TB:บทที่ 296 การขโมยคน
“ความศักดิ์สิทธิรับรู้ถึงพระผู้เป็นเจ้า ทว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากผู้ใช้สิ่งศักดิ์สิทธินี่ตายหรือเป็นพิการเล่า” เฉินหลงเหลือบมองและกล่าวไปด้วยร่องรอยจิตสังหารในน้ำเสียงเขา
“หากว่าเจ้าของของศักดิ์สิทธินี่ตายไป ของนี่จะหาตัวเจ้าของใหม่เองในเวลาหนึ่งปี ไม่ก็เลือกคนหนึ่งจากที่โบสถ์แห่งแสงสนับสนุน สำหรับว่าหากพิการแล้ว โบสถ์แห่งแสงสามารถช่วยให้คนคนนั้นหายกลับมาได้” แอนเดสมองเฉินหลงอย่างประหลาด เขาถามทำไมกัน
“ก็ ไม่ว่ากรณีใด จอกศักดิ์สิทธิยังคงอยู่ในมือของโบสถ์แห่งแสงอยู่ดีหรือ” เฉินหลงถามไป
แอนเดสไม่กล่าวอะไร เขาเพียงกางมือออกและแสดงให้รู้ว่าไม่มีทางเลย
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ผมไม่ชอบใจที่จะเห็นคนพวกนั้นได้ดีนัก”
“ตกลง” เฉินหลงตัดสินใจได้
ในตอนที่สมาชิของสภาแห่งความมืดถอยทัพกันนั้นเอง บาชรู้สึกโล่งอก ในขณะเดียวกัน เขายังสาบานในใจด้วยว่า “ในนามแห่งพระผู้เป็นเจ้า ผมจะให้กำลังของพระสันตะปาปากวาดพวกสภาแห่งความมืดให้หมดเสียที่นี่ ช่างน่ารังเกียจจริงที่พวกมันกล้ามาล้อมโบสถ์ไว้”
จากนั้นบาชและคาดินัลคนอื่นจึงคิดอะไรบางอย่างได้ พวกเขารีบไปหาปีเตอร์ที่สวมชุดเกราะอยู่
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของปีเตอร์แล้ว บาชยิ้มอย่างใจดีให้และกล่าวกับปีเตอร์ “ใจเย็นไว้ก่อน พ่อหนุ่ม พวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นกลัวนายหนีไปแล้ว จะว่าไปชื่อนายคือปีเตอร์หรือ” ปีเตอร์พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขายังคงดูกังวลอยู่ เขาทำงานในโบสถ์นี่มานานแล้ว และแน่ล่ะว่าเขารู้ว่าบาชเป็นใครจากชุดที่เขาสวมอยู่
เมื่อเห็นความกังวลของปีเตอร์ บาชก็ตบบ่าและกล่าวไป “ปีเตอร์ ในโบสถ์เซนต์พอลนี่นายเป็นใครหรือ”
ปีเตอร์สามารถจะทำการยืนยันชุดเกราะนี่ได้ เขาเชื่อว่า คนคนนี้จะต้องเป็นบาทหลวงในโบสถ์นี่แน่นอน
อย่างไรเสีย คำตอบของปีเตอร์ทำให้บาชต้องอับอายเล็กน้อย
“ผมเป็นแค่อาสาสมัครครับ แล้วก็ผมอาสามาโบสถ์เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน ผมจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับวันนี้เลย โปรดอย่าทำร้ายผม” เมื่อเขาได้ยินที่ปีเตอร์บอกว่าเขาเป็นเพียงอาสาสมัคร บาชอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หากว่าเขาเป็นบาทหลวง บาชคงใช้เหตุผลเรื่องพระเกียรติแห่งพระผู้เป็นเจ้าได้ ทว่าเขาเป็นเพียงแต่อาสาสมัคร จริงแท้ทีเดียว แต่อย่างไรด็ตาม คาดินัลนั้นมีคุณสมบัติพอให้เป็นคาดินัล เขาคิดวิธีออกได้ทันที บาชพร้อมกับรอยยิ้มใจบุญ เขากล่าวกับปีเตอร์ไปก่อนว่า “ไม่ต้องห่วงไป เราทุกคนเป็นคนของพระเจ้า เราจะทำร้ายคุณได้อย่างไรกัน”
จากนั้นเขาจึงพูดไปด้วยเสียงอันดัง “ข้าขอสรรเสริญพระเจ้า ปาฏิหาริย์ของท่านได้ประจักษ์แจ้งอีกครั้ง ท่านได้บอกเราแล้วว่าแม้จะไม่ได้รับใช้ท่านอย่างผู้รับใช้คนหนึ่งทว่าก็ยังคงได้รับความซาบซึ้งจากท่าน พระผู้เป็นเจ้า ท่านได้มอบพระสิริแห่งท่านอันไม่จบสิ้น พระสิริและพละกำลัง ในนามของคาดินัล ข้ารับใช้อันซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน ข้าขอให้ปีเตอร์อัศวินศักดิ์สิทธิคนใหม่ จงมีพระสิริแห่งท่านและพระสิริจงสถิตกับเขาตลอดกาล”
หลังจากที่เขาว่าบทสรรเสริญขอบคุณพระเจ้าแล้ว เหล่าบาทหลวงทั้งหมดได้ปรากฏตัวรวมทั้งพวกเพชฌฆาตของผู้พิพากษาด้วยที่เริ่มมาสรรเสริญเขาเสียงดัง
เมื่อเขาได้ยินว่าเขาเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิแบบใด ปีเตอร์มึนงง ตอนนี้พวกบาทหลวงอาวุโสหลายคนกำลังร้องเพลงสรรเสริญรอบๆเขา ปีเตอร์ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร เขาพลันเป็นลมไป
หากว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสของโบสถ์แห่งแสงรู้ส่าอัศวินศักดิ์สิทธิคนใหม่เป็นลม พวกเขาจะคิดอย่างไร
ขณะนั้น เฉินหลงสวม “หน้ากากพันหน้า” กลายมาเป็นชายอังกฤษหน้าตาดี เขาออกไปจากอาคารและรีบเร่งกลับมาหาบาชและพวกของเขา
เขาเห็นว่าเฉินหลงรีบเข้ามาหา บาชและพวกของเขาจึงโจมตีเฉินหลงทันใด
อย่างไรเสีย เฉินหลงก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากโลกมืด อีกประการหนึ่งคือ ด้วยร่างอมตะ การโจมตีเหล่านั้นจึงไม่มีผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
หลังจากที่พุ่งเข้าไปข้างปีเตอร์แล้ว เฉินหลงพร้อมด้วยพลังดังสัตว์ป่าของเขาก็ผลักบาทหลวงให้ล้มลงราวกับพวกเขาเป็นหุ่นไล่กาในทันที ทว่าร่างกายของเขาไม่หกตีลังกากลับเลยสักนิด
เมื่อเฉินหลงคว้าปีเตอร์ที่เป็นลมไปได้แล้วเขาพลันรีบออกไปอย่างว่องไว
การกระทำของเฉินหลงนั่นรวดเร็วเกินไป ไม่เพียงแต่บาทหลวงที่ไม่ทันจะได้โต้ตอบ แต่แม้กระทั่งแอนเดสเองยังตกใจ เขาไม่เคยจะคิดว่าเฉินหลงจะทำอะไรที่กล้าหาญเช่นนี้ อีกทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดด้วย
เขาเห็นเช่นนั้น แอนเดสรีบใช้ลมหายใจมืดของเขาและจากไปพร้อมเทียซิน เขาเชื่อว่าเฉินหลงจะหาเขาเจอ
เฉินหลงละปีเตอร์ที่เป็นลมอยู่ออกจากที่นั่นอย่างว่องไว ขณะที่สมาชิกของคณะผู้พิพากษาตามเฉินหลงไปในทันที พร้อมกับใช้ “ไลท์เซเบอร์รูปไม้กางเขน” โจมตีเฉินหลงโดยไม่ใช้เครื่องเงิน
อย่างไรเสีย “ไลท์เซเบอร์” เหล่านี้ก็ทำอะไรเฉินหลงไม่ได้เลย
พวกเขาทำร้ายเฉินหลงไม่ได้ พวกเขาตามเฉินหลงไม่ได้ด้วย เขาโกรธขึ้นมาที่สมาชิกของคณะผู้พิพากษาไม่อาจจะตามเฉินหลงได้
“นั่นใคร” ตอนนั้น สีหน้าของบาชที่มีมารยาทดีอย่างมากแสดงสีหน้าแห่งความโกรธเกรี้ยวออกมา
เขารู้ว่า ปีเตอร์คืออัศวินศักดิ์สิทธิคนที่สิบสามของโบสถ์แห่งแสง เครื่องมือศักดิ์สิทธิจึงรับรู้ตัวเขาแบบอัตโนมัติ เขาจะกลายมาเป็นพลังการต่อสู้ของโบสถ์แห่งแสงในอนาคต ทว่าในตอนนี้ชายที่ไม่ทราบที่มาได้ลักพาตัวเขามาแล้ว คนจำนวนมากของเขาไม่อาจจะทิ้งปีเตอร์ไปได้ นี่คือการตบตีหน้าด้วยมือเปล่า
กลุ่มบาทหลวงส่ายหัว
“หากว่านายไม่รู้ ก็อย่ามาโทษฉันใจร้าย ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไร นายควรจะไปหาคนมาให้ฉัน” บาชกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
เมื่อได้ยินคำรามของบาช พวกบาทหลวงจึงตื่นขึ้นและไปหาคนมา
“ชายคนนี้ไม่กลัวแสงโจมตี เขาคงไม่ใช่สมาชิกของสภาแห่งความมืดแน่ แต่ทำไมเขาจึงจับตัวปีเตอร์ไปเล่า เขาเป็นใคร ถ้าปีเตอร์คนนี้คงหายไป พระสันตะปาปาคงกล่าวโทษได้ แล้วเรื่องทั้งหมดจะตึงเครียดขึ้น”
หลังจากที่พวกบาทหลวงออกไปแล้ว บาชจึงครุ่นคิดกับตัวเอง
เมื่อหนีไปได้สักพัก เฉินหลงรีบปกปิดร่างของเขาด้วยจิตวิญญาณแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าและพาปีเตอร์ไปยังไชน่าทาวน์
ด้วยระบบอัจฉริยะที่นำมาใช้ เฉินหลงจึงคล้ายกับว่านำจีพีเอสครอบจักรวาลติดตัวมาด้วย เขาจึงไม่มีทางหลงไม่ว่าเขาจะไปที่ใด
ตอนที่เขามาถึงไชน่าทาวน์ เฉินหลงทำให้รูปลักษณ์เดิมคืนกลับมา ขณะที่ยังซ่อนปีเตอร์ไว้ ไม่เช่นนั้น ภาพลักษณ์ของชายที่ใส่ชุดเกราะยุคกลางคงเรียกความสนใจของผู้อื่นแน่นอน
เขามองหาสถานที่ที่เรียกว่า “หอคอยไชน่า” เฉินหลงเปิดห้องและเข้ามาพัก
การจับปีเตอร์มานี้ เฉินหลงต้องการจะเรียนรู้เรื่องจอกศักดิ์สิทธิ
เมื่อเขาเข้าห้องมา เฉินหลงควบคุมปีเตอร์ด้วยเข็ม ดังนั้นเขาจะไม่ตื่นขึ้นมา ตอนที่เฉินหลงศึกษาจอกศักดิ์สิทธิอยู่
เฉินหลงเคาะเกราะของปีเตอร์ด้วยมือของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชุดเกราะนี่ทำมาจากเหล็กกล้า
จากนั้น เฉินหลงพยายามจะถอดชุดเกราะออกจากร่างของปีเตอร์ แต่มันคล้ายกับว่าจะเติบโตบนตัวของปีเตอร์แล้ว เขาจึงไม่สามารถจะถอดออกมาหมดได้