ” เฉินหลงไม่ตอบอะไรชาลส์ แต่กล่าวกับชาลส์พร้อมขวดไวน์แดงที่เขาเพิ่งดื่มไป
“แน่นอนครับ ขอบคุณ” ชาลส์กล่าวสุภาพ
เฉินหลงยิ้มและรินให้ชาลส์แก้วหนึ่ง จากนั้นเขามองคนที่เรียกตนเองว่า “ศิลปิน” แต่จริงแล้วเป็นแค่โจรขโมยงานศิลป์ชั้นยอดเท่านั้น
หลังจากที่จิบไวน์ไป บนใบหน้าเฉินหลงแสดงสีหน้าพึงพอใจ “เยี่ยม หนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบสองเป็นปีที่งดงามของศตวรรษ องุ่นทุกลูกรับฝนที่พอดีและแสงแดดที่เพียงพอ ทำให้ไวน์นี่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไวน์ดี”
เฉินหลงยิ้มและกล่าวไปเบาๆ “ท่านเคาท์ชาลส์ ไวน์นี่เป็นไวน์ที่ดีจริงๆ แต่ผมคิดว่าคุณอาจจะพลาดไป ผมไม่สนใจเรื่องการสะสมงานศิลปะ”
ในตอนนี้ที่อังกฤษ เฉินหลงกำลังจะใช้กลวิธีหนึ่งกับโบสถ์แห่งแสง เขาเลยไม่มีเวลาจะทำเรื่องงานศิลปะอะไรนี่
“คุณเฉิน อย่ามัวแต่ปฏิเสธผมเลย แค่ฟังผมก่อนนะ” การปฏิเสธของเฉินหลงไม่ได้ทำให้ชาลส์แปลกใจนัก เขายังคงพูดไปด้วยรอยยิ้ม