เมื่อหลิ่วจ้าวเฉินได้ยินคำนั้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายได้สืบค้นข้อมูลเบื้องลึกของเขามาแล้วอย่างละเอียด
เขาจึงคุกเข่าก้มศีรษะติดพื้นด้วยความหวาดกลัว “พี่ใหญ่ นี่มันเรื่องเข้าใจผิดนะครับพี่ใหญ่! เมื่อก่อนผมเคยไปล่วงเกินคนคนหนึ่ง เพราะงั้นคนนอกก็เลยเอาชื่อของผมไปพูดให้เสียหาย ผมไม่เคยทำเรื่องการค้าเด็กมาก่อนเลยนะครับ นั่นมันเป็นข่าวลือๆเสียจากคนอื่นนะครับ!”
เย่เฉินยิ้มและถามเขาว่า “คุณคิดว่าผมเหมือนคนโง่เหรอ?”
หลิ่วจ้าวเฉินก้มหัวไม่หยุด ตอนนี้หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาพูดร้องขอว่า “พี่ใหญ่ ครั้งนี้จะโทษผมไม่ได้จริงๆนะครับ ครั้งนี้เป็นความคิดของคนที่ชื่อเจี่ยงหมิงนั่น เป็นเขาที่บอกกับผมว่าเขาประสบอุบัติเหตุ ขาดเงินอยู่หลายแสน และก็เป็นเขาที่บอกผมว่ามีเด็กอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจำนวนมาก แม้แต่แผนการขโมยเด็กนี่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นแผนการของเขา!”
เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “วางใจเถอะ บัญชีของพวกคุณแต่ละคนน่ะ ผมจะคิดมันยังละเอียดทีละน้อยล่ะ”
พูดอยู่ เย่เฉินก็ถามขึ้นอีกว่า “ผมถามคุณหน่อย เด็กเซตนี้พวกคุณตั้งใจจะขายให้ใคร?”
หลิ่วจ้าวเฉินในเวลานี้จะกล้าปิดบังได้ยังไง เขารีบพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ เด็กเซตนี้ตั้งใจจะขายให้สำนักขอทานซูหางครับ!”
เย่เฉินถามอีกว่า “คนติดต่อของนายคือใคร?”
หลิ่วจ้าวเฉินโพล่งออกมาว่า “เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักขอทานครับ!”
เย่เฉินขมวดคิ้ว “สำนักขอทานมีผู้อาวุโสด้วยเหรอ?”
หลิ่วเจ้าเฉินพยักหน้ารัวๆ แล้วกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “สำนักขอทานนี่ ก็คือการเลียนแบบอย่างสมบูรณ์มาจากสำนักขอทานในยุทธจักร เพราะพวกเขาทั้งหมดแกล้งทำเป็นขอทานเพื่อหลอกเอาเงินไปทุกที่ เพราะงั้นก็เลยใช้ชื่อสำนักขอทาน
เจ้าสำนักที่ใหญ่ที่สุดของสำนักขอทาน ก็คือเจ้าสำนักของพวกเขา รองมาจากเจ้าสำนักยังมีรองเจ้าสำนักอีกสองคน ผู้อาวุโสทั้งเก้า เจ้าหอทั้งสิบ และผู้ใต้บังคับบัญชาอีกนับหมื่นกระจายอยู่ทั่วทั้งมณฑล…”
เย่เฉินไม่คาดคิดเลย ว่าสำนักขอทาน สำนักนี้จะเป็นราวกับมะเร็งของสังคม มีโครงสร้างองค์กรที่ใหญ่โตแบบนี้!
ลำพังแค่สำนักขอทานในมณฑลก็ยังมีมากกว่าหมื่นคน!
หลิ่วจ้าวเฉินต้องการแสดงความดีต่อหน้าเย่เฉินและพยายามหาทางผ่อนปรน เขาจึงเทข้อมูลทุกอย่างที่เขารู้ออกมา
“พี่ใหญ่ ผู้อาวุโสทั้งเก้าของสำนักขอทานล้วนแล้วแต่เป็นเศรษฐีทรัพย์สินนับสิบล้านกันทั้งนั้น คนกลุ่มนี้เลิกขอทานด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์และขับรถหรูหรา หรือแม้กระทั่งสร้างสำนักงานขึ้นมาเอง”
“ผู้อาวุโสทั้งเก้าล้วนทำหน้าที่ของตน บางคนมีหน้าที่สรรหาสมาชิกใหม่ รับผิดชอบในการบริหาร การเงิน และการฝึกอบรม แล้วยังมีคนอื่นๆ ทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ธรรมเนียมของบ้าน ผู้อาวุโสที่ผมติดต่อด้วยนั้น มีหน้าที่ซื้อเด็กเพื่อไปเป็นขอทานโดยเฉพาะ…”
เย่เฉินถามขึ้นอีกว่า “งั้นเจ้าสำนักของสำนักขอทานคือใคร?”
หลิ่วจ้าวเฉินตอบว่า “เจ้าสำนักของสำนักขอทานชื่อว่าเซวหนานซาน ท่านอย่างมองเขาเป็นเพียงแค่เจ้าสำนัก แต่ว่าทรัพย์สินของมีมูลค่าอย่างน้อยพันล้าน ธุรกิจของเขาครอบคลุมธุรกิจสีเทาทุกประเภท แล้วเขาก็ได้กลายเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกใต้ดินของเมืองซูหาง”
พูดอยู่ เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “จริงสิ เซวหนานซานมีพื้นเพดีทีเดียวนี่ พี่สาวแท้ๆของเขาคือภรรยาของอู๋ตงไห่ผู้นำตระกูลอู๋!”
ชั่วขณะนั้นเย่เฉินเลิกคิ้ว “พูดแบบนี้ก็แปลว่า เซวหนานซานเป็นน้องชายภรรยาของอู๋ตงไห่งั้นเหรอ?”
“ใช่ใช่ใช่!” หลิ่วจ้าวเฉินพยักหน้าติดๆกัน แล้วพูดว่า “น้องชายภรรยาแท้ๆล่ะ!”
เย่เฉินพยักหน้าพร้อมหัวเราะหัวเราะเยาะ แล้วพูดพึมพำกับตัวเองว่า “น่าสนใจ! น่าสนใจจริงๆ!”
———-